ระดับความคิดเห็นมี 5 ระดับ ได้แก่
คะแนน 0 หมายถึง ไม่มี
คะแนน 1 หมายถึง น้อย
คะแนน 2 หมายถึง ปานกลาง
คะแนน 3 หมายถึง มาก
คะแนน 4 หมายถึง มากที่สุด1. ไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานด้านการวางแผนการผลิต แต่เป็นงานแฝงที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นทำ ไม่มีการวางแผนหรือกลยุทธ์ หรือเป้าหมาย ด้านการวางแผนการผลิตที่ชัดเจน
*2. ไม่มีกระบวนการทำงานในการจัดการด้านการวางแผนการผลิต แต่เป็นงานแฝงที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นทำ เช่น ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต
*3. ยังใช้ Excel หรือกระดาษในกระบวนการทำงานด้านการวางแผนการผลิต ขาดการใช้โปรแกรม/ระบบสารสนเทศ
*4. ไม่มีวิธีการลดต้นทุนสินค้าคงคลังและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการเก็บข้อมูลและผลสรุปประจำเดือนและประจำปี
*5. ไม่มีการประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการวางแผนการผลิต
*6. เจ้าหน้าที่ทำงานโดยมีการวางแผนหรือกลยุทธ์ หรือเป้าหมายบ้าง
*7. ไม่มีมีกระบวนการทำงานที่ดี แค่มีการทำงานให้มั่นใจว่าได้สินค้าตามที่ต้องการและจ่ายวัตถุดิบให้ฝ่ายผลิตตรงเวลา
*8. มีการใช้โปรแกรม/ระบบสารสนเทศ แต่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้ใช้ในแผนกบัญชีมากกว่า เช่น โปรแกรมบัญชี ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝายผลิตใช้ออกใบ PR
*9. มีวิธีการลดต้นทุนสินค้าคงคลังและค่าใช้จ่ายที่อย่างง่าย มีการเก็บข้อมูลและผลสรุปบ้างแต่ไม่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ หรือขาดการทำรายงานสรุปผลการลดต้นทุนสินค้าคงคลังและค่าใช้จ่ายต่างๆ ประจำเดือนและประจำปี
*10. มีการประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการวางแผนการผลิต ปริมาณสินค้าคงคลัง แต่ไม่ได้นำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่นแก้ไขปัญหาหรือข้อผิดพลาดอย่างทันท่วงที การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
*11. วางแผนความต้องการใช้วัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์และเปิดใบสั่งผลิต ตามความต้องการของลูกค้า ที่ได้รับจากฝ่ายขายในแต่ละเดือน
*12. จัดทำใบสั่งซื้อวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ส่งให้แผนกจัดซื้อ และติดตามการส่งมอบวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ของซับพลายเออร์ ร่วมกับแผนกจัดซื้อ
*13. สร้าง “ BOM "รายการวัสดุและรหัสวัสดุ" ในระบบ MRP หรือ ระบบ ERP (เช่น SAP, Oracle) หรือโปรแกรม อื่นๆ เช่น Microsoft Project
*14. ควบคุมต้นทุนการผลิตของแต่ละล็อต
*15. ประเมินข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงแผนการผลิตให้สอดคล้องกับ KPI และมูลค่าสินค้าคงคลัง
*16. ผู้ประสานงานโครงการผลิตของสายการผลิต มีตัวชี้วัด (KPI) อย่างชัดเจนและครอบคลุมระดับฝ่าย>แผนก > เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบแต่ละตน
*17. ประสานงานงานฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย ตรวจสอบรายงาน Sale Forecast ที่ได้รับจากฝ่ายการตลาด และฝ่ายขายเพื่อนำมาวิเคราะห์รายการสินค้า ที่มีการปรับเพิ่ม-ลด Sale Forecast ให้เป็นไปตามนโยบาย
*18. บริหารจัดการ Sale forecast ผลิต เพื่อนำเข้าระบบ Run MRP ผ่านโปรแกรม ERP เช่น SAP, Oracle หรือ โปรแกรม ERP ของไทยที่ใกล้เคียง
*19. วิเคราะห์ข้อมูล FG, RM, PK ข้อมูลการผลิตในกรณีที่ไม่เป็นไปตามแผนการผลิต เช่น รายการสินค้าที่ลูกค้าต้องการด่วน และมีนัยสำคัญในการแทรกแผนการผลิต เพื่อส่งมอบได้ทันเวลา
หมายเหตุ:
FG หมายถึง สินค้าสำเร็จรูป (Finished goods)
RM หมายถึง วัสดุ/วัตถุดิบ (Raw material)
PK หมายถึง บรรจุภัณฑ์ (Packaging)
*20. วิเคราะห์รายการสินค้า Slow move FG, RM, PK เพื่อให้ Sales & Marketing สรุปแนวทางการระบายสินค้าประจำเดือนและประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และนำผลการวิเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น และการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
*21. ประเมินข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงแผนการผลิตให้สอดคล้องกับ KPI และมูลค่าสินค้าคงคลัง
*22. ทำงานร่วมกับทีมงานข้ามหน่วยงานเพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายการจัดซื้อจัดจ้างสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์โดยรวมของบริษัท
*23. ตรวจสอบคำสั่งซื้อใหม่ และยืนยันวันผลิต ผ่านระบบ ERP (เช่น SAP, Oracle ) รวมถึงจัดทำ Master Production Plan (MPS) โดยตรวจสอบ Demand Order พร้อมกำลังการผลิต แล้วจัดทำ Master Production Plan (MPS) เป็นรายเดือนให้สอดคล้องกับสภาพโรงงาน สภาพวัสดุ เป้าหมายการขาย และความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
*24. วิเคราะห์ต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์จากการผลิต เช่น
-การวางแผนการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงทีด้วยระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสมและประสิทธิภาพต้นทุนการดำเนินงาน
-คำนวณวันและชั่วโมงทำงานเพื่อกำหนดเวลาการทำงานของกำลังคน (การทำงานปกติและการทำงานล่วงเวลา) และเวลาการทำงานของเครื่องจักรในสายการผลิต และกำหนดลำดับความสำคัญของสินค้า
*25. สรุปรายงานประจำเดือนต่อผู้บริหาร และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น วิเคราะห์รายการสินค้า Inventory Turnover /Stock out/ Day Supply / Slow move (FG, RM, PK) รายการ Back Order ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงแผนการผลิต ซึ่งเกิดจากการ Revise Forecast หรือปัจจัยอื่นๆ
*Does this form look suspicious? Report