การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ความรู้พื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลทางอิเลคทรอนิกส์
องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล
การส่งข้อมูลแบบต่าง ๆ
ความรู้พื้นฐานในการรับ-ส่งข้อมูล
ช่องทางการรับ-ส่งสัญญาณ
โปรโตคอล
ระบบเครือข่าย LAN , MAN และ WAN
โครงสร้างกายภาพของแลน
อินเตอร์เนตและการใช้งาน
ความรู้พื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลทางอิเลคทรอนิกส์
คำศัพท์ที่ควรทราบ
องค์ประกอบของการสื่อสาร
ชนิดของสัญญาณข้อมูล
จำแนกได้เป็น 2 ชนิดคือ
1. สัญญาณอนาล็อก (Analog signal)
2. สัญญาณดิจิตอล(Digital signal)
Modulation & Demodulation
ในการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่ายสายสื่อสาร สัญญาณดิจิตอลต้องถูกแปลงเป็นสัญญาณอนาลอก ที่เรียกว่าคลื่นพาหะ(carrier wave) จากนั้นจึงแยกข้อมูลดิจิตอลจากคลื่นพาหะเพื่อให้เครื่องรับเข้าใจข้อมูล
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณจากดิจิตอลเป็นอนาลอก หรือจากอนาลอกเป็นดิจิตอล เรียกว่า โมเด็ม (MODEM มาจาก MOdulate-DEModulate) ซึ่งในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.โมเด็มที่ต่อภายนอก (External Modem)
2.โมเด็มที่ต่อแบบภายใน (Internal Modem)
3.โมเด็มไร้สาย ( Wireless Modem)
ซึ่งมีความเร็วหลายระดับ ได้แก่ 9600 , 14400, 28800 bps หรือ 56000 Bps (56Kbps)
(Modulation)
(Demodulation)
การสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์�
ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลของโมเด็ม
1. bps (bit per second) หมายถึง จำนวนบิตที่สามารถส่งได้ใน 1 วินาที (หมายถึงสัญญาณ Digital)
2. Baud rate หมายถึง จำนวนครั้งของการส่งสัญญาณใน 1 วินาที (หมายถึงสัญญาณ Analog)�
การเปลี่ยนจากระบบ Analog เป็น Digital
ISDN
การส่งข้อมูล (Transmission)
สัญญาณถูกส่งไปด้วยระดับแรงดันค่าต่าง ๆที่ต่อเนื่อง ส่วนมากจะอยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้า เช่น การพูดกันทางโทรศัพท์
สัญญาณถูกส่งไปด้วยเลข 0 และ 1เท่านั้น มีการกำหนดรหัสไว้ อาจเรียกว่า สัญญาณพัลส์ (Pulse signal)
รูปแบบของการส่งผ่าน(รับส่ง)ข้อมูล
รูปแบบของสายส่งสัญญาณสื่อสารอาจประกอบด้วยสายส่งตั้งแต่หนึ่งสายขึ้นไป ซึ่งทำให้เกิดช่องทางการส่งข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งช่องทาง รูปแบบของการส่งผ่านข้อมูลสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบคือ
วิธีการในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์
- บิตเริ่มต้น (start bit) - บิตของข้อมูลที่สื่อสาร (transmission data) 8 bit
- บิตตรวจข้อผิดพลาด (error check bit) - บิตปิดท้าย (stop bit)
เป็นการสื่อสารที่ความเร็วต่ำ เนื่องจากสูญเสียช่องการสื่อสารไป 2 บิต
ทิศทางการสื่อสารข้อมูล
ประกอบด้วย หนึ่งหรือหลายช่องทางการส่ง สามารถส่งข้อมูลในเวลาใดเวลาหนึ่ง ไปในทิศทางเดียวเท่านั้น หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ ผู้ส่งสามารถส่งข้อมูลไปให้แก่ผู้รับเพียงฝ่ายเดียว ส่วนผู้รับไม่สามารถโต้ตอบกลับได้ เช่นการส่งวิทยุกระจายเสียง
สามารถส่งข้อมูลในเวลาใดเวลาหนึ่ง ไปในทิศทางเดียวเท่านั้น ทั้งฝ่ายส่งและฝ่ายรับ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ ผู้ส่งสามารถส่งข้อมูลไปให้แก่ผู้รับ ส่วนผู้รับก็สามารถโต้ตอบกลับได้ แต่ไม่สามารถส่งสวนทางกันได้ในเวลาเดียวกัน เช่นการส่งวิทยุของตำรวจ
สามารถส่งข้อมูลในเวลาใดเวลาหนึ่ง ได้ทั้ง2ทิศทาง ทั้งฝ่ายส่งและฝ่ายรับ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ ผู้ส่งและผู้รับ สามารถโต้ตอบสวนทางกันได้ในเวลาเดียวกัน เช่น การส่งสัญญาณโทรศัพท์
ทิศทางการรับ-ส่งข้อมูล
1. แบบ Simplex
2. แบบ Half-duplex
3. แบบ Full-duplex
เช่น การสื่อสารโทรทัศน์
เช่น วิทยุ Walkie-Talkie
เช่น โทรศัพท์
ช่องทางการสื่อสาร/ตัวกลางการสื่อสาร �(Communication Channel)
ตัวกลางการสื่อสารเป็นสื่อที่ใช้ต่อเชื่อมการสื่อสารระหว่างผู้ส่งกับผู้รับข้อมูล
แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1.แบบมีสาย (Wired Media)
2.แบบไร้สาย (Wireless Media)
สื่อนำข้อมูลแบบมีสาย (Wired Media)
เป็นสายราคาถูกที่สุด ประกอบด้วยสายทองแดงที่มีฉนวนหุ้มจำนวน 2 เส้น นำมาพันกันเป็นเกลียว สามารถลดการรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
สายเกลียวคู่หนึ่งหมายถึงหนึ่งช่องทางการสื่อสาร ซึ่งอาจมีหลายสายมัดรวมกันเป็นสายใหญ่ เพื่อใช้งานพร้อมกัน
- สายคู่เกลียวแบบไม่มีชีลด์ (UTP) ใช้เดินสายโทรศัพท์และระบบเครือข่ายระยะใกล้ มีราคาต่ำ
- คู่เกลียวแบบมีชีลด์ (STP) มีฉนวนโลหะหุ้มภายนอก ทำให้ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดีขึ้น
Twisted pair: เป็นสายทองแดงบิดเกลียวหุ้มด้วยฉนวน
สามารถส่งได้ไกลกว่าและเร็วกว่าสายคู่บิดเกลียว แต่ราคาสูงกว่า ประกอบด้วยสายส่งข้อมูลที่เป็นทองแดงที่มีฉนวนหุ้มอยู่ตรงกลาง จากนั้นหุ้มด้วยตัวนำที่เป็นสายกราวนด์ แล้วจึงหุ้มด้วยฉนวนอีกชั้นหนึ่ง ทำให้สามารถลดการรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดีกว่า สามารถส่งข้อมูลและเสียงได้เร็ว
- สายชนิดความต้านทาน 50 โอห์ม เรียกว่า แบบช่วงสัญญาณแคบ (baseband) ใช้สำหรับส่งข้อมูลแบบดิจิตอล
- สายชนิดความต้านทาน 75 โอห์ม เรียกว่า แบบช่วงสัญญาณกว้าง (broadband) มีความกว้างของสัญญาณมากกว่า 4 KHz ใช้สำหรับส่งข้อมูลแบบอนาลอก
พบการใช้งานในสายเคเบิลทีวี การวางสายใต้ทะเลและใต้ดิน ปัจจุบันพบการใช้น้อยลงเนื่องจากแบบคู่เกลียวมีการพัฒนามากขึ้น
Coaxial: เป็นสายทองแดงหุ้มด้วยฉนวน
ประกอบด้วยใยแก้วหรือพลาสติกอยู่ตรงกลาง จากนั้นหุ้มด้วยใยแก้วอีกชนิดหนึ่ง(cladding) แล้วจึงหุ้มด้วยฉนวนชั้นนอกสุด ใยแก้วทำหน้าที่เหมือนกระจกที่สะท้อนสัญญาณแสงให้สะท้อนไปมาจากจุดต้นทางไปจนถึงจุดปลายทาง สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากๆได้เร็วมาก, ส่งได้ไกล (ปัจจุบันสามารถส่งได้ไกลถึง 30 km.) และปลอดภัยจากสัญญาณรบกวน เนื่องจากใช้แสงเป็นตัวนำ
การสื่อสารข้อมูลโดยสายใยแก้ว ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
- อุปกรณ์กำเนิดแสง - สายใยแก้วนำแสง - อุปกรณ์ตรวจจับแสง
โดยปกติการส่งสัญญาณแสง(light pulse) ออกไป 1 ครั้งใช้แทน บิต “1” และการไม่ส่งสัญญาณแสงหมายถึงบิต “0”
สายใยแก้วที่ลำแสงเดินทางเป็นเส้นตรงไม่หักเห = single-mode fiber มีขนาด 8-10 ไมครอน สายใยแก้วที่มีหลายลำแสงส่งไปพร้อมๆกันได้ = multi-mode fiber มีขนาด 50 ไมครอน
ข้อเสียคือติดตั้งและบำรุงรักษายาก รวมทั้งมีราคาแพง
ตารางเปรียบเทียบการใช้งานสายเคเบิลต่าง ๆ
สื่อนำข้อมูลแบบไร้สาย (Wireless Media)
เป็นช่วงคลื่นที่สร้างได้ง่าย ส่งได้ระยะทางไกล สามารถผ่านสิ่งกีดขวางได้ดี เดินทางออกจากแหล่งได้ทุกทิศทาง
ข้อเสียในตัวเอง ที่ความถี่ต่ำ สัญญาณคลื่นจะสามารถเดินทางผ่านวัตถุกีดขวางได้เป็นอย่างดี แต่กำลังสัญญาณจะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเดินทางไกลออกไป ที่ความถี่สูง คลื่นจะเดินทางในแนวเกือบตรง แต่จะเกิดการสะท้อนเมื่อถูกขวางกั้น และจะถูกดูดซึมเมื่อเดินทางผ่านสายฝน
นอกจากนี้ คลื่นทุกความถี่ยังถูกรบกวนได้ง่ายจากการทำงานของมอเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้า
ใช้วิธีส่งสัญญาณที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นวิทยุเป็นทอด ๆ จากสถานีหนึ่งไปสถานีหนึ่ง บ่อยครั้งจะถูกเรียกว่า สัญญาณแบบเส้นสายตา (line of sight) เนื่องจากสัญญาณที่ส่งไปได้ไม่ไกลกว่าเส้นขอบฟ้าโลก เพราะเดินทางเป็นเส้นตรง ดังนั้นสถานีจึงตั้งในที่สูง เพื่อช่วยให้ส่งได้ไกลขึ้น ปกติสถานีหนึ่งจะครอบคลุมพื้นที่สัญญาณประมาณ 30- 50 กม. สามารถส่งสัญญาณหลายความถี่ในทิศทางเดียวกันได้โดยไม่รบกวนกันเอง ราคาถูก ติดตั้งง่าย มีอัตราการส่งข้อมูลสูง
ข้อเสีย
สัญญาณอาจถูกรบกวนได้จาก อุณหภูมิ พายุและฝน และยังไม่สามารถผ่านสิ่งกีดขวางได้ และบางครั้งสัญญาณอาจมีการหักเหระหว่างทางได้
ปัจจุบันถูกนำมาใช้ ในบริการโทรศัพท์ทางไกล และ โทรศัพท์มือถือ
เดินทางเป็นเส้นตรง ราคาถูก ง่ายต่อการผลิตใช้งาน ปลอดภัยจากการถูกลักลอบดักสัญญาณ
ข้อเสียไม่สามารถผ่านสิ่งกีดขวางได้ ระยะทางในการรับส่งไม่ไกลนัก
ปัจจุบันถูกนำมาใช้ ในการสื่อสารระยะใกล้ เช่น รีโมทควบคุมโทรทัศน์ รวมทั้งการนำไปใช้ในการส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ไปยังเครื่องพิมพ์ด้วย
ปัจจุบันเป็นการส่งข้อมูลระหว่างระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณสองแห่ง ที่อยู่ห่างกันโดยใช้แสงเลเซอร์ เป็นการสื่อสารแบบทางเดียว ถ้าให้เป็นการสื่อสารแบบสองทาง ทั้งผู้รับและผู้ส่งจะต้องมีอุปกรณ์ในการส่งและรับด้วย มีราคาถูกและมีช่วงกว้างของช่องสัญญาณสูงมากเมื่อเทียบกับแบบไมโครเวฟ
ข้อเสีย การติดตั้งอุปกรณ์ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และลำแสงเลเซอร์จะไม่ผ่านสายฝน หรือหมอกหนาได้ และอาจมีปัญหากับคลื่นความร้อนได้อีก
หลักการยิงสัญญาณคล้ายกับระบบไมโครเวฟ มี 2 แบบ คือ
- ดาวเทียมจะอยู่เหนือพื้นโลก 36000 กม. หมุนรอบโลกประมาณ 24 ชม. เรียกว่าดาวเทียมแบบประจำที่ (geosynchronous satellite) จะต้องโคจรห่างจากกัน 2องศาเมื่อวัดจากแกนโลก เพื่อไม่ให้เกิดสัญญาณรบกวนกัน ดังนั้นจึงมีได้ 180 ดวง แต่ดาวเทียมแต่ละดวงสามารถรับและส่งสัญญาณหลายช่วงความถี่ในเวลาเดียวกัน และดาวเทียมอาจอยู่วงโคจรเดียวกันได้ถ้าใช้ความถี่ต่างกัน
- ดาวเทียมโคจรระดับต่ำ อยู่ในระดับความสูง 750 km. โคจรผ่านขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้โดยทิ้งระยะห่างกัน 32 องศา
ในปัจจุบันมีการใช้สัญญาณดาวเทียม ในการส่งสัญญาณข้อมูลคอมพิวเตอร์ สัญญาณโทรทัศน์ รวมทั้งการใช้ในทางภูมิศาสตร์ ทางทหาร
GPS
ข้อดีดาวเทียม คือ
ข้อเสีย คือ
หลักเกณฑ์การพิจารณาเลือกสื่อนำข้อมูล
สื่อในการสื่อสาร (Transmission media) ซึ่งในการเลือกช่องทางที่ต้องการต้องคำนึงถึง
โปรโตคอล (Protocol)
Protocol คือกฏหรือวิธีที่กำหนดขึ้นเพื่อการสื่อสาร จะถูกสร้างขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ ที่เราใช้ ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมถึงวิธีการและกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องในการรับ-ส่งข้อมูล มีองค์กรที่กำหนดมาตรฐานต่าง ๆ ได้แก่
แบบจำลองสำหรับอ้างอิง OSI
โดยโครงสร้างสถาปัตยกรรมเครือข่าย จะถูกออกแบบเป็นชั้น ซึ่งระบบเครือข่ายใดวางโครงสร้างตามแบบจำลองนี้ จะเป็นระบบเครือข่ายเปิด และอุปกรณ์ทางเครือข่ายจะสามารถติดต่อกันได้โดยไม่ขึ้นกับว่าเป็นอุปกรณ์ของบริษัทใด
โปรโตคอลของระบบเครือข่าย�(Network Protocol)
นิยมเรียกกันว่า โปรโตคอลสแตก (protocol stack) คือชุดของกฏหรือข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมุลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้แต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ ในเครือข่ายสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างถูกต้อง โดย โปรโตคอลของระบบเครือข่าย จะอยู่ในระดับ network layer และ transport layer และทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างแผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย กับ ระบบปฏิบัติการเครือข่าย ตัวอย่างโปรโตคอลสแตกที่มีใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
IPX/SPX สำหรับ netware , TCP/IP ใช้งานมากในinternet และระบบ UNIX แบบต่างๆ ใช้งานทั้งระบบ LAN และ WAN มีการแบ่ง 2 layer คือ IP layer และ TCP layer, NetBIOS และ NetBEUI ใช้ใน windows NT
ชนิดของระบบเครือข่าย
ชนิดของระบบเครือข่าย
ระบบ LAN�จุดประสงค์ของการใช้งานระบบ LAN
ประเภทของระบบ LAN
เครื่องPCจะทำหน้าที่เป็นเครื่องclient และ เครื่องPCที่มีความสามารถสูงจะทำหน้าที่เป็นเครื่อง server มีหน้าที่จัดการควบคุมการเรียกใช้ข้อมูลหรือซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์ทุกตัวที่ต่ออยู่ในระบบเครือข่าย รวมทั้งควบคุมความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งมี serverหลายแบบ ได้แก่
- file server ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมและแฟ้มข้อมูลไว้ เพื่อให้เครื่องลูกเรียกใช้ได้
- database server ทำหน้าที่เก็บเฉพาะข้อมูล ให้เครื่องอื่น ๆเรียกใช้
- print server ทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานเครื่องพิมพ์ที่ต่อกับระบบ
กำหนดให้เครื่องPCจทุกตัวที่ต่ออยู่ในระบบเครือข่าย มีฐานะเท่าเทียมกัน แต่ละเครื่องสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยตรง โดยไม่ผ่านผู้ให้บริการ มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า แต่ข้อเสียคือ มีความเร็วค่อนข้างช้า ถ้ามีการใช้งานเครือข่ายหนัก รวมทั้งควบคุมความปลอดภัยของข้อมูล
อุปกรณ์พื้นฐานในการเชื่อมโยงระบบเครือข่าย
อุปกรณ์พื้นฐานในการเชื่อมโยงระบบเครือข่าย
โครงสร้างเครือข่าย �(Network Topology)
โครงสร้างที่เชื่อมต่อเครื่องPCแต่ละเครื่องด้วยสายเคเบิลที่ใช้ร่วมกัน การรับส่งข้อมูลจะผ่านไปมาระหว่างแต่ละเครื่อง โดยไม่ต้องผ่าน server ก่อน
ข้อดี - ใช้สายเคเบิลน้อยที่สุด
- รูปแบบการวางสายง่าย และ สามารถขยายระบบได้ง่าย
- ถ้ามีเครื่องเสียก็ไม่มีผลอะไรต่อระบบโดยรวม
ข้อเสีย - ตรวจหาจุดที่มีปัญหาได้ยาด
- ระบบมีประสิทธิภาพลดลง ถ้ามีการจราจรของข้อมูลสูง
โครงสร้างแบบดาว
โครงสร้างที่เชื่อมต่อเครื่องPCแต่ละเครื่องเข้ากับเครื่อง server โดยใช้อุปกรณ์ hub การรับส่งข้อมูลทั้งหมดต้องผ่าน server เสมอ
ข้อดี - การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่สามารถทำได้ง่าย และไม่กระทบกับเครื่องอื่นในระบบ
- ถ้ามีเครื่องเสียก็ไม่มีผลอะไรต่อระบบโดยรวม และ เปลี่ยนรูปแบบการวางสายได้ง่าย
- ตรวจสอบจุดที่เป็นปัญหาได้ง่าย
- รับส่งข้อมุลได้รวดเร็ว
ข้อเสีย - มีค่าใช้จ่ายสุง เนื่องจากค่าสายส่งข้อมูล
- ถ้า server เสียระบบเครือข่ายจะหยุดชะงักทั้งหมดทันที
โครงสร้างที่เชื่อมต่อเครื่องPCแต่ละเครื่องเข้ากับเครื่อง server เข้าเป็นลักษณะวงแหวน การรับส่งข้อมูลทั้งหมดจะส่งผ่านกันไปในวงจนกว่าจะถึงเครื่องผู้รับที่ถูกต้อง
ข้อดี - ใช้สายเคเบิลน้อย
- ระบบมีประสิทธิภาพสูง แม้การจราจรของข้อมูลสูง ไม่มีการชนของข้อมูล เพราะข้อมูลวิ่งในทิศทางเดียว
ข้อเสีย - ถ้า มีเครื่องที่มีปัญหา อาจมีผลให้ระบบเครือข่ายจะหยุดชะงักทั้งหมดทันที
- ตรวจหาจุดที่มีปัญหาได้ยาด
- เปลี่ยนรูปแบบการวางสายได้ยาก ต้องหยุดชะงักการทำงานของเครือข่าย
Star Topology
Bus Topology
Ring Topology
Mesh Topology
Hybrid Topology
มาตรฐานการเชื่อมต่อเครือข่าย�ที่เป็นที่นิยมแพร่หลาย
อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล
อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย
#: 3C16410
ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบเครือข่าย
Simultaneous Access
ผู้ใช้หลายคนสามารถใช้ข้อมูลจากที่ เดียวกันได้
Shared Peripheral Devices
การใช้อุปกรณ์ร่วมกัน
Personal Communication
การสื่อสารระหว่างบุคคล
Personal Communication: �Video Conferencing
การสื่อสารในกลุ่มผู้ใช้ที่อยู่ต่างสถานที่กัน โดยได้ทั้งภาพและเสียง
วิธีการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
การประมวลผลทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่เครื่องหลักเพียงเครื่องเดียว ในระยะแรกผู้ใช้ต้องไปใช้งานที่ศูนย์คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน จะเป็นการประมวลผลทางไกล (TeleProcessing) ซึ่งเป็นการทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อมาใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์กลางได้จากระบบการสื่อสารต่าง ๆ แต่การประมวลผลจะอยู่ที่ศูนย์เช่นเดิม เครื่องที่เชื่อมต่อเข้ามามีหน้าที่เพียงแสดงผลที่เครื่องศูนย์กลางส่งมาเท่านั้น
เป็นการแบ่งการประมวลผลมาทำงานที่เครื่องพีซี โดยเครื่องพีซีจะเรียกใช้งานโปรแกรมที่ทำหน้าที่คุยกับโปรแกรมที่คอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง และรับหน้าที่ในการนำข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลจาก server แล้วมาแสดงผลในรูปแบบต่าง ๆที่เหมาะสม รวมทั้งรับหน้าที่ในส่วนของการโต้ตอบและรับข้อมูลจากผู้ใช้ด้วย
เป็นการกระจายภาระการประมวลผลไปยังเครื่องต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย และนำผลลัพธ์ที่ได้มารวมกัน ซึ่งเป็นการทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลของระบบโดยรวม รวมทั้งยังสามารถลดจำนวนข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายได้ด้วย