วิทยาการคำนวณ ม.3
บทที่ 6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างรู้เท่าทัน
คลิกเพื่อเข้าสู่บทเรียน
เมนูหลัก
คำชี้แจง
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
ผู้จัดทำ
เหตุผลวิบัติ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
การใช้งานลิขสิทธิ์
ที่เป็นธรรม
2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนทั้งหมด 10 ข้อ 10 คะแนน
คำชี้แจง
1
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
2
จุดประสงค์การเรียนรู้
ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้
อภิปรายข้อมูลที่เป็นเหตุผลวิบัติได้
รู้เท่าทันสื่อและข่าวลวง
อภิปรายกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
3
ทบทวนความรู้ก่อนเรียน
โฆษณาที่ส่งมากับอีเมลจัดเป็นสแปม ถูกต้องหรือไม่ ?
4
ทบทวนความรู้ก่อนเรียน
รายงานผู้ให้บริการเมื่อพบว่ามีการกลั่นแกล้งผู้อื่นในสื่อสังคม ถูกต้องหรือไม่ ?
5
ทบทวนความรู้ก่อนเรียน
การนำรูปภาพที่เพื่อนเป็นผู้ถ่ายมาปรับแต่งและโพสต์ลงสื่อทางสังคม ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ ?
6
ทบทวนความรู้ก่อนเรียน
ในปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศทำได้ง่ายดังนั้นการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคนซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ความรอบคอบเข้าใจเทคโนโลยีและศึกษาเงื่อนไขในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการใช้สมาร์ทโฟน เครื่องคอมพิวเตอร์ การใช้งานแอพพลิเคชั่น ทุกคนจึงควรเรียนรู้และติดตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ในบทนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูล เหตุผลวิบัติ การรู้เท่าทันสื่อ และการใช้ไอทีอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
7
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
การนำข้อมูลมาใช้ในการเรียน การทำงานและการตัดสินใจต่างๆ จะต้องพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลที่นำมาจากหลายแหล่งข้อมูลโดยต้องเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีความถูกต้องสมบูรณ์ สอดคล้องตรงตามความต้องการและมีความทันสมัย
8
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ นักเรียนอาจใช้การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้ประเด็นการพิจารณาของ "พรอมท์" PROMPT ได้แก่
การนำเสนอ
(Presentation)
ความสัมพันธ์
(Relevance)
วัตถุประสงค์
(Objectivity)
วิธีการ
(Method)
แหล่งที่มา
(Provenance)
เวลา
(Timeliness)
9
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
การนำเสนอ
(Presentation)
การนำเสนอข้อมูลที่ดี จะต้องมีการวางเค้าโครงที่เหมาะสมมีรายละเอียดชัดเจน ไม่คลุมเครือ ใช้ภาษาและสำนวนถูกต้อง มีข้อมูลตรงตามที่ต้องการ เนื้อหามีความกระชับ สามารถจับใจความหรือประเด็นที่สำคัญได้
10
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
ความสัมพันธ์
(Relevance)
การพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์จะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของข้อมูลกับสิ่งที่ต้องการถึงแม้ว่าข้อมูลนั้นอาจมีคุณภาพมากแต่ถ้าไม่สัมพันธ์หรือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เช่น นักเรียนจะไปเที่ยวเกาะภูเก็ตซึ่งอยู่ทะเลฝั่งอันดามัน แต่ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับทะเลฝั่งอ่าวไทย
11
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
วัตถุประสงค์
(Objectivity)
ข้อมูลที่จะนำมาใช้ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือมีเจตนาแอบแฝง
ตัวอย่างข้อมูลที่มีเจตนาแอบแฝง เช่น
12
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
วิธีการ
(Method)
ข้อมูลที่นำมาใช้ เป็นข้อมูลที่มีการวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เช่น หากนักเรียนต้องการใช้แอพพลิเคชั่นตรวจสอบลำดับคะแนนสอบวิชาวิทยาการคำนวณของตนว่าอยู่ในระดับใดของโรงเรียน แอพพลิเคชั่นนั้นควรมีการเตรียมข้อมูลดังนี้
13
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
แหล่งที่มา
(Provenance)
ข้อมูลที่น่าเชื่อถือต้องมีการระบุแหล่งที่มาอย่างชัดเจนและเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
14
การประเมิน
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
เวลา
(Timeliness)
ข้อมูลที่มีคุณภาพจะต้องมีความเป็นปัจจุบันหรือมีความทันสมัยและมีการระบุช่วงเวลาในการสร้างข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง
15
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
ในการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์หรือแหล่งที่มาของข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปใช้งานและอ้างอิง จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาของข้อมูลก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะสร้างความเสียหายได้ วิธีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลสามารถทำได้ดังนี้
16
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
เว็บไซต์หรือแหล่งที่มาของข้อมูลต้องบอกวัตถุประสงค์ในการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลไว้ในเว็บไซต์อย่างชัดเจน
1
การนำเสนอเนื้อหาต้องตรงตามวัตถุประสงค์ในการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
2
17
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ขัดต่อกฎหมายศีลธรรมและจริยธรรม
3
มีการระบุชื่อผู้เขียนบทความหรือผู้ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์
4
18
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
มีการอ้างอิงแหล่งที่มาหรือแหล่งต้นตอของข้อมูลที่มีเนื้อหาปรากฏบนเว็บไซต์
5
สามารถเชื่อมโยง (link) ไปเว็บไซต์อื่นที่อ้างถึงเพื่อตรวจสอบแหล่งต้นตอของข้อมูลได้
6
19
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
มีการระบุวันเวลาในการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์
7
มีการให้ที่อยู่หรืออีเมลที่ผู้อ่านสามารถติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้
8
20
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
มีช่องทางให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็น
9
มีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
10
21
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
บางเว็บไซต์อาจใช้ชื่อที่คล้ายกับหน่วยงานราชการที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือมีส่วนที่แตกต่างกันเล็กน้อยซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้อาจให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หากผู้ใช้งานไม่ได้สังเกตให้รอบคอบอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเว็บไซต์เหล่านี้เป็นแหล่งต้นตอของข้อมูล
21
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งที่มาของข้อมูล
ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้โดยดูข้อมูลจากการจดทะเบียนชื่อโดเมนว่าเป็นหมายเลขไอพีเดียวกับหน่วยงานที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ซึ่งมีเว็บไซต์ที่ให้บริการตรวจสอบชื่อโดเมนและข้อมูลอื่นๆของเว็บไซต์ เช่น whois.domaintools.com
1
เหตุผลวิบัติ
2
เหตุผลวิบัติ
การใช้เหตุผลเป็นวิธีหนึ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับข้อคิดเห็นหรือข้อสรุปต่างๆ การให้เหตุผลที่เหมาะสมมีส่วนทำให้การตัดสินใจยอมรับความเห็นและข้อสรุปทำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการให้เหตุผลมีทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมแตกต่างกันไป
3
เหตุผลวิบัติ
ในปัจจุบันการให้เหตุผลที่ไม่เหมาะสม พบเห็นได้มากขึ้น โดยผู้ให้เหตุผลอาจมีเจตนาบิดเบือนความจริงหรือคิดไปเองไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จนทำให้เหตุผลเหล่านี้อาจกลายเป็นเหตุผลวิบัติหรือตรรกะวิบัติได้ เหตุผลวิบัติเป็นการโต้แย้งโดยการให้เหตุผลที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงหรือมีความเป็นจริงเพียงบางส่วน จึงนำไปสู่ข้อสรุปที่มีความขัดแย้งกับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง
4
เหตุผลวิบัติ
เช่น การโต้แย้งบนเว็บบอร์ดหรือเครือข่ายทางสังคมที่มีการใช้ถ้อยคำประชดประชัน การใช้ความรู้สึกส่วนตัว การใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้อาจนำไปสู่การสรุปผลหรือการตีความข้อสรุปจากการโต้แย้งที่ไม่ได้นำข้อเท็จจริงมาพิจารณา ทำให้ผู้รับสารได้รับข่าวสารที่คลาดเคลื่อน
5
เหตุผลวิบัติ
เหตุผลวิบัติสามารถจำแนกออกได้เป็นสองแบบดังนี้
เหตุผลวิบัติแบบเป็นทางการ
เหตุผลวิบัติแบบไม่เป็นทางการ
6
เหตุผลวิบัติ
เหตุผลวิบัติแบบเป็นทางการ
เหตุผลวิบัติแบบทางการ เกิดจากการให้เหตุผลที่ใช้หลักตรรกะไม่ถูกต้องแต่เขียนอยู่ในรูปแบบที่เป็นทางการทำให้ดูสมเหตุสมผล
7
เหตุผลวิบัติ
ตัวอย่าง
มีคนกำลังหาเสียงและพูดว่า “ถ้าไม่เลือกผมผมจะไม่พัฒนาหมู่บ้าน”
ซึ่งถ้านักเรียนฟังแล้วอาจตีความว่าถ้าเลือกแล้วจะมีการพัฒนาหมู่บ้าน แต่ในความเป็นจริงถึงแม้จะถูกเลือกก็อาจจะไม่มีการพัฒนาหมู่บ้านก็ได้
8
เหตุผลวิบัติ
เหตุผลวิบัติไม่แบบเป็นทางการ
เกิดจากการให้เหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักตรรกะในการพิจารณาแต่เป็นการสันนิษฐานหรือเล่นสำนวน ซึ่งเกิดจากการใช้ภาษาชักนำให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นการพูดกำกวมหรือการพูดมากเกินความจำเป็น
9
เหตุผลวิบัติ
เช่น
10
เหตุผลวิบัติ
11
เหตุผลวิบัติ
1
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย
2
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย
การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น การใช้งานเพื่อทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิกส์ การใช้งานเพื่อสนับสนุนการทำงานและการใช้งานทั่วไป ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน
3
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย
การทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตหรือธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์นั้น กลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยได้ให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆเปิดโครงการพร้อมเพย์เพื่อให้ทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การโอนเงิน การชำระค่าสินค้าและบริการ
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
4
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย
ในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้องระมัดระวังและมีความรอบคอบ เช่น การซื้อสินค้าออนไลน์ ผู้ซื้อสินค้าไม่เห็นสินค้าจริงและไม่ได้รับสินค้าทันทีหลังจากชำระเงิน ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เกิดการฉ้อโกง เช่น ไม่ได้รับสินค้า สินค้าไม่มีคุณภาพหรือสินค้าไม่ตรงตามข้อมูลที่ปรากฏ
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
5
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีอยู่ 2 รูปแบบคือ
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
การธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
การทำธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการ
6
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
การธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
การทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อโดยผ่านเครือข่ายทางสังคมต่างๆหรือผ่านเว็บไซต์ของผู้ขายเช่น การจองที่พักผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม การสั่งซื้อมะพร้าวจากเว็บไซต์กลุ่มเกษตรกรจังหวัด
7
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
การทำธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการ
การทำธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการเป็นรูปแบบการทำธุรกรรมที่มีผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินการหรือตัวกลาง โดยผู้ให้บริการจะรวบรวมสินค้าและบริการต่างๆให้อยู่ในที่เดียวเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงและใช้บริการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
8
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
การทำธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการ
การทำธุรกรรมในรูปแบบนี้ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีการตรวจสอบผู้ขายและเป็นเสมือนผู้รับประกันทั้งในส่วนของสินค้าการให้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อว่าจะไม่ถูกหลอกลวงจากการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
9
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
การทำธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการ
การทำธุรกรรมในรูปแบบนี้คนกลางมักเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งส่วนของผู้ขายและผู้ซื้อ อีกทั้งยังรับประกันการได้รับสินค้า ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆลดลง ตัวอย่างเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการให้บริการ lazada.co.th , shopee.co.th
10
ผู้ใช้บริการอาจถูกมิจฉาชีพฉ้อโกงโดยใช้กลยุทธ์เรื่องราคาและหลักจิตวิทยาในการล่อลวงให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความโลภหรือเข้าใจผิด เช่น ขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าปกติมาก ขายสินค้าลอกเลียนหรือละเมิดลิขสิทธิ์ โดยทำให้เข้าใจว่าเป็นสินค้าของแท้
ข้อความคำนึงในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
11
นอกจากนี้ผู้ใช้บริการควรมีความระมัดระวังในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจมีหลายรูปแบบเช่น
ข้อความคำนึงในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
12
ชำระเงินโดยผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคาร ซึ่งใช้เพียงข้อมูลบางอย่าง เช่น ถ้าชำระเงินด้วยบัตรเครดิตจะใช้เพียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัตรคือหมายเลขบัตร วันหมดอายุ รหัสซีวีวี ที่อยู่ด้านหลังบัตร แล้วจะมีการยืนยันด้วยการส่งรหัสผ่านแต่ละครั้งผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออีเมล
ข้อความคำนึงในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
13
หลังจากทำธุรกรรมเสร็จแล้ว จะมีการแจ้งเตือนรายละเอียดการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถืออีเมลหรือแอพพลิเคชั่น จะเห็นว่าการตรวจสอบและยืนยันตัวตนหลายชั้นจะช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ หากผู้ให้บริการมีการยืนยันเพียงระดับเดียว อาจทำให้ไม่ปลอดภัย เช่นถ้ามีการขโมยข้อมูลบัตรเครดิต มิจฉาชีพก็สามารถทำธุรกรรมได้เพราะไม่มีการยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
ข้อความคำนึงในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
14
บริการตัวกลางการชำระเงิน เช่น ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีบริการรับชำระเงินโดยการเติมเงินเข้าระบบและผูกบัญชีเข้ากับหมายเลขโทรศัพท์มือถือผู้ที่เป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ สามารถโอนจ่ายและชำระค่าสินค้าและบริการได้เสมือนกับมีบัญชีธนาคาร
ข้อความคำนึงในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
15
ข้อควรระวังในการซื้อแอพพลิเคชั่น ไอเทมหรือการบริการ เมื่อมีการชำระผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารระบบปฎิบัติการจะบันทึกรายละเอียดไว้ ผู้ใช้งานควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยไว้เสมอปิดหรือลบข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารทุกครั้งที่ใช้เสร็จแล้ว ซึ่งการลบข้อมูลเหล่านี้อาจจะทำให้ไม่ได้รับความสะดวกเมื่อจะชำระเงินครั้งต่อไปแต่ก็สามารถป้องกันมิจฉาชีพในการโจรกรรมผ่านระบบหรือการเผลอใช้บริการแบบไม่รู้ตัว
เกร็ดความรู้
16
เกร็ดความรู้
17
การรู้เท่าทันสื่อ
การรู้เท่าทันสื่อ หมายถึง ความสามารถในการป้องกันตนเองจากการถูกโน้มน้าวด้วยเนื้อหาที่เป็นเท็จและมีผลกระทบต่อผู้รับสื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการตลาดหรือผลประโยชน์ที่สื่อนำเสนอ
18
การรู้เท่าทันสื่อ
การรู้เท่าทันสื่อนั้น สามารถตั้งคำถามว่า
ดังนั้นควรเลือกแนวปฏิบัติอย่างเหมาะสม
19
การรู้เท่าทันสื่อ
โดยทั่วไปแล้ว การเข้าถึงเนื้อหาหรือข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆนั้นสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้รับสารแต่ต้องสร้างการตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามของสื่อที่มากับความอยากรู้อยากเห็นด้วย
20
การรู้เท่าทันสื่อ
การรู้เท่าทันสื่อสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับดังนี้
ระดับที่ 1
ผู้รับสื่อตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกและจัดสรรเวลาในการใช้สื่อต่างๆ
21
การรู้เท่าทันสื่อ
ระดับที่ 2
ผู้รับสื่อสามารถเรียนรู้ทักษะการรับสื่อแบบวิพากษ์ สามารถวิเคราะห์และตั้งคำถามว่าสื่อถูกสร้างขึ้นได้อย่างไรและมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
22
การรู้เท่าทันสื่อ
ระดับที่ 3
ผู้รับสื่อสามารถวิเคราะห์สื่อในเชิงสังคมการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์จนนำไปสู่การสร้างเวทีทางสังคม
23
ข่าวลวงและผลกระทบ
ข่าวลวง (fake news) เป็นรูปแบบหนึ่งของการก่อกวน ซึ่งข่าวลวงจะนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จมีวัตถุประสงค์แอบแฝงที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อขายสินค้า ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความสับสนให้แก่ผู้รับข้อมูล ข่าวลวงอาจแพร่ผ่านอีเมลหรือเครือข่ายทางสังคมโดยจะส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งส่วนบุคคล ทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง
24
ข่าวลวงและผลกระทบ
ลักษณะของข่าวลวงเช่น
25
ข่าวลวงและผลกระทบ
ดังนั้นผู้รับข่าวสารต้องมีวิจารณญาณเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองและผู้อื่นตกเป็นเหยื่อของข่าวลวง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อตนเองและสังคม
26
ให้นักเรียนยกตัวอย่างสถานการณ์ข่าวลวงและวิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการแชร์สู่สังคม
กิจกรรม
1
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
2
การออกข้อกำหนดระเบียบและกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
3
ประเทศไทยมีการออกพระราชบัญญัติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอโดยรายละเอียดต่างๆสามารถศึกษาได้จากพระราชบัญญัติแต่ละฉบับดังนี้
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัล
เพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560
4
ตัวอย่างการกระทำที่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เช่น
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
5
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
6
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
7
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
1
การใช้งานลิขสิทธิ์
ที่เป็นธรรม
2
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ลิขสิทธิ์ สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ที่จะกระทำการใดๆเกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่ม โดยการใช้สติปัญญาความรู้ความสามารถและความวิริยอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ ไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียนกรมทรัพย์สินทางปัญญา
3
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ผู้ใดต้องการใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน เพราะกฎหมายให้ความคุ้มครอง แต่ก็มีข้อยกเว้นให้ใช้งานได้บางอย่างโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือที่เรียกว่าการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม เช่น ใช้ในการเรียนการสอน การรายงานข่าว แต่ทั้งนี้ต้องไม่กระทบกับเจ้าของลิขสิทธิ์โดยมีหลักในการพิจารณาดังนี้
4
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
การใช้งานลิขสิทธิ์ ผู้นำไปใช้ต้องไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าหรือหากำไร ไม่มีเจตนาทุจริตและใช้เพื่อประโยชน์แก่สังคม
วัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานลิขสิทธิ์
5
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ผู้นำไปใช้ต้องพิจารณาระดับของการสร้างสรรค์ผลงาน การใช้ความวิริยอุตสาหะหรือการใช้จินตนาการสูง เช่น นวนิยายหรือการรายงานเหตุการณ์ที่เฉพาะ ไม่ควรนำผลงานเหล่านี้ไปใช้เพราะหากนำไปใช้จะถือว่าไม่เป็นธรรฒ
ลักษณะงานอันมีลิขสิทธิ
6
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
การนำผลงานไปใช้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือใช้ในปริมาณน้อย แต่เป็นส่วนสำคัญ ถือว่าเป็นการใช้งานที่ไม่เป็นธรรม เพราะกระทบต่อสิทธิ์ทางกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร
ปริมาณของการนำไปใช้
7
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
8
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
9
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
10
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
11
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
12
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างการใช้งานลิขสิทธิ์ที่ไม่เป็นธรรม
13
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
14
สรุปท้ายบท
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อยากมีความปลอดภัยและมีความสุขนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและมีศิลปะในการใช้ชีวิตในสังคมดิจิทัลที่มีความซับซ้อนได้อย่างเหมาะสม ก่อนที่จะใช้ข้อมูลต่างๆจะต้องประเมินความน่าเชื่อถือโดยพิจารณาในประเด็นของ พรอมท์ ได้แก่การนำเสนอความสัมพันธ์ วัตถุประสงค์ วิธีการ แหล่งที่มาและเวลา
15
สรุปท้ายบท
โดยต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลและต้องตระหนักถึงการให้เหตุผลที่ถูกต้องและสอดคล้องกับความเป็นจริง เพื่อให้สามารถนำไปแก้ปัญหาได้ ผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศต้องมีความรอบคอบระมัดระวัง รู้เท่าทันสื่อและข่าวลวงต่างๆและปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจก่อปัญหาใหญ่และอาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ไม่เหมาะสมได้
16
กิจกรรม
ผู้จัดทำ
นางสาว…………………………………
ตำแหน่ง …………………………
โรงเรียน…………………………………..