1 of 4

พันธะโคเวเลนต์แบบโครงผลึกร่างตาข่าย

Covalent Bond

สารโคเวเลนต์บางชนิดมีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงมากมีความแข็ง แต่ความแข็งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการจัดเรียงอะตอมในโครงผลึกร่างตาข่าย ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่เพราะเกาะกันแบบโครงร่างตาข่าย เรียกว่า สารโครงผลึกร่างตาข่าย เช่นเพชร  แกรไฟต์  SiC, SiO2

2 of 4

ตัวอย่างสารโครงผลึกร่างตาข่าย�

1. เพชร (Diamond)   

Covalent Bond

เพชร เป็นอัญรูปหนึ่งของคาร์บอนและเป็นผลึกร่างตาข่าย

โครงสร้างของเพชรประกอบด้วยอะตอมของคาร์บอนซึ่งคาร์บอนแต่ละ

อะตอมใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนทั้งหมดสร้างพันธะแบบโคเวเลนต์กับอะตอม

คาร์บอน ไม่นำไฟฟ้า เพราะว่าคาร์บอนสร้างพันธะไปทุกทิศทุกทางทำให้

เพชรมีความแข็งมากกว่าอัญรูปอื่นๆ ของคาร์บอน

3 of 4

Covalent Bond

2. แกรไฟต์ (Graphite)

แกรไฟต์ เป็นผลึกโคเวเลนต์และเป็นอีกรูปหนึ่งของคาร์บอนแต่มีโครงสร้างต่างจากเพชร คือ อะตอมคาร์บอนจะสร้างพันธะโคเวเลนต์ต่อกันเป็นวง วงละ 6 อะตอมต่อเนื่องกันอยู่

ภายในระนาบเดียวกัน ซึ่งการจัดเรียงตัวแบบโครงผลึกร่างตาข่ายนี้ทำให้แกรไฟต์มีจุดเดือด

จุดหลอมเหลวสูงและสามารถนำไฟฟ้าได้  และมี 1 อิเล็กตรอนอิสระที่สามารถเคลื่อนที่ได้

ภายในชั้นและแต่ละชั้นไม่ได้สร้างพันธะกัน จึงทำให้ระหว่างชั้นไม่มีความแข็งแรงมากสามารถ

เลื่อนไถลได้ง่าย ทำให้มีสมบัติในการหล่อลื่น เราจึงนำไปทำไส้ดินสอสารหล่อลื่น เป็นต้น

4 of 4

3. ซิลิคอนไดออกไซด์ (SO2) หรือซิลิกา ซิลิคอนไดออกไซด์เป็นผลึกโคเวเลนต์ที่มีโครงสร้างเป็นผลึกร่างตาข่ายอะตอมของซิลิคอนจัดเรียงตัวเหมือนคาร์บอนในผลึกเพชรแต่มีออกซิเจน

คั่นอยู่ระหว่างอะตอมของซิลิคอนแต่ละคู่ ผลึกซิลิคอนไดออกไซด์จึงมี

จุดหลอมเหลวสูง และมีความแข็งสูง ใช้เป็นวัสดุในการทำแก้ว

ทำส่วนประกอบของนาฬิกาควอร์ตซ์ ใยแก้วนำแสง�

Covalent Bond

ซิลิคอนไดออกไซด์