การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
หลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การกำหนดช่วงเวลาประวัติศาสตร์มีกี่วิธี แบ่งได้อย่างไรบ้าง
1.1 การแบ่งยุคทางประวัติศาสตร์ ตามเกณฑ์ของนักประวัติศาสตร์
นักประวัติศาสตร์คำนึงถึงการประดิษฐ์ตัวอักษรและนำมาบันทึกเรื่องราว และนำมา
กำหนดยุคสมัยโดยแบ่งเป็นสองยุค ได้แก่ ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ เมื่อพบหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรจึงถือว่าเริ่มยุคประวัติศาสตร์
1.2 การแบ่งยุคทางประวัติศาสตร์ ตามเกณฑ์ของนักโบราณคดี
นักโบราณคดีส่วนใหญ่ กำหนดตามเทคนิควิธีและวัสดุที่ใช้ทำเครื่องมือใช้สอย เช่น
ยุคหินและยุคโลหะ
1.3 การแบ่งตามแบบแผนของนักมานุษยวิทยา เน้นการดำรงชีพและลักษณะสังคม
แบบแผนที่สำคัญได้แก่
สมัยชุมชนล่าสัตว์-หาของป่า (Hunting – Gathering Society Period) ราว 500,000-4,500 ปีมาแล้ว
สมัยหมู่บ้านเกตรกรรม ( Agricultural Village Society Period ) เป็นสังคมระดับหม่บ้าน เริ่มเมื่อราว 4,500 ปี
สมัยสังคมเมือง ( Urban Society Period) สังคมมีลักษณะซับซ้อนมากขึ้น เริ่มปรากฏตั้งแต่ 2,500 ปีมาแล้ว
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักดัดแปลงวัสดุตามธรรมชาติมาเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการยังชีพ ที่สำคัญได้แก่ การนำก้อนหินมากะเทาะ ให้มีคม ดัดแปลงเป็นเครื่องมือสับ ตัด ขูด เพื่อยังชีพ โดยอาศัยตามถ้ำ เก็บพืชผักตามธรรมชาติ ล่าสัตว์เป็นอาหาร อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง
ยุคหินแบ่งเป็นยุคหินเก่า และยุคหินใหม่ พบในบริเวณต่าง ๆ ทั่วโลกแต่ละแห่งมีวิวัฒนาการคล้ายกัน (แต่อยู่ในช่วงเวลาไม่เท่ากัน) ��
1. ยุคหินเก่า
ระยะเวลาโดยประมาณชื่อเรียกมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์และเครื่องมือหินเรื่องที่ค้นพบ2 ล้านปีAustralopitheecus เรียกกันว่า มนุษย์วานร 1.75 ล้านปีHomo habilis 1.5 ล้านปีHomo erectus
หินเก่าตอนต้นเครื่องมือแบบเชลลีนพบมากตอนกลางของยุโรปและเครื่องมือแบบอาชลีน เครื่องมือหินกะเทาะหรือขวานกำปั้น ใช้สับ ตัด ขูดมนุษย์ไฮเดนเบิร์ก มนุษย์ชวา มนุษย์ปักกิ่ง ในเอเซีย
หินเก่า ตอนกลาง�ประมาณ 150,000 ปี ระหว่างหิมะละลายเครื่องมือแบบมูส์เตเรียน ปลายแหลมมนุษย์นีแอนเดอธัล (Neanderthal Man) กะโหลกศีรษะแบน หน้าผากลาด เริ่มรู้จักศิลปะวาดภาพสัตว์บนผนังถ้ำ เริ่มมีพิธีฝังศพ
หินเก่าตอนปลาย ประมาณ 40,000 ปี ระยะที่ 4 ของยุคน้ำแข็งสุดท้ายเครื่องมือแบบแมกดาเลเนียนมนุษย์โครมันยอง ( Cro-magnonan) พบที่ฝรั่งเศส เครื่องมือทำจากกระดูก เขาสัตว์ เครื่องประดับหลายรูปแบบ ภาพเขียนในถ้ำที่เสปนและฝรั่งเศส
ตัวอย่างหลักฐานยุคหินเก่า
แบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนต้น ตอนกลางและตอนปลาย
ยุคหินเก่าตอนต้น เครื่องมือหินกะเทาะ ได้แก่ ขวานมือหรือ ขวานกำปั้น พบมากในยุโรปตอนกลาง อายุใกล้เคียงกับมนุษย์ชวา และมนุษย์ปักกิ่ง ที่พบในเอเซีย มนุษย์บางกลุ่ม เช่น มนุษย์ไฮเดนเบิร์ก สามารถพัฒนาเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เครื่องมือหินกะเทาะแบบอาชลีน (Acheulean) เป็นต้น
ตัวอย่างเครื่องมือหินกะเทาะแบบ อาชลีน �( Acheulean )
ยุคหินเก่าตอนกลาง รูปร่างของเครื่องมือหินกะเทาะแบบนี้มีปลายค่อนข้างแหลม มนุษย์กลุ่มที่ทำเครื่องแบบนี้ ได้แก่ นีแอนเดอธัล ( Neanderthal ) ในเยอรมันนี เครื่องมือหินกะเทาะที่ทำขึ้นเรียกกันว่า แบบมูส์เตเรียน ( Mousterian )
เครื่องมือหินกะเทาะ แบบมูส์เตเรียน
(Mousterian )
ภาพจำลองนีแอนเดอธัล( Neanderthal ) อายุกว่า 60,000 ปีมาแล้ว
ยุคหินเก่าตอนปลาย เป็นผลงานของมนุษย์โครมันยอง เรียกกันว่าแบบแมกดาเลเนียน (Magdalenian ) ซึ่งนอกจากทำด้วยหินไฟแล้ว ยังนำกระดูกสัตว์เขาสัตว์ เปลือกหอยและงาช้าง มาใช้ ประโยชน์ เครื่องมือสมัยนี้มีความประณีตมาก รู้จักใช้มีดมีด้าม ทำเข็มจากกระดูกสัตว์ มีการฝน
และขัดเครื่องมือให้เรียบและคม ใช้ประโยชน์ได้หลายด้านมากขึ้น
เครื่องมือหินของพวกโครมันยองแบบแมกดาเลเนียนจัดเป็นแบบสุดท้ายของยุคหินเก่าตอนปลาย มีพัฒนาการมากขึ้น รู้จักประดิษฐ์เข็มทำจากกระดูกสัตว์ แสดงว่าเริ่มรู้จักการเย็บเครื่องนุ่งห่มจากหนังสัตว์ และทำเครื่องมือ เครื่องใช้หลากหลายมากขึ้น เช่น ฉมวกจับปลา เป็นต้น ที่สำคัญคือ เริ่มรู้จักทำเครื่องประดับและวาดภาพในผนังถ้ำ ศิลปะแบบแมกดาเลเนียนที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ ภาพวาดบนผนังถ้ำในประเทศฝรั่งเศสและเสปน
ปลายยุคหินเก่า เครื่องมือหินมีขนาดเล็กลง และสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บางแห่งจึงจัดเป็นยุคหินกลาง ระหว่าง 10,000 – 6,000 ปี
2. ยุคหินใหม่
ยุคหินใหม่ ( Neolithic หรือ The New Stone Age ) เริ่มต้นในช่วง 6,000 ปีก่อนคริสต์กาล แบ่งตามลักษณะเครื่องมือหิน ได้แก่ หินขัด คือ การทำเครื่องมือหินขัดจนบางเรียบ มีด้าม ทำให้คม ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย บางแห่งนำซุงมาขุดเป็นเรือ ทำธนูและลูกศร รู้จักนำสุนัขมาเลี้ยง ในราว 8,000 ปีก่อนคริสต์กาล ปรากฏหลักฐานว่ามนุษย์เริ่มรู้จักทำการเกษตรอย่างเป็นระบบ สามารถเพาะปลูกพืชและเก็บไว้เป็นอาหาร รู้จักทอผ้าและทำเครื่องปั้นดินเผา แหล่งโบราณคดีที่เก่าที่สุด คือ บริเวณตอนเหนือของเมโสโปเตเมียหรืออิรัคในปัจจุบัน
��ตัวอย่างเครื่องมือหินขัด และเครื่องปั้นดินเผา�ขวานหินขัดก่อนใส่ด้าม
ขวานหินขัด พร้อมด้ามไม้
เครื่องปั้นดินเผายุคหินใหม่ พบในประเทศจีน
เจอริโก
ความสามารถในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าและกระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งยังเริ่มมีความเชื่อทางศาสนา แสดงความเคารพอำนาจของธรรมชาติ เพื่อให้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์
ตัวอย่างความเชื่อที่สำคัญ คือ การนำก้อนหินขนาดกลางหรือขนาดใหญ่มาเรียงต่อกัน เรียกว่า เมกาลิธิค ( Megalithic ) เช่น สโตนเฮนจ์ (The Stonehenge) ในอังกฤษ
สโตนเฮนจ์ ( The Stonehenge )
บางแห่งมีความเชื่อเรื่อง การบูชารูปผู้หญิงอวบอ้วน แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และการให้กำเนิดชีวิตใหม่ บางแห่งมีการบูชายัญสาวพรหมจรรย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เพื่อให้เทพเจ้าพอใจและนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์
การอยู่เป็นหลักแหล่ง มีประชากรมากขึ้นและมีอาหารอุดมสมบูรณ์ ทำให้มนุษย์ยุคหินใหม่ มีเวลามากขึ้นและเริ่มแบ่งงานตามความถนัด สามารถนอกจากรู้จักทำเครื่องปั้นดินเผาแล้วยังรู้จักเทคโนโลยีสำหรับทำเครื่องมือ เครื่องใช้จากสำริดและเหล็ก ดังนี้
2.1 สมัยโลหะ ประกอบด้วยสมัยสำริด และสมัยเหล็ก สมัยนี้เครื่องมือ เครื่องใช้
ทำจากสำริดและเหล็ก กำหนดอายุด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อยู่ในราว 5,600 – 1,200 ปี ก่อนคริสต์กาล เริ่มต้นเมื่อมนุษย์พบวิธีถลุงแร่ทองแดงและดีบุก นำมาผสมผสานกันเป็นสำริด สามารถทำแม่พิมพ์เป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับและอาวุธหลากหลาย เช่น ใบหอก กำไล กลองมโหระทึก เป็นต้น
2.2 สมัยเหล็ก ประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของมนุษย์ที่สามารถทำเครื่องมือเครื่องใช้ที่คงทนมากขึ้น จึงมีเครื่องมือการเกษตรกรรมที่ใช้ในการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บางกลุ่มรู้จักเทคโนโลยีสำหรับถลุงเหล็กและนำมาตีเป็นดาบและอาวุธต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของการสร้างกองทัพขนาดใหญ่ ส่งผลต่อการเปลี่ยนรูปแบบสงครามและยุทธวิธีในการรบอย่างต่อเนื่อง
3. ยุคประวัติศาสตร์
ยุคประวัติศาสตร์ เริ่มต้นราว 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มรู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษร ใช้บันทึกเรื่องราวและนำมาใช้สื่อสารระหว่างกัน
ในที่นี้ขอกล่าวโดยสรุปคือ สมัยนี้เริ่มมีชุมชนขนาดใหญ่และมีความเจริญในระดับอารยธรรมตามแหล่งต่าง ๆ แบ่งย่อยได้ดังนี้
สมัยโบราณ แหล่งอารยธรรมเก่าที่สุด ได้แก่ เมโสโปเตเมีย ประมาณ 3,000 ปี
ก่อนคริสต์กาล ผู้คนในบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสหรือดินแดนพระจันทร์เสี้ยวเป็นกลุ่มแรกที่ได้ประดิษฐ์อักษรคูนิฟอร์ม บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ปัจจุบันคือ บริเวณประเทศอิรัคและบางส่วนของซีเรีย
แหล่งอารยธรรมที่มีอายุในเวลาใกล้เคียงกันคือ
อียิปต์ ชุมชนบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์เจ้าของอักษรเฮียโรกริฟฟิคเป็นผู้สร้างสรรค์อารยธรรมอียิปต เริ่มตั้งแต่ประมาณ 3,300 ปีก่อนคริสต์กาล จนถึงประมาณ 30 ก่อนคริสตกาล เมื่ออียิปต์ตกเป็นเมืองขึ้นของโรมัน
จีน เริ่มต้นด้วยราชวงศ์ชาง บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง ตั้งแต่ประมาณ 1,800 ปีก่อนคริสต์กาล
ฮารัปปา-โมเฮ็นโจดาโร บริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ ประมาณ 3,000 ปี
แหล่งอารยธรรมที่สำคัญในสมัยต่อมา คือ กรีก พัฒนาจากอารยธรรมไมนวล ที่เกาะครีต ราว 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล จนถึงสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (323 – 30 ปีก่อนคริสต์กาล ส่วนจักรวรรดิโรมัน เริ่มต้นราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล และพัฒนาเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ จนสิ้นสุดเพราะถูกรุกรานโดยอนารยชนเยอรมนิค ในค.ศ. 476 ถือเป็นการสิ้นสุดสมัยโบราณ ศูนย์กลางความเจริญได้ย้ายไปอยู่ที่ไบเซ็นไทน์ หรือต่อมาคือคอนสแตนติโนเปิล(อยู่ในตุรกีปัจจุบัน) หรือที่เรียกว่าอาณาจักรโรมันตะวันออก
ยุคมืด (Dark Age )และสมัยกลาง ( The Middle Ages) เป็นช่วงต่อระหว่างจักรวรรดิโรมันล่มสลาย ความเจริญหยุดชงัก ประดุจยุคมืด ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4 - 5 เพราะการบุกทำลายเมืองต่าง ๆโดยอนารยชนเยอรมันนิคเผ่าวิสิกอธ ( Visigoth ) ประชาชนในยุโรปต่างไม่มีที่พึ่ง เจ้าผู้ครองแต่ละเมืองตั้งตัวเป็นใหญ่ ในระบบศักดินาสวามิภักดิ ประชาชนให้ความสำคัญกับศาสนาจักรคริสต์โรมันคาธอลิคอย่างมาก ต่อมาศาสนาจักรจึงมีอำนาจเหนือการปกครอง ยุคนี้ผู้คนศรัทธาในพระเจ้า จนยอมสละชีพเดินทางไปตะวันออกกลาง เพื่อสู้รบแย่งชิงดินแดนปาเลสไตน์อันศักดิ์สิทธิ์จากมุสลิมในสงครามครูเสดหลายครั้ง ( ค.ศ. 1096 – 1291 ) ต่อเนื่องนานกว่า 300 ปี
ปลายสมัยกลาง ราว ค.ศ. 1347 หรือคริสต์ศตวรรษที่ 14 เกิดกาฬโรคหรือ Black Death ระบาดทั่วยุโรป ผู้คนเสียชีวิตกว่าสามล้านคน ส่งผลกระทบต่อสังคมยุโรปในเวลานั้นอย่างมาก
4.สมัยใหม่
ราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นสมัยแห่งการฟื้นฟูความคิดและศิลปกรรมของกรีก-โรมัน จึงเรียกว่าสมัยศิลปวิทยาการ ( Renaissance ) ในแหลมอิตาลีและขยายไปสู่ยุโรปส่วนอื่น ๆ นำไปสู่การเปลี่ยนความคิดออกจากอิทธิพลของศาสนา เน้นความสำคัญของมนุษย์และเหตุผลมากขึ้น ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ เช่นเซอร์ไอแซก นิวตัน เหตุการณ์สำคัญอื่น ๆ เช่น
สงครามกลางเมืองในอังกฤษ โอลิเวอร์ คลอมเวลเป็นผู้ปกครองอังกฤษในนามรัฐสภาและประหารกษัตริย์อังกฤษ ต่อมาเมื่อเขาสิ้นชีวิต ราชวงศ์อังกฤษจึงได้กลับมาครองราชย์อีกครั้ง การปกครองแบบกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ล้มเลิกระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ พระมหากษัตริย์มีอำนาจสูงสุดเหนือนครรัฐทั้งหลาย กษัตริย์หลายพระองค์ส่งเสิรมการสำรวจและการยึดครองดินแดนเป็นอาณานิคมโพ้นทะเล มีนักสำรวจเส้นทางสู่ดินแดนใหม่ เช่น โคลัมบัส และแมคเจแลนด์ เป็นต้น
5. สมัยปัจจุบัน
นักวิชาการส่วนใหญ่กำหนดให้สมัยปัจจุบันเริ่มต้นในสมัยสงครามเย็น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงที่มีการประจัญหน้ากันระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำมีอิทธิพลเหนือยุโรปตะวันออก กับสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ มีอิทธิพลเหนือยุโรปตะวันตก ทั้งสองมหาอำนาจแทรกแซงทางการเมืองในประเทศต่าง ๆ แต่ไม่มีสงครามระหว่างกันโดยตรง เพราะต่างเกรงกลัวหายนะจากอาวุธนิวเคลียรส์ สงครามเย็นเริ่มยุติลงสมัยประธานาธิบดีโกบาชอฟในค.ศ. 1989 เมื่อกำแพงเบอร์ลินที่สหภาพโซเวียตเป็นผู้สร้างเพื่อแบ่งเขตปกครองเยอรมันถูกทำลาย สงครามเย็นยุติอย่างเด็ดขาดเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในค.ศ. 1991
ทุกวันนี้สถานการณ์ในโลกร่วมสมัย (contemporary ) เปลี่ยนเป็นความขัดแย้งด้านความคิดทางศาสนาและการปราบปรามการก่อการร้าย เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อิสลาเอล- ปาลเสลไตน์ เหตุการณ์ที่สำคัญซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาหลังเหตุการณ์ 9/11 กับชาติมุสลิมในตะวันออกกลาง ได้แก่ อิรัค อัฟกานิสถานและอิหร่าน เป็นต้น
ที่มา �
http://glencoe.mcgraw-hill.com/sites/0078607027/
http://www.metmuseum.org/toah/intro/atr/03sm.htm
http://www.stonepages.com/
http://en.wikipedia.org/wiki/Olduvai_Gorge