ระบบเงินดิจิทัล สกุลเงินดิจิทัล
หรือคริปโทเคอร์เรนซี
หน่วยที่ 5
5.3 ประเภทของสกุลเงินดิจิทัล
หัวข้อเรื่อง
5.1 หลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล
5.4 การกระทำผิดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล
5.2 สถาปัตยกรรมของสกุลเงินดิจิทัล
5.5 กฎหมายดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล
หลักการเบื้องต้นเกี่ยว
กับสกุลเงินดิจิทัล
5.1
5.1.1 ความหมายของ
คริปโทเคอร์เรนซี
1
2
3
ไม่มีลักษณะกายภาพ
เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย
มีการเข้ารหัส
Cryptocurrency เกิดจากคำว่า Cryptoซึ่งมาจากคำว่า Cryptographyที่มีความหมายว่า การเข้ารหัส และคำว่า Currency แปลว่า สกุลเงิน หรือแปลตรงตัวคือ สกุลเงินเข้ารหัส คริปโทเคอร์เรนซีประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ คือ”
ในปี 1983 นักวิทยาการรหัสลับชาวอเมริกันเดวิด ชอม ได้คิดค้นเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ารหัสและนิรนามซึ่งเรียกว่าอีแคช ต่อมาในปี 1995 เขาจัดระบบให้เป็นดิจิแคช ซึ่งเป็นวิธีการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเข้ารหัสในยุคต้น ซึ่งผู้ใช้จะต้องมีซอฟต์แวร์เพื่อถอนเงินจากธนาคารและกำหนดกุญแจเข้ารหัสโดยเฉพาะ
5.1.2 ความเป็นมาของคริป
โทเคอร์เรนซี
สถาปัตยกรรมของสกุลเงินดิจิทัล
5.2
5.2.1 บล็อกเชน
ความถูกต้องของหน่วยคริปโทเคอร์เรนซีแต่ละหน่วยจะยืนยันโดยบล็อกเชน ซึ่งเป็นรายการระเบียนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเรียกว่า บล็อก ที่เชื่อมกันเป็นลูกโซ่และรับประกันโดยวิทยาการเข้ารหัสลับบล็อกแต่ละบล็อกปกติจะมีตัวชี้แบบแฮชไปยังบล็อกที่มาก่อนตราเวลา
คริปโทเคอร์เรนซีใช้แผนการตราเวลาต่าง ๆ เพื่อเลี่ยงความจำเป็นต้องมีบุคคลที่สามซึ่งเชื่อถือได้เพื่อตราเวลาธุรกรรมที่จะเพิ่มใส่ในบัญชีจำแนกประเภท คือ บล็อกเชน
1. แผนการพิสูจน์การทำงาน
2. แผนการพิสูจน์การเดิมพันและแผนแบบผสม
5.2.2 การตราเวลา
5.2.3 การขุดหาเหรียญ
ในเครือข่ายคริปโทเคอร์เรนซี การขุดหาเหรียญเป็นการยืนยันพิสูจน์ธุรกรรม เนื่องจากการทำงานให้เช่นนี้ ผู้ขุดหาเหรียญจะได้คริปโทเคอร์เรนซีใหม่เป็นรางวัล รางวัลจะลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมโดยสร้าง
แรงจูงใจเสริมให้ออกแรงประมวลผลเพื่อเครือข่าย
5.2.4 วอลเลต
คริปโทเคอร์เรนซีวอลจะเก็บรหัสที่เป็นสาธารณะและส่วนตัวหรือเก็บ เลขที่อยู่ต่าง ๆเพื่อสามารถใช้รับหรือใช้จ่ายคริปโทเคอร์เรนซีด้วยรหัสส่วนตัว สามารถบันทึกธุรกรรมในบัญชีแยกประเภทที่เป็นสาธารณะ
สภาวะนิรนาม บิตคอยน์เป็นเงินแบบนิรนามเทียม เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซีที่อยู่ในวอลเลตไม่ได้สัมพันธ์กับบุคคล แต่สัมพันธ์กับรหัสหนึ่งรหัสหรือมากกว่านั้น (หรือสัมพันธ์กับเลขที่อยู่ต่าง ๆ ) ดังนั้น เจ้าของบิตคอยน์จึงไม่สามารถระบุได้
5.2.5 สภาวะนิรนาม
บิตคอยน์ คือ สกุลเงินดิจิทัลสกุลแรกที่กำเนิดขึ้นพร้อมกับระบบบล็อกเชน (Blockchain) เมื่อปี 2009 ออกแบบมาเพื่อใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
แต่ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนเหรียญทั่วไป
บิตคอยน์ (BTC)
= 1 บิตคอยน์
milliบิตคอยน์ (mBTC)
= 0.001 บิตคอยน์
microบิตคอยน์ (μBTC)
= 0.000001 บิตคอยน์
Satoshi
= 0.00000001 บิตคอยน์
โดยหน่วยที่เล็กที่สุดของบิตคอยน์ คือ ซาโตชิ
เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้สร้างบิตคอยน์นั่นเอง
ประเภท
ของสกุลเงินดิจิทัล
5.3
สกุลเงินดิจิทัลสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ บิตคอยน์ (Bitcoin) กับอัลคอยน์ (Altcoins)
5.3.1 บิตคอยน์
5.3.2 อัลคอยน์
Altcoins ย่อมาจาก Alternative Coins หรือแปลตรงตัวว่า เหรียญทางเลือก ซึ่งเป็นกลุ่ม สกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังบิตคอยน์ เช่น อีเธอเรียม บิตคอยน์แคช ไลต์คอยน์
ริปเปิล เป็นต้น ซึ่งแต่ละสกุลมีที่มาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป
การใช้ฟอกเงิน สนับสนุนการก่อการร้าย เป็นช่องทางมิจฉาชีพ
การเก็งกำไร การหลอกระดุมทุน ภัยคุกคามระบบสารสนเทศ และการแฮ็กกระเป๋าเงิน
การหลอกให้ลงทุน แชร์ลูกโซ่
การกระทำผิดเกี่ยวกับ
สกุลเงินดิจิทัล
5.4
พ.ศ. 2560 มีรายงานข่าวว่า กรณี ยูบิต เว็บไซต์ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ ปิดตัวและยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ในฐานะล้มละลาย สาเหตุเพราะถูกเจาะระบบขโมยเงินดิจิทัลเป็นครั้งที่สองของปี ทำให้ทรัพย์สินสูญหาย ส่งผลต่อคริปโทเคอร์เรนซีของลูกค้าลดลง 75%
ลำดับความเสี่ยง
ของคริปโทเคอร์เรนซี
1
2
3
กฎหมายดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล
พ.ร.บ. การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 มีวัตถุประสงค์ในการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม โดยส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์กำหนดนโยบาย
5.5
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย ส่งเสริม สนับสนุน ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม อาศัยอำนาจตามกฎหมาย ดังนี้
พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางกฎหมายระหว่างเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์กับเอกสารในรูปแบบเดิม
5.5.2 พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. 2544 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2
พ.ศ. 2551
5.5.1 พ.ร.บ. การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560
พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อันนำไปสู่การก่อให้เกิดความเสียหายกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมความมั่นคงของรัฐ
(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3)หรือ (4) ...”
5.5.3 พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560