1 of 13

โครงสร้างดอกผักบุ้ง

(Anatomy morning Glory )

2 of 13

ดอกผักบุ้ง มีชื่อสามัญว่า morning Glory (ชื่อนี้มาจากการบานในตอนเช้าหรือมีแสงอาทิตย์จัดๆของผักบุ้งนั่นเองค่ะ) อยู่ใน Genus

(สกุล) Ipomoea ซึ่งมีมากกว่า 50 สายพันธุ์ และ 1000 สปีชี่ส์

ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea aquatica Forsk (Ipos แปลว่าหนอน หรือไม้เลื้อย)

และเห็นคำว่า aquatica คือน้ำหรือชอบขึ้นในที่มีน้ำ เมื่อผักบุ้งเกิดที่ไหนก็จะปูพรมเขียวเหมือนกับเป็น “Solar panels” เป็นแผงโซลาเซลล์ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเลยทีเดียว

3 of 13

ลักษณะทั่วไป

ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่ลำต้นเลื้อยพันหรือเลื้อยราบไปตามพื้นดิน

ลำต้นมีสีเขียวและมีขนสั้นประอยู่ทั่วทั้งต้น

ใบ : เป็นไม้ใบเดี่ยว สีเขียว ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจปลายใบเรียวแหลมโคนใบเว้าเข้า ผิวใบมีขนเป็นหนามสั้น ๆ ทั้งสองด้าน ใบกว้างประมาณ 2-5 นิ้วยาว 2-6 นิ้ว

ดอก : ออกเป็นช่ออยู่ตามง่ามใบลักษณะของดอกเป็นรูปกรวยตรงปลายดอกจะจักเป็นแฉก ตัวดอกด้านในเป็นสีฟ้าอมม่วงและมีแถบกลางกลีบเป็นสีออกแดง

ส่วนด้านนอกจะสีอ่อนกว่าหรือสีขาวกลีบเลี้ยงเป็นสีเขียวปลายแหลม

ผล : เป็นลูกกลม ๆ แห้ง ขนไม่มีจะเกลี้ยง

เมล็ด : ผิวเกลี้ยง กลมมีอยู่ 6 เม็ดหรืออาจจะน้อยกว่านี้

การขยายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

สรรพคุณ :

ใบ ในอเมริกาใต้นั้นนำใบมาทำเป็นยาแก้โรคซิฟิลิส และใช้เป็นยารุ

ถิ่นที่อยู่ : เป็นไม้พื้นเมืองของทวีปอเมริกา

4 of 13

โครงสร้างส่วนต่างๆของดอกผักบุ้ง

5 of 13

เกสรตัวเมีย(Pistil)

ยอดเกสรตัวเมีย(stigma)

ก้านชูเกสรตัวเมีย

(style)

รังไข่(ovary)

ไข่อ่อน(Soft egg.)

กสรตัวเมีย (Pistil) เป็นอวัยวะสืบพันธุ์เพศเมีย ประกอบด้วยยอดเกสรตัวเมียซึ่งมีน้ำหนักเหนียวเพื่อช่วยดักละอองเรณู และก้านชูเกสรตัวเมีย นอกจากนี้ยังมีรังไข่ ภายในรังไข่จะมี ออวุลรังไข่ทำหน้าที่สร้างไข่ (เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย)

6 of 13

เกสรตัวผู้ (Stamen)

ก้านชูอับเรณู(filament)

อับเรณู(anther)

เกสรตัวผู้ (Stamen) เป็นอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้ ประกอบด้วยก้านชูอับเรณู และอับเรณู ทำหน้าที่สร้างละอองเรณู (เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้) เพื่อใช้ในการผสมพันธุ์

7 of 13

ก้านดอก (Peduncle)

ก้านดอก (Peduncle)

ก้านดอก (Peduncle)

ทำหน้าที่ชูดอก และทำให้ดอกติดกับกิ่งหรือ

ลำต้น

8 of 13

ฐานรองดอก (Receptacle)

ฐานรองดอก (Receptacle) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รองรับกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย

ฐานรองดอก (Receptacle)

9 of 13

กลีบเลี้ยง(Sepal)

กลีบเลี้ยง

(Sepal)

กลีบเลี้ยง (Sepal)

เป็นส่วนที่อยู่ชั้นนอกสุดของดอกไม้มีลักษณะเป็นกลีบเล็กๆเจริญเปลี่ยนแปลงมาจากใบมักมีสีเขียวทำหน้าที่ห่อหุ้มและป้องกันอัตรายให้กับส่วนประกอบต่างๆของดอกที่ยังตูมอยู่ ป้องกันอันตรายจากแมลงหรือศัตรูพืช และช่วยป้องกันการระเหยของน้ำ

10 of 13

กลีบดอก (Petal)

กลีบดอก (Petal)

กลีบดอก (Petal)เป็นส่วนที่อยู่ถัดกลีบเลี้ยงเข้ามา กลีบดอกส่วนใหญ่จะมีสีสันสวยงามบางทีก็มีกลิ่นหรือต่อมน้ำหวานบริเวณโคนของกลีบดอก เพื่อใช้ในการล่อแมลงให้มาผสมเกสร

11 of 13

สรุปโครงสร้างของดอกผักบุ้ง มีลักษณะดังนี้

ดอกช่อ(inflorecence) มีดอกหลายดอกที่อยู่บนก้านดอกหนึ่งก้าน เช่น เข็ม ผักบุ้ง มะลิ กะเพรา กล้วย กล้วยไม้ ข้าวเป็นต้น แต่การจัดเรียงตัว และการแตกกิ่งก้านของช่อดอกมีความหลากหลาย นักวิทยาศาสตร์ใช้ลักษณะการจัดเรียงตัว

และการแตกกิ่งก้านของช่อดอกจำแนกช่อดอกออกเป็นแบบต่างๆ

ดอกสมบูรณ์ (complete flower) มีโครงสร้างหลักครบทั้ง 4 ส่วน ซึ่งได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย

ดอกสมบูรณ์เพศ (perfect flower) ดอกที่มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียอยู่ภายในดอกเดียวกัน

มีการถ่ายระอองเรณู(pollination) ปรากฏการณ์ที่ละอองเรณูตกลงสู่ยอดเกสรตัวเมีย

เมล็ด ในผักบุ้งจะมีผิวเกลี้ยง กลมมีอยู่ 6 เม็ดหรืออาจจะน้อยกว่านี้

12 of 13

แหล่งที่มา

13 of 13

จัดทำโดย

นางสาวจิราพัชร ใหลเจริญ เลขที่ 31

นางสาวรุจิรา วันทาแก้ว เลขที่ 37

ชั้นมัธยมศึกษาปีมี่ 5 / 2

เสนอ

อาจารย์โศจิกานต์ สตาภรณ์

โรงเรียนปิยชาติพัฒนาในพระราชูปถัมภ์ฯ

ปีการศึกษา 2 / 2554