พันธะโคเวเลนต์แบบโครงผลึกร่างตาข่าย
Covalent Bond
สารโคเวเลนต์บางชนิดมีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงมากมีความแข็ง แต่ความแข็งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการจัดเรียงอะตอมในโครงผลึกร่างตาข่าย ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่เพราะเกาะกันแบบโครงร่างตาข่าย เรียกว่า สารโครงผลึกร่างตาข่าย เช่นเพชร แกรไฟต์ SiC, SiO2
ตัวอย่างสารโครงผลึกร่างตาข่าย�
1. เพชร (Diamond)
Covalent Bond
เพชร เป็นอัญรูปหนึ่งของคาร์บอนและเป็นผลึกร่างตาข่าย
โครงสร้างของเพชรประกอบด้วยอะตอมของคาร์บอนซึ่งคาร์บอนแต่ละ
อะตอมใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนทั้งหมดสร้างพันธะแบบโคเวเลนต์กับอะตอม
คาร์บอน ไม่นำไฟฟ้า เพราะว่าคาร์บอนสร้างพันธะไปทุกทิศทุกทางทำให้
เพชรมีความแข็งมากกว่าอัญรูปอื่นๆ ของคาร์บอน
Covalent Bond
2. แกรไฟต์ (Graphite)
แกรไฟต์ เป็นผลึกโคเวเลนต์และเป็นอีกรูปหนึ่งของคาร์บอนแต่มีโครงสร้างต่างจากเพชร คือ อะตอมคาร์บอนจะสร้างพันธะโคเวเลนต์ต่อกันเป็นวง วงละ 6 อะตอมต่อเนื่องกันอยู่
ภายในระนาบเดียวกัน ซึ่งการจัดเรียงตัวแบบโครงผลึกร่างตาข่ายนี้ทำให้แกรไฟต์มีจุดเดือด
จุดหลอมเหลวสูงและสามารถนำไฟฟ้าได้ และมี 1 อิเล็กตรอนอิสระที่สามารถเคลื่อนที่ได้
ภายในชั้นและแต่ละชั้นไม่ได้สร้างพันธะกัน จึงทำให้ระหว่างชั้นไม่มีความแข็งแรงมากสามารถ
เลื่อนไถลได้ง่าย ทำให้มีสมบัติในการหล่อลื่น เราจึงนำไปทำไส้ดินสอสารหล่อลื่น เป็นต้น
3. ซิลิคอนไดออกไซด์ (SO2) หรือซิลิกา� ซิลิคอนไดออกไซด์เป็นผลึกโคเวเลนต์ที่มีโครงสร้างเป็นผลึกร่างตาข่ายอะตอมของซิลิคอนจัดเรียงตัวเหมือนคาร์บอนในผลึกเพชรแต่มีออกซิเจน
คั่นอยู่ระหว่างอะตอมของซิลิคอนแต่ละคู่ ผลึกซิลิคอนไดออกไซด์จึงมี
จุดหลอมเหลวสูง และมีความแข็งสูง ใช้เป็นวัสดุในการทำแก้ว
ทำส่วนประกอบของนาฬิกาควอร์ตซ์ ใยแก้วนำแสง�
Covalent Bond
ซิลิคอนไดออกไซด์