1 of 21

สื่อประกอบการสอนงานขับรถยนต์

20101-2008

หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช). พุทธศักราช 2562

ของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

2 of 21

หน่วยที่ 10

การบำรุงรักษารถยนต์

3 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

การตรวจเช็ก ดูแล การปรับแต่ง และเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือวัสดุ ที่เสื่อมสภาพ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันคลัตช์น้ำยาหม้อน้ำ เป็นต้น ตรวจเช็กตามระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อให้รถยนต์มีสภาพการใช้งานเป็นปกติการตรวจเช็กในเบื้องต้นช่วยทำให้ผู้ใช้รถทราบอาการก่อนแล้วรีบทำการแก้ไข ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ การชำรุดเสื่อมสภาพจะเพิ่มมากขึ้น การตรวจเช็กรถยนต์สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเดินทางก่อนแล้วค่อยตรวจเช็ก การตรวจเช็กสภาพที่นำเสนอนี้ไม่เฉพาะเจาะจงว่าสำหรับรถรุ่นใดเป็นพื้นฐานนำไปปรับปรุงให้เหมาะสมตามประเภทของรถยนต์

4 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

1. น้ำหล่อเย็น ควรอยู่ระหว่างขีดระดับเต็ม “FULL” และขีดระดับต่ำ “LOW” ถ้าระดับน้ำหล่อเย็นต่ำกว่าขีด“LOW”ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นจนถึงขีดระดับ“FULL”ควรใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดเดียวกับ ที่เติมอยู่ก่อนและหากน้ำยาหล่อเย็นไม่มีหรือหาไม่ได้ก็สามารถใช้น้ำกลั่นแทนได้ตรวจเช็กขณะที่ดับเครื่องยนต์หรือเครื่องเย็น ถ้าระดับน้ำลดลงมากจำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุว่าเกิดจากปั๊มน้ำท่อทางเดิน หรือไม่ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กสาเหตุ

5 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

2. ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็กระดับน้ำมัน

เครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง รถยนต์ควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน

1) ทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3 นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน

2) ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกเช็ดน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า

3) เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม

4) ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับ น้ำมันเครื่องอยู่ระหว่าง “F” กับ “L” แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ

6 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

3. ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ให้อยู่ในตำแหน่งUpper/Level และไม่ควรเติมเกินกว่าระดับนี้เพราะถ้าเติมมากเกินไป น้ำยาอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเป็นสารละลายกรดซัลฟูริกจะเจือจางทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และน้ำยาอาจจะกระเด็นออกทางรูระบายไอ และไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่าง ๆในห้องเครื่องยนต์ได้

7 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

4. ระดับน้ำมันเบรก ควรตรวจเช็กด้วยสายตาสังเกตดูที่กระปุกน้ำมันเบรกมีคำว่า MAX และ MIN ระดับน้ำมันเบรกควรอยู่ที่ระดับ MAX อยู่เสมอ สาเหตุที่ทำให้ปริมาณน้ำมันเบรกลดต่ำลง

5. ระดับน้ำมันคลัตช์ควรตรวจเช็กด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัตช์จะมีคำว่า MAX

กับ MIN ระดับน้ำมันคลัตช์ควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ ถ้าพบว่าระดับน้ำมันคลัตช์ในกระปุกลดต่ำลงควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กหาสาเหตุ

8 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

6. ระดับน้ำมันเกียร์ AUTO ควรตรวจเช็กขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ AUTO ออกเช็ดน้ำมันเกียร์ที่ติดก้านวัดด้วยผ้า แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเกียร์คืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมาเพื่อตรวจระดับน้ำมันเกียร์ที่ปลายก้านวัดถ้าระดับนำ้มันเกียร์อยู่ที่ขีดFพอดีแสดงว่าระดับน้ำมันเกียร์ปกติ

9 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

7. ตรวจเช็กระดับน้ำมัน Power ตรวจเช็กขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุกน้ำมัน Power ซึ่งจะติดอยู่กับฝากระปุกนำ้มัน ที่ก้านวัดจะมีคำว่า Hotและ Coldอยู่คนละด้าน ถ้าวัดตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้ดูด้าน Coldถ้าวัดตอนเครื่องร้อนให้ดูด้าน Hot ถ้าเป็นรุ่นใหม่ให้ดูที่กระปุกน้ำมัน Power จะเป็นพลาสติกใส ที่กระปุกมีคำว่า Hot และCold อยู่คนละด้าน และมีขีดระดับ Maxกับ Minอยู่ด้วยระดับน้ำมัน Power ควรอยู่ระดับ Max เสมอ

10 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

8. ตรวจเช็กสภาพสายพาน ตรวจด้วยตาโดยการมองที่สายพาน ถ้าพบรอยแตกเกิดขึ้นควรทำการเปลี่ยนเพื่อที่จะใช้รถได้อย่างปลอดภัย ตรวจดูความตึงของสายพานด้วยโดยการใช้นิ้วกดลงบนสายพานตรงกลางระหว่างมู่เล่ย์สองข้างถ้ากดลงได้เล็กน้อย ประมาณ 10 มิลลิเมตรก็ยังพอใช้ได้(การตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ผู้ตรวจต้องมีความชำนาญพอสมควร)

11 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

9. ตรวจเช็ก ปรับตั้งสายพานคอมแอร์โดยใช้นิ้วมือกดบริเวณกึ่งกลางสายพาน หากพบว่าสายพานหย่อน ควรทำการปรับตั้งเพื่อให้อยู่ในระยะที่กำหนด โดยปกติสายพานหน้าเครื่องจะไม่ขาดง่าย เว้นแต่มีเศษก้อนหินกระเด็นใส่ หรือสายพานแตก กรอบ ล่อน หลุด ตามอายุการใช้งาน ส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนจะเจอปัญหาเสียงดัง พอเปลี่ยนแล้วเสียงนั้นจะหายไปค่าเฉลี่ยสายพานประมาณ 50,000 กิโลเมตร ถ้าเห็นว่าสภาพไม่ดีก็ควรเปลี่ยน

12 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

10. ตรวจเช็ก ปรับตั้งสายพานไดชาร์จ โดยใช้นิ้วมือกดบริเวณกึ่งกลางสายพาน หากพบว่าสายพานหย่อน ควรทำการปรับตั้งเพื่อให้อยู่ในระยะที่กำหนด โดยปกติสายพานหน้าเครื่องจะไม่ขาดง่าย เว้นแต่มีเศษก้อนหินกระเด็นใส่หรือสายพานแตก กรอบ ล่อน หลุด ตามอายุการใช้งาน อายุการใช้งานของสายพานเส้นนี้เกิน 100,000กิโลเมตรเนื่องจากสายพานเส้นใหญ่ แต่ก็ควรตรวจดูสภาพถ้าเห็นว่าสภาพไม่ดีแล้วก็ควรรีบทำการเปลี่ยน

13 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

11. ตรวจเช็กการรั่วซึม ของท่อทางเดินต่าง ๆ โดยรอบเครื่องยนต์เป็นการตรวจเช็กสิ่งผิดปกติต่าง ๆ โดยทั่วไปว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่มีการรั่ว ซึม เยิ้ม แฉะของน้ำมันไหลออกมา หากพบก็ควรรีบดำเนินการแก้ไข อย่าปล่อยปละละเลย

14 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

12. ตรวจเช็กสภาพภายในห้องเครื่อง โดยวิธีการมองดูรอบ ๆ ภายในห้องเครื่อง สังเกตดูว่า

มีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือไม่ สายไฟภายในห้องเครื่องเรียบร้อยดีหรือไม่ มีหนูมากัดหรือไม่ มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วซึมหรือไม่ เป็นต้น

15 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

13.ตรวจเช็กไส้กรองอากาศ กรองอากาศทำหน้าที่ดักฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไป

ในเครื่องยนต์แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆอาจทำให้เกิดอาการอุดตัน ส่งผลให้อากาศผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้น้อยลง ทำให้การเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ไส้กรองอากาศควรเปลี่ยนทุก20,000กิโลเมตรไส้กรองอากาศสะอาดจะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน.

16 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

14. ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆเปิดไฟทั้งหมด ทั้งไฟสูง ไฟต่ำ ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยวและไฟท้ายดูว่าทำงานตามปกติหรือไม่ มีหลอดไหนที่ไม่ติด ถ้าพบว่ามีไฟหลอดไหนไม่ติดควรเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ก

17 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

.15 ตรวจเช็กที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝนเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง

ก็อาจเสื่อมสภาพ จากสาเหตุดังนี้

1) ผิวสัมผัสส่วนปลายสึกหรอ จากการทำงานปกติของใบปัดน้ำฝน

2) มีสิ่งสกปรกและหินทรายละเอียดอยู่ระหว่างยาง ใบปัดน้ำฝนกับกระจกทำให้ยางปัดน้ำฝนสึกหรอ

3) ใบปัดน้ำฝนผ่านการใช้งานนาน ๆ ยางใบปัดน้ำฝน จะแข็งตัว การยืดหยุ่นจะลดลง

4) หน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดน้ำฝนกับกระจกไม่ดี เกิดอาการสั่นเต้นควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่

18 of 21

การบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น

16. ตรวจเช็กยาง ยางรถยนต์ใหม่จะมีหน้ายางนิ่มเมื่อขับบนท้องถนน เบรก หรือเข้าโค้งจะทำได้ดีเมื่อยางเริ่มหมดอายุการใช้งาน หน้ายางจะมีความแข็ง ดอกยางสึก เวลาเบรกกะทันหันเริ่มมีเสียงดัง เบรกได้ไม่ค่อยดีควรเช็กแรงดันลมยางอยู่เสมอ ๆ โดยใช้ความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนดควรตรวจเช็กยาง

19 of 21

การบำรุงรักษารถยนต์

การบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทางเป็นเรื่องจำ เป็นสำ หรับผู้ใช้รถการนำรถตรวจเช็กนั้นหากเจ้าของรถใช้รถน้อย ก็ให้คิดจากระยะเวลา แต่ถ้าหากใช้รถเป็นประจำ ก็ให้คิดตามระยะทางที่ใช้งาน การนำรถเข้าตรวจเช็กบำ รุงตามระยะทางที่กำ หนดจะทำ ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้รถ เพราะชิ้นส่วนต่าง ๆ ต้องมีการเปลี่ยน, ซ่อมหรือบำรุงรักษาก็จะทำ ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น และยังช่วยประหยัดด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเพื่อรถที่พร้อมใช้งานตลอดเวลาและสมรรถนะสูงสุด

20 of 21

การบำรุงรักษารถยนต์ ตามระยะเวลาที่กำหนด

  • การตรวจเช็กระบบรองรับ และยางรถยนต์
  • การตรวจเช็กระบบเบรก
  • การตรวจเช็กระบบคลัตช์
  • ระบบบังคับเลี้ยว
  • การตรวจเช็กระบบช่วงล่าง และตัวถัง
  • การตรวจระบบส่งกำลัง
  • การตรวจเช็กระบบจุดระเบิด

21 of 21

สรุป

การบำรุงรักษารถยนต์หมายถึงการตรวจเช็กดูแล การปรับแต่งและเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือ

วัสดุที่เสื่อมสภาพเพื่อให้รถยนต์มีสภาพการใช้งานเป็นปกติผู้ใช้รถสามารถตรวจสอบเองก่อน

การใช้งาน เช่น ตรวจเช็กน้ำหล่อเย็น ตรวจระดับน้ำมันเครื่องระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ระดับน้ำมันเบรก ตรวจเช็กระดับน้ำมัน Power ตรวจเช็กสภาพสายพาน ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่าง เป็นต้น บริษัทผู้ผลิตได้กำหนดการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทางหรือตามระยะเวลาเพื่อใช้งานรถ ได้เป็นปกติและยืดระยะเวลาการใช้งาน

หน่วยที่ 9

หน่วยที่ 1