Page 1 of 4
ปัญหาหลบหนีเข้าเมือง ภัยที่คุกคามความมั่นคง
จากรายงานของสํานักข่าวกรองแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งเฝ้าระวังและปราบปรามโดยด่วน หลังจากพบว่ากลุ่ม
ขบวนการดังกล่าวได้แผ่อิทธิพลเข้ามาทางด้านจังหวัดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกมาก
ขึ้นแล้ว และสร้างปัญหามากมาย ทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองหรืออยู่โดย
ผิดกฎหมาย ปัญหากลุ่มมาเฟียต่างชาติและปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติด โดยที่
จังหวัดจันทบุรี มีชาวแอฟริกันนับร้อยไปอาศัยค้าพลอย และเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น โดย
พวกนี้จะจ้างคนไทยจดทะเบียนเป็นภรรยาเพื่อให้ได้อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ แต่กลับ
สร้างปัญหาทั้งค้ามนุษย์และค้ายาเสพติด ส่วนจังหวัดตราด มีปัญหาการลักลอบเข้า
เมืองและค้ามนุษย์ และการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนกัมพูชา ส่วนที่พัทยากําลัง
เป็นแหล่งชุมนุมของอาชญากรหลายชาติ โดยเฉพาะ กลุ่มรัสเซีย เยอรมนี อังกฤษ และ
สแกนดิเนเวีย โดยแสร้งเปิดธุรกิจบังหน้า แต่เบื้องหลังใช้ไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน นําเข้า
หญิงต่างชาติและส่งออกหญิงไทยเพื่อขายบริการทางเพศ ค้ายาเสพติด ผลิตสื่อลามก
อนาจารและสร้างอิทธิพล ถัดไปคือกลุ่มเอเชียใต้ ได้แก่ปากีสถาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ
ปลอมแปลงหนังสือเดินทาง บัตรเครดิต ค้ามนุษย์ (แก๊งลูกแพะ) และชาวศรีลังกา ซึ่งนํา
คนเข้าเมือง เพื่อลักลอบส่งไปประเทศที่สาม อีกทั้งใช้บัตรเครดิตปลอม นอกจากนั้นยังมี
กลุ่มชาวแอฟริกัน เกาหลีใต้ จีน อิหร่าน อิรัก มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่ปลอม
แปลงบัตรเครดิต หนังสือเดินทาง หลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติและค้ายาเสพติด
โดยรายงานของสํานักข่าวกรองแห่งชาติยังระบุด้วยว่า “ในเอเชีย ไทยยังคงเป็นทาง
ผ่านของผู้ลักลอบเข้าเมือง จากเกาหลีเหนือไปยังประเทศที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เกาหลีใต้มากขึ้น ในห้วงรายงานทางการไทยจับกุมชาวเกาหลีเหนือ 91 คน ที่หลบหนี
เข้าเมืองมาซ่อนตัวอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อรอการช่วยเหลือไปยังประเทศที่สาม ขณะ
เดียวกันชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงหนังสือเดินทางยังคงใช้ไทยเป็น
ศูนย์กลางในการจําหน่ายหนังสือเดินทางปลอม”
สถานการณ์แนวโน้มกลุ่มลักลอบเข้าเมือง
พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้บัญชาการสํานักงานตํารวจตรวจคนเข้าเมือง
( ผบช.สตม.) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงประเด็นปัญหานี้ว่า ในปัจจุบันได้แบ่งกลุ่มคนหลบ
หนีเข้าเมืองเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มคนต่างด้าวทั่วไป พวกนี้มี เกาหลีเหนือ ใช้
เส้นทางโดยนั่งเรือจากจีนและล่องมาตามแม่น้ําโขงมาขึ้นที่แม่สาย หรือเชียงแสน
จ.เชียงราย ขณะนี้มีตัวเลขอยู่ประมาณ 500 คน โดยล่าสุดได้พูดคุยกับท่านทูตเกาหลีใต้
แล้วว่าให้รับกลุ่มคนเหล่านี้ไปยังเกาหลีใต้ด้วย โดยจะไม่มีการผลักดันไปประเทศที่สาม
นอกจากนี้มีพวกจีน, บังคลาเทศ, อินเดีย ปากีสถาน, เนปาล และศรีลังกา 2.กลุ่มที่รัฐ
ดูแลเป็นการเฉพาะ เช่นผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ 1-2 แสนคน ชาวม้ง กว่า 6 พันคน บุคคลใน
ความห่วงใยสัญชาติพม่า และอื่นๆ และ3. แรงงานต่างด้าว มี พวกพม่า ลาวและกัมพูชา
Page 2 of 4
ซึ่งมีจํานวนประมาณ 2 ล้านคน และล่าสุดพบว่ามีแรงงานต่างด้าวชาวเวียดนามเริ่มเข้า
มา นอกจากนี้ยังมีผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญา หรือพม่าอิสลามประมาณ 2 หมื่นคน
โดยช่องทางที่คนเหล่านี้ใช้คือ จุดผ่านแดนถาวร 36 จุด , จุดผ่านแดนชั่วคราว,จุดผ่อน
ปรน 47 จุด และช่องทางธรรมชาติ 732 จุด รวมทั้งช่องทางตามกฎหมายศุลกากร
ภัยคุกคามความมั่นคงชาติ
ผบช.สตม.ยอมรับว่า แน่นอนกลุ่มคนต่างด้าวเหล่านี้ย่อมสร้างปัญหาและเป็นภาระ
ให้แก่ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมั่นคงภายใน ปัญหาด้านอาชญากรรมและ
การไม่ปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ปัญหาชุมชนต่างด้าว ปัญหาด้านสาธารณสุข ปัญหาผู้
ติดตามและเด็กไร้สัญชาติ ปัญหาการแย่งอาชีพคนไทย และปัญหางบประมาณและราย
จ่ายของรัฐ โดยแนวโน้มของสถานการณ์ดังกล่าวนับวันจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถดูจาก
ตัวเลขการผลักดันออกนอกประเทศ ปี 2547 รัฐได้ผลักดันออกจํานวน 228,074 คน ปี
2548 ผลักดันจํานวน 232,425 คน และปี 2549 มีการผลักดันออกนอกประเทศจํานน
292,503 คน ทั้งนี้หากสถานการณ์ประเทศไทยยังประสบปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองเพิ่มขึ้น
เช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมเกิดปัญหาภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อความ
มั่นคง และจํานวนคนต่างด้าวที่เพิ่มขึ้นจะมีผลกระทบต่อปัญหาของชาติในระยะยาว
มาตรการป้องกันลักลอบเข้าเมือง
สําหรับมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าวว่า ทุกฝ่าย
ต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยล่าสุด
สตม.ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการโดยมีทุกหน่วยงานทั้งทหาร ตํารวจ หน่วยงานด้าน
ความมั่นคง ภาคประชาชน และสื่อมวลชน เพื่อระดมสมองแก้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองจน
ได้ข้อสรุปคือ
1. สกัดกั้นไม่ให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ลดจํานวนจุดผ่อนปรนในลักษณะประเพณีปฏิบัติ การทําข้อตกลงระหว่างประเทศให้ยึด
ผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ฐานข้อมูลต้องทันสมัยตรวจสอบคนเข้าออกราช
อาณาจักรได้ และการค้าขายตามแนวชายแดนต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน
2.จัดระเบียบคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยอมเอาใต้ดินขึ้นมาบนดิน
หรือการยอมให้พวกเข้าเมืองผิดกฎหมายออกมารายงานตัวโดยไม่ผิดกฎหมาย เพื่อให้
เจ้าหน้าที่จัดระเบียบก่อนที่จะเข้มงวดจับกุมต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายต่อไปเพื่อที่
จะผลักดันออกนอกประเทศ สตม.ต้องมีศูนย์ข้อมูล IT และต้องเชื่อมโยงข้อมูลกับ
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และด่านตม.ทั่วประเทศได้ และการออกกฎหมาย
เอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการที่ตั้งโรงงานตามแนวชายแดน เพื่อไม่ให้กลุ่มแรงงาน
ต่างด้าวทะลักเข้ามาในเมือง
Page 3 of 4
3.เมื่อจัดระเบียบเสร็จต้องเข้มงวดในการกวดขันปรามปรามจับกุม โดยการบังคับ
ใช้กฎหมายอย่างจริงจังและแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษหนักขึ้น
4. สถานที่ควบคุม ควรสร้างความไม่สะดวกให้กับผู้กระทําผิดกฎหมายหลบหนีเข้า
เมือง 5. มาตรการผลักดันส่งกลับไปนอกราชอาณาจักร โดยประสานส่งกลับประเทศ
ต้นทางเพื่อไม่ให้ลักลอบเข้ามาได้อีก 6. เมื่อผลักดันแรงงานผิดกฎหมายออก รัฐบาล
ต้องติดต่อกับรัฐบาลหรือ G to Go เพื่อจัดส่งแรงงานที่ถูกกฎหมายเข้ามาชดเชยต่อไป
ทิศทางการพัฒนาสตม.เพื่อบรรลุเป้าหมาย
พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าวว่า ในระยะสั้นได้จัดโครงการฝึกภาษาเพื่อนบ้านให้ตํารวจส
ตม.เพราะคนต่างด้าวพวกนี้เวลาถูกจับมาแล้วก็พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง และอยู่ระหว่าง
เตรียมลงนามข้อตกลงร่วมระหว่างกรมการปกครอง และกรมการจัดหางานเพื่อเชื่อม
โยงข้อมูลทั้งหมดระหว่างกัน นอกจากนี้จะต้องพัฒนาระบบสารสนเทศ หรือไอที ซึ่ง
ปัจจุบันสตม.ใช้อยู่ทั้งสิ้น 3 ระบบ โดยต้องพัฒนาให้เป็นระบบเดียวกัน โดยให้ส
ตม.เป็นเจ้าภาพจัดการฐานข้อมูลกลาง ส่วนระยะเร่งด่วนได้จัดการระบบออนไลน์เชื่อม
โยงกันได้ทั้ง 58 ด่านทั่วประเทศ
นอกจากนี้ทุกด่านจะสามารถตรวจสอบแบ็คลิสต์ของบุคคลทั้งหมดได้ในเดือน
พฤษภาคมนี้ ขณะที่ในระยะยาว ได้วางระบบตรวจสอบบุคคลและบัญชีต้องห้าม หรือ
ระบบ PIBIC โดยสามารถตรวจสอบบุคคลเชื่อมโยงกับ ป.ป.ส.กระทรวงการต่าง
ประเทศในเรื่องการออกพาสปอร์ต วีซ่า สายการบินที่จะพาผู้โดยสารเข้ามา การผ่าน
เข้าออกบอร์ดเดอร์พาส ทั้ง 58 ด่าน หรือหน่วยงานอื่นที่จะใช้ข้อมูลของสตม.ก็จะเข้ามา
ได้ ถ้า สตม.อนุญาตให้เข้ามา โดย สตม.จะเป็นเจ้าของระบบดังกล่าว โดยขณะนี้สตม.มี
งบประมาณอยู่แล้ว 388 ล้าน โดยได้เขียนโครงการเพื่อของบประมาณเพิ่มเติมจาก
รัฐบาลอีก 574 ล้าน ซี่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 962 ล้าน โดยจะจ้างจุฬาลงกรณ์เป็นที่
ปรึกษาโครงการ และระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 2 ปี หากเขียนโครงการแล้วเสร็จก็จะ
เสนอขอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติต่อไป ทั้งนี้สตม.ไทยต้องมีระบบไอทีที่สมบูรณ์
เพื่อความมั่นคงของชาติ
แก้กฎหมายเพิ่มโทษผู้นําพา
นอกจากนี้ในการพัฒนาระยะยาว สตม.ได้เสนอขอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยคนเข้า
เมือง โดยขอให้เพิ่มโทษผู้กระทําความผิด โดยผู้อยู่ในกระบวนการนําพาให้ที่พักพิง
ซ่อนเร้นโดยให้มีอัตราโทษเทียบเท่ายาเสพติด เช่นเพิ่มจากจําคุกไม่เกิน 10 ปี เป็นจํา
คุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 15 ปี และโทษปรับจาก 1 แสนบาท เป็นปรับตั้งแต่ 8 หมื่นบาทถึง 3
แสนบาท ส่วนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การ
บริหารส่วนตําบล กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน หากเป็นผู้กระทําผิดเอง ต้องได้รับโทษเพิ่มขึ้น 3
เท่า และกรณีที่ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดําเนินคดีได้ แต่มีพยานหลักฐานเพียง
พอที่จะดําเนินการทางวินัยก็อาจให้ไล่ออก