บทที่ 4
การสื่อสารทางโทรศัพท์
4.1 หลักการทำงานเบื้องต้นของโทรศัพท์
โทรศัพท์ เป็นระบบสื่อสารที่ใช้สายไฟฟ้าในการต่อเชื่อมระบบเข้าด้วยกัน โดยถูกพัฒนามาจากโทรเลข ด้วยการใช้ไมโครโฟน (Microphone) แทนสวิตช์เคาะ (Key Switch) หรือแป้นพิมพ์ของโทรเลข ใช้ลำโพง (Loudspeaker) ตัวเล็กเป็นหูฟังแทนซาวเดอร์ (Sounder) หรือกลไกพิมพ์อักษร การติดต่อสื่อสารถึงกันโดยใช้สัญญาณเสียงส่งออกไปจากด้านส่ง แปลงสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า เดินทางผ่านไปตามสายส่งสัญญาณ ถึงด้านรับทำการแปลงกลับจากสัญญาณ ไฟฟ้าให้เป็นสัญญาณเสียงตามเดิม
4.1 หลักการทำงานเบื้องต้นของโทรศัพท์ (ต่อ)
โครงสร้างวงจรโทรศัพท์เบื้องต้น
4.1 หลักการทำงานเบื้องต้นของโทรศัพท์ (ต่อ)
การทำงานของโทรศัพท์ เมื่อต้องการติดต่อสื่อสารถึงกัน จะต้องต่อแบตเตอรี่จ่ายแรงดันไฟฟ้าเลี้ยงระบบโทรศัพท์วงจรโทรศัพท์ก็สามารถสนทนากันได้ ระบบโทรศัพท์ (Telephone System) แบบใช้สายไฟฟ้า มีส่วนประกอบหลักที่สำคัญของระบบแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ตัวเครื่องโทรศัพท์ที่ติดตั้งอยู่ตามบ้านผู้ใช้งานซึ่งเรียกว่า ผู้เช่า (Subscriber) ชุมสายโทรศัพท์ (Telephone Exchange) และสายโทรศัพท์ (สายไฟฟ้า) ใช้เชื่อมโยงวงจรเข้าด้วยกัน
4.2 เครื่องโทรศัพท์และส่วนประกอบ
เครื่องโทรศัพท์ถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของระบบโทรศัพท์ เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานโดยตรง เครื่องโทรศัพท์ที่ผลิตขึ้นมาใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่หลายลักษณะ หลายรูปร่าง หลายขนาด และหลายราคา มีทั้งรูปทรงทันสมัย หรือรูปแบบทรงโบราณ บางรุ่นอาจเพิ่มหน่วยความจำช่วยจำข้อมูล หรือบันทึกเสียงเก็บไว้ หรือมีปุ่มอำนวยความสะดวกในการใช้งานเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญหลักของเครื่องโทรศัพท์ทุกเครื่องที่ถูกนำไปใช้งานจะเหมือนกัน คือใช้เพื่อสนทนาสื่อสารกันเท่านั้น
(ก) แบบหน้าปัดชนิดหมุน (ข) แบบหน้าปัดชนิดกดปุ่ม (ค) แบบหน้าปัดชนิดอำนวยความสะดวก
4.2 เครื่องโทรศัพท์และส่วนประกอบ (ต่อ)
ถึงแม้ว่าเครื่องโทรศัพท์จะมีหลากหลายลักษณะและรูปแบบ แต่เครื่องโทรศัพท์ทั้งหมดจะมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญสำหรับใช้ในการทำงานเหมือนกัน โครงสร้างและส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องโทรศัพท์
(ก) แบบหน้าปัดชนิดหมุน (ข) แบบหน้าปัดชนิดกดปุ่ม
4.3 เครื่องโทรศัพท์แบบหมุนหมายเลข
เมื่อต้องการใช้โทรศัพท์ ผู้ใช้จะต้องยกชุดปากพูดหูฟัง (แฮนด์เซต) ขึ้นมา หมุนหมายเลขที่ต้องติดต่อให้ครบทุกตัวเลข การหมุนหมายเลขโทรศัพท์แต่ละตัวเครื่องโทรศัพท์จะให้กำเนิดสัญญาณพัลส์ (Pulse Signal) ขึ้นมา มีจำนวนพัลส์เท่ากับตัวเลขที่หมุน เช่น หมุนหมายเลข "1" เกิดพัลส์ 1 ลูก เป็นต้น
เป็นโทรศัพท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้งานในสมัยเริ่มแรกแป้นหน้าปัดของเครื่องโทรศัพท์จะประกอบด้วยจานหมุนวงกลม ภายในจานหมุนจะถูกเจาะเป็นวงกลมเล็กๆ รอบจาน 10 วง แต่ละวงกลมเล็กมีหมายเลขกำกับไว้ตั้งแต่เลข 0 – 9 เพื่อใช้สำหรับหมุนหมายเลขตามต้องการ ทำการเชื่อมต่อเลขหมายโทรศัพท์ที่ต้องการสนทนาด้วย
4.3 เครื่องโทรศัพท์แบบหมุนหมายเลข (ต่อ)
สัญญาณพัลส์ที่เกิดจากการหมุนหมายเลขโทรศัพท์
4.3 เครื่องโทรศัพท์แบบหมุนหมายเลข (ต่อ)
สัญญาณพัลส์ที่แทนหมายเลขโทรศัพท์แต่ละตัวที่ถูกส่งออกไป จะต่อเรียงลำดับกันไป และถูกคั่นด้วยช่องว่างของการต่อเชื่อมแต่ละหมายเลข เพื่อทำให้ชุมสายโทรศัพท์สามารถแยกพัลส์แต่ละหมายเลขออกจากกันได้อย่างถูกต้อง ช่วงช่องว่างพัลส์คั่นหมายเลขพัลส์แต่ละหมายเลขมีช่วงเวลา 0.5 s โดยทุกๆ หมายเลขพัลส์ที่ส่งออกไปจะต้องมีช่องว่างพัลส์เวลา 0.5 s คั่นไว้เสมอ
4.3 เครื่องโทรศัพท์แบบหมุนหมายเลข (ต่อ)
เวลาที่ใช้ในการส่งสัญญาณหมายเลขโทรศัพท์ออกไปในรูปสัญญาณพัลส์ จะมีเวลาในการส่งสัญญาณไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนพัลส์ที่แทนแต่ละหมายเลข รวมกับช่องว่างพัลส์ที่คั่นหมายเลข แสดงให้เห็นดังตัวอย่าง
●หมุนหมายเลข 0 2 1 ใช้เวลารวม = 1.0 + 0.5 + 0.2 + 0.5 + 0.1 = 2.3 วินาที
●หมุนหมายเลข 0 2 5 ใช้เวลารวม = 1.0 + 0.5 + 0.2 + 0.5 + 0.5 = 2.7 วินาที
●หมุนหมายเลข 0 2 8 ใช้เวลารวม = 1.0 + 0.5 + 0.2 + 0.5 + 0.8 = 3.0 วินาที
4.3 เครื่องโทรศัพท์แบบหมุนหมายเลข (ต่อ)
วงจรภายในเครื่องโทรศัพท์แบบหมุนหมายเลข
4.4 เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่มหมายเลข
เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่มหมายเลข เป็นเครื่องโทรศัพท์ที่พัฒนาขึ้นมาใช้งานแทนแบบหมุนหมายเลข เพื่อให้เหมาะสมกับระบบชุมสายโทรศัพท์แบบใหม่ที่พัฒนาขึ้น หน้าปัดของเครื่องโทรศัพท์จะประกอบด้วยปุ่มกดมีทั้งสิ้น 12 ปุ่ม แบ่งเป็นปุ่มตัวเลขมีหมายเลขกำกับไว้ตั้งแต่เลข 0 – 9 เพื่อใช้สำหรับกดหมายเลขตามต้องการ เพื่อเชื่อมต่อเลขหมายโทรศัพท์ต้องการสนทนาด้วย และมีปุ่มเครื่องหมายดอกจัน (*) และเครื่องหมายสี่เหลี่ยม (#) เพิ่มเข้ามา เพื่อใช้ในกรณีพิเศษอื่นๆ
4.4 เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่มหมายเลข (ต่อ)
ความถี่เสียงที่ถูกกำเนิดขึ้นมาจากการกดปุ่มหมายเลขแต่ละหมายเลข จะมีความถี่เสียงกำเนิดขึ้นมา 2 ความถี่แตกต่างกันนำมาผสมกัน เป็นความถี่เสียงที่แตกต่างกันของแต่ละหมายเลข ความถี่เสียงที่ใช้งานมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มความถี่สูง และกลุ่มความถี่ต่ำ
4.4 เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่มหมายเลข (ต่อ)
การกดหมายเลขโทรศัพท์แต่ละหมายเลข ส่งผลให้เครื่องโทรศัพท์ให้กำเนิดชุดความถี่ขึ้นมาแตกต่างกัน 2 ความถี่เสมอ เช่น กดหมายเลข “1” เครื่องโทรศัพท์ให้กำเนิดความถี่ออกมา คือ 697 Hz และ 1209 Hz กดหมายเลข “5” เครื่องโทรศัพท์ให้กำเนิดความถี่ออกมา คือ 770 Hz และ 1336 Hz เป็นต้น
4.4 เครื่องโทรศัพท์แบบกดปุ่มหมายเลข (ต่อ)
ข้อดีของโทรศัพท์ชนิดกำเนิดสัญญาณเสียงสองความถี่ (DTMF) คือ
1. ลดเวลาในการต่อเลขหมายโทรศัพท์ลงได้ ทำให้ชุมสายโทรศัพท์สามารถให้บริการติดต่อโทรศัพท์ได้จำนวนครั้งมากขึ้น
2. ใช้วงจรทำงานเป็นอุปกรณ์จำพวกสารกึ่งตัวนำอิเล็กทรอนิกส์ แทนที่อุปกรณ์เครื่องกล ทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว และมีความแม่นยำในการต่อเลขหมายปลายทาง
3. สามารถเพิ่มปุ่มกดใช้งานได้มากขึ้น เพื่อใช้ในการทำงานกับคำสั่งพิเศษ หรือบริการเสริมพิเศษอื่นๆ
4. มีความเหมาะสมในการใช้งานกับชุมสายโทรศัพท์ระบบอัตโนมัติ