วรรณศิลป์ไทย
การเล่นเสียง
การเล่นเสียง
การเล่นเสียง คือการเลือกสรรคำสัมผัสมาใช้ในคำประพันธ์ มีทั้งเสียงสัมผัสพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ให้พิเศษกว่าปกติ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำนองที่ไพเราะเมื่ออ่านออกเสียง และเพื่ออวด
ฝีมือของกวี การเล่นเสียงมีอยู่ด้วยกัน ๓ ชนิด ได้แก่
การเล่นเสียงพยัญชนะ
การเล่นเสียงพยัญชนะ คือการใช้สัมผัสพยัญชนะ (หรือสัมผัสอักษร) หลายพยางค์ติดกัน เพื่อความไพเราะ เช่น
“ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่
ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล้น้ำลำคลอง”
การเล่นเสียงสระ
คือการใช้สัมผัสสระหลายพยางค์ติดๆ กัน แบ่งได้ ๒ ประเภทคือ สัมผัสนอกและสัมผัสใน การเล่นสัมผัสนอกนั้นเป็นไปตามข้อบังคับของ
ฉันทลักษณ์อยู่เล้ว เช่น
“งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล”
การเล่นเสียงสระ (ต่อ)
สัมผัสใน เป็นการเล่นคำที่เป็นลีลา เป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงพิเศษที่ไพเราะ
และสะเทือนอารมณ์ ซึ่งเป็นส่วนที่กวีใช้อวดฝีมือตนเอง เช่น
“จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว ตึงหัวหน่าวเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสนห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตา จะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ”
การเล่นเสียงวรรณยุกต์
คือการใช้คำไล่ระดับเรียงตามการผันวรรณยุกต์ไทย ๒ หรือ ๓ ระดับติดกัน
เป็นชุดๆ เป็นการเล่นเสียงแบบที่ทำได้ยากที่สุด เพราะนอกจากจะเล่นเสียงแล้ว
ยังต้องคำนึงถึงความหมาย ไม่ให้ผิดเพี้ยนอีกด้วย เช่น
“จิบจับเจาเจ่าเจ้า รังมา
จอกจาบจั่นจรรจา จ่าจ้า
เค้าค้อยค่อยคอยหา เห็นโทษ
ซอนซ่อนซ้อนสริ้วหน้า นิ่งเร้าเอาขวัญ”