เรียนวิทย์กับครูหมิว
SCIENCE
เรียนรู้วิทยาศาสตร์
เรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
: เป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาวิธีคิด
คิดสร้างสรรค์
คิดวิเคราะห์วิจารณ์
มีทักษะที่สำคัญ
การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
ในการค้นคว้าความรู้
มีความสามารถสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลาย และมีประจักษ์พยานตรวจสอบได้ความรู้
ช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ สามารถแข่งขันกับนานาประเทศและดำเนินชีวิตร่วมกันในสังคมโลกได้อย่างมีความสุข
วิทยาศาสตร์
คิดเป็นเหตุเป็นผล
ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
ตั้งคำถาม
คาดคะเนคำตอบ
รวบรวมข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูล
สรุปผล
ใช้ข้อมูล / ความรู้เดิม
มาช่วยคาดคะเนคำตอบ
หาข้อมูลด้วยวิธีต่างๆ
นำข้อมูลที่ได้มาแปลผล หรืออธิบายความหมาย
สรุปผลจากการวิเคราะห์
ตรวจสอบ
ว่าตรงกับที่คาดคะเนไว้หรือไม่
และนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การสังเกต
การจำแนกประเภท
1
2
การวัด
3
การใช้จำนวน
4
ขั้นพื้นฐาน มี
ทักษะ
8
การลงความเห็น
จากข้อมูล
การจัดกระทำและ
สื่อความหมายข้อมูล
5
6
การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา
7
การพยากรณ์
8
ขั้นผสม มี
ทักษะ
6
การตั้งสมมติฐาน
การกำหนดนิยาม
เชิงปฏิบัติการ
1
2
การกำหนด
และควบคุมตัวแปร
3
การทดลอง
การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
4
5
การสร้างแบบจำลอง
6
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ
✓
✓
✓
✓
✓
✓
1.
ทักษะการสังเกต
2.
ทักษะการวัด
การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ หลายอย่างเพื่อสำรวจวัตถุหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติหรือจากการทดลอง โดยไม่เพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวลงไป
การเลือกใช้เครื่องมือในการวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการหาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ จากเครื่องมือที่เลือกใช้ออกมาเป็นตัวเลขและระบุหน่วยของการวัดได้อย่างถูกต้อง
3.
ทักษะการจำแนก
การจัดพวกหรือกลุ่มของวัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ ที่สนใจ โดยใช้เกณฑ์ ความเหมือน ความต่าง หรือความสัมพันธ์ เป็นต้น
4.
ทักษะการหาความสัมพันธ์
การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ เป็นการหาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันระหว่างพื้นที่ที่วัตถุต่าง ๆ ครอบครอง การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับเวลา เป็นการหาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันระหว่างพื้นที่ที่วัตถุครอบครองเมื่อเวลาผ่านไป
5.
ทักษะการใช้จำนวน
การนับจำนวนของวัตถุและการนำตัวเลขแสดงจำนวนที่นับได้มาคิดคำนวณ โดยการบวก ลบ คูณ หาร หรือหาค่าเฉลี่ย
6.
การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
การนำผลการสังเกต การวัดและการทดลอง มาจัดกระทำให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายหรือมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น อาจนำเสนอในรูปของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ วงจร กราฟ สมการ หรือการเขียนบรรยาย
7.
ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล
การเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่ได้จากการสังเกตอย่างมีเหตุผล โดยใช้ความรู้ หรือประสบการณ์เดิมมาช่วย
8.
ทักษะการพยากรณ์
การทำนายหรือการคาดคะเนคำตอบโดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือข้อมูลจากประสบการณ์ของเรื่องนั้นที่เกิดขึ้นซ้ำๆ การพยากรณ์ที่แม่นยำเป็นผลมาจากการสังเกตที่รอบคอบ การวัดที่ถูกต้อง การบันทึกและการจัดกระทำกับข้อมูลอย่างเหมาะสม
9.
ทักษะการตั้งสมมติฐาน
เป็นการคาดคะเนคำตอบที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร สมมติฐานที่ตั้งไว้อาจถูกหรือผิดก็ได้ ซึ่งจะทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการพิสูจน์ทดลองเพื่อหาคำตอบมาสนับสนุนสมมติฐานหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้
10.
ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
การกำหนดความหมายหรือขอบเขตของตัวแปรต่าง ๆ ที่อยู่ในสมมติฐานของการทดลองให้เข้าใจตรงกัน และสามารถสังเกตหรือวัดสิ่งต่าง ๆ ที่นิยามไว้ได้
11.
ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร
การกำหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม ในการทดลองหนึ่ง ๆ ให้สอดคล้องกับสมมมติฐานของการทดลอง
12.
ทักษะการทดลอง
การปฏิบัติการเพื่อทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้
มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
- การออกแบบการทดลอง
- การปฏิบัติการทดลอง
- การบันทึกผลการทดลอง
13.
การตีความหมายของข้อมูลและลงข้อสรุป
การแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะข้อมูล ที่ได้จัดกระทำและอยู่ในรูปแบบที่ใช้ในการสื่อความหมายแล้ว เช่น ตาราง แผนภูมิ แผนภาพ กราฟ ผลที่ได้จากการแปลความหมายจะนำไปสู่การลงข้อสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ได้จากการทดลอง
14.
ทักษะการสร้างแบบจำลอง
การสร้างและใช้สิ่งที่ทำขึ้นมาเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่ศึกษาหรือสนใจ เช่น กราฟ รูปภาพ แผนผัง ภาพเคลื่อนไหว วัสดุ สิ่งของ รวมถึงการนำเสนอข้อมูล แนวคิดเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจในรูปแบบของแบบจำลองต่าง ๆ
จิตวิทยาศาสตร์
จิตวิทยาศาสตร์
มีความซื่อสัตย์
มีเหตุผล
อยากรู้อยากเห็น
มีความใจกว้าง
มีระเบียบและรอบคอบ
มีความรับผิดชอบ
คุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้ โดยใช้กระบวน
การทางวิทยาศาสตร์ เช่น
2. ตั้งสมมติฐาน
3.รวบรวมข้อมูล
4.วิเคราะห์ข้อมูล
5.สรุปผล
ช่างสังเกต ช่างสงสัย
มุ่งมั่นในการทำงาน
สนใจใฝ่เรียนรู้
ซื่อสัตย์
ขั้นพื้นฐาน
การสังเกต
การจำแนกประเภท
การวัด
การใช้จำนวน
การลงความเห็นจากข้อมูล
การจัดกระทำและ
สื่อความหมายข้อมูล
การหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา
การพยากรณ์
การตั้งสมมติฐาน
การกำหนดนิยาม
เชิงปฏิบัติการ
การกำหนด
และควบคุมตัวแปร
การทดลอง
การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
การสร้างแบบจำลอง
ขั้นผสม
คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนอธิบายความหมายของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในแต่ละหัวข้อมาให้ถูกต้อง
1. วิธีการทางวิทยาศาสตร์
เป็นขั้นตอนของการทำงานอย่างเป็นระบบที่นักวิทยาศาสตร์ใช้แสวงหาความรู้ ค้นหาข้อเท็จจริงที่เป็นคำตอบของปัญหาหรือสิ่งที่สงสัย ซึ่งนักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนวิทยาศาสตร์ได้โดยมีอยู่ 5 ขั้นตอน ดังนี้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1. -------------- -------------- | เป็นการตั้งคำถาม ตั้งปัญหา หรือข้อสงสัยจากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ในการสังเกตต้องใช้ประสาทสัมผัส ต่าง ๆ เข้ามาช่วย และควรสังเกตสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียด รอบคอบทุกครั้ง |
2. -------------- -------------- | เป็นการคาดคะเนคำตอบของคำถามหรือข้อสงสัยไว้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อมูลหรือใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่ และสามารถตรวจสอบได้จากการสังเกต การสำรวจ หรือการทดลอง |
3. -------------- -------------- | เป็นการรวบรวมข้อมูลหรือค้นหาคำตอบของปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น สังเกต สำรวจ สืบค้นข้อมูล ทดลอง สร้างแบบจำลอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง แล้วบันทึกผลไว้ |
4. -------------- -------------- | เป็นการนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากวิธีต่าง ๆ มาวิเคราะห์ผล แปลความหมายหรืออธิบายความหมายของข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การสรุปผล |
5. -------------- -------------- | เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นการสรุปผลของข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ผลแล้ว เพื่อตรวจสอบว่า ตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ล่วงหน้าหรือไม่ จากนั้นนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน |
1. ระบุปัญหา | เป็นการตั้งคำถาม ตั้งปัญหา หรือข้อสงสัยจากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ในการสังเกตต้องใช้ประสาทสัมผัส ต่าง ๆ เข้ามาช่วย และควรสังเกตสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียด รอบคอบทุกครั้ง |
2. ตั้งสมมติฐาน | เป็นการคาดคะเนคำตอบของคำถามหรือข้อสงสัยไว้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อมูลหรือใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่ และสามารถตรวจสอบได้จากการสังเกต การสำรวจ หรือการทดลอง |
3. รวบรวมข้อมูล | เป็นการรวบรวมข้อมูลหรือค้นหาคำตอบของปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น สังเกต สำรวจ สืบค้นข้อมูล ทดลอง สร้างแบบจำลอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง แล้วบันทึกผลไว้ |
4. วิเคราะห์ข้อมูล | เป็นการนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากวิธีต่าง ๆ มาวิเคราะห์ผล แปลความหมายหรืออธิบายความหมายของข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การสรุปผล |
5. สรุปผล | เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นการสรุปผลของข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ผลแล้ว เพื่อตรวจสอบว่า ตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ล่วงหน้าหรือไม่ จากนั้นนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน |
|
|
เรียนวิทย์กับครูหมิว
SCIENCE