Published using Google Docs
หนุ่มเอ๋อ........ขอรักเธอสุดหัวใจ
Updated automatically every 5 minutes

*****หนุ่มเอ๋อ........ขอรักเธอสุดหัวใจ*****

             by  พี่แจง  (ลูกสองหลานสาม)

***** ตอนที่ 1*****

“นท บอกแล้วใช่ไม๊คะ   ว่าอย่าให้เขารู้จักกัน  โอ้ย!!!!  แล้วที่นี่จะทำยังไงละ  โอ้ยยยยย..จะบ้า”  หญิงสาวเจ้าของบริษัท  star  agency  โวยวายหลังทราบข่าว  ทำให้คนที่มาส่งข่าวถึงกับตัวลีบงอ  และตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

“พี่ขอโทษ”   ชายหนุ่มที่ดูภายนอกก็รู้ว่า  เขาไม่ใช่หนุ่มธรรมดา ที่ ชอบผู้หญิง  จากลัษณะการแต่งตัวและท่าทางการเดิน  ท่าทางที่เหมือนจะร้องไห้ ทำให้หญิงสาวถอนหายใจและเดินเข้ามาพร้อมกับตบหลังเขาเบาๆ  เป็นการปลอบ   ทำให้ชายที่จิตใจเป็นหญิงถึงกับร้องไห้ออกมา

“พี่เอก  ไม่ต้องร้องแล้ว  ฮือออ.....ช่างมันถือซะว่าเราทำบุญคนไม่ขึ้น”  เธอพูดปลอบเขา  พร้อมกับปลอบตัวเองด้วย

เอกหันมาหานท  และกอดเธอพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง  “ฮื้อๆๆๆๆๆๆๆ”

หลังจากนั้นเธอกับเขา ก็นั่งลงที่เก้าอี้  

“แล้ว ที่นี้  เรา ฮึก! จะทำไง ฮึก!  ต่อละ ฮึก  เพราะพี่เอง ฮือๆ”

“เอาน่า   พี่เอก  อย่าโทษตัวเองเลย  ทำงานตรงนี้ มันก็เป็นแบบนี้แหละ  ถ้าคนของเราเขาจะไปไม่ต้องมีใครมาเรียกก็ไปอยู่ดี  เฮ้อออ”  นทพูดแบบปลงๆ

นท  หญิงสาวท่าทางมั่นใจในตัวเอง  กล้าคิด กล้าพูด  หลังจากเรียนจบเธอตัดสินใจ  เปิดบริษัท  จัดหานักแสดง  นายแบบ นางแบบ เพื่อป้อนให้กับวงการบันเทิง  เธอคิดว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย เพราะได้พบเจอกับ บุคคลมากมายหลายแบบ  เธอมีผู้ช่วยคนสนิท  คือพี่เอก  ชายหนุ่มที่มีจิตใจเป็นหญิง  เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเธอ   เธอจำได้ว่าตอนที่ชวนเขาครั้งแรกเขาปฏิเสธแต่พอเธอพูดถึงเรื่องที่จะได้ ใกล้ชิดกับหนุ่มๆ  เขาจึงตอบตกลงในทันที     ด้วยความที่อายุยังน้อยและมีประสบการณ์ไม่มาก  ทำให้เธอไม่ค่อยจะทันเกมส์ในวงการนี้เท่าไหร่  คนที่ปั้นขึ้นมาบางคนพอเริ่มที่จะดังหรือมีงาน  ก็ถูกชวนจาก เอเจนซี่อื่น บางคนก็ทำงานดี หน้าตาดี ไม่มีข่าวเสียหาย  แต่กลับไม่เป็นที่รู้จักก็ทำให้ได้งานน้อยจนอยู่ไม่ได้  ต้องหันไปทำอาชีพอื่นก็หลายคน  และขณะนี้คนสุดท้ายที่เธอมีอยู่  ก็ถูกเอเจนซี่คู่แข่งจับไปเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว

“แล้วเราจะทำยังไงต่อดีละคะน้อง  ฮึก”   เอกยังคงสะอึกสะอื้น เขาพูดพร้อมกับดึงกระดาษทิชชูมาซับน้ำตา  จนนท  ต้องเอื้อมือไปจับมือ เอกเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาดึงอีก  เพราะตอนนี้กระดาษทิชชู  กองเต็มโต๊ะจนเลยลงไปกองอยุ่ที่พื้นแล้ว

“พี่เอกคะ  พอเถอะค่ะ  กระดาษจะหมดกล่องอยู่แล้ว”  นทพูดแซวๆ พร้อมกับยิ้มๆ เพื่อคลายบรรยากาศไม่ให้เครียดจนเกินไป

เอกเงยหน้ามองและยิ้มเขินให้กับนท    พร้อมกับพูด  “นท  พี่ว่า เราน่าจะจับเซ็นสัญญาบ้างก็ดีนะ”

นท ทำท่าคิด  พร้อมกับตอบเอกไปว่า  “ พี่เอก  นท ก็เคยคิดนะ  เฮ้ออ แต่มันก็ไม่ง่ายนะ  ถ้าเราไม่มีงานให้เขา แล้วเราจะเอาเงินที่ไหน ไปจ่ายเขาล่ะ  เซ็นสัญญา มันก็มีทั้งดี และไม่ดีนะ  อีกอย่างบริษัทแบบเราก็มีเยอะ  เราเป็นบริษัทเล็กๆ  จะไปสู้กับบริษัทใหญ่ๆ ก็ลำบากนะ   .....นอกจาก”    ประโยคสุดท้ายเธอทำเหมือนคิดอะไรได้

เอกขยับเข้ามาใกล้ๆ  เหมือนต้องการจะรู้มากและถามนทด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  “นอกจาก  นอกจากอะไรจ๊ะ”

นท ยืนกอดอก  และมองตรงไปด้วยสายตาที่มีแววมุ่งมั่น  พร้อมกับคิดแผนการบางอย่างอยู่ในใจ

เอกมองท่าทางของหญิงสาว  ด้วยความสงสัย   นท หันกลับมามองที่เขา  พร้อมกับเดินมานั่งลงที่ข้างๆเอก  พร้อมกับเล่าแผนการที่เธอคิดจะทำ

หลังจากฟังแผนการที่ นท เล่า เอกก็ร้องอุทานออกมาด้วยท่าทางสาวสุดๆ

“ต๊ายยย  จะทำแบบนั้นจริงๆ เหรอคะน้อง”

“ค่ะ”  เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นและเอาจริง

“เอ่อ คือ พี่ขอถามหน่อยนะคะ.........แล้วจะมีคนให้เราทำแบบนี้กับเขาเหรอคะ”   เอกถามนทแบบเกรงๆด้วยความสงสัย  

นท จากท่าทางที่มุ่งมั่น  พอเจอคำถามของเอกเข้าไปทำให้เธอถึงกับห่อเหี่ยวลงมาทันทีพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เปลี่ยนไป  “เฮ้อ  นั่นสิ ใครเขาจะยอม”

“ก๊อกๆ”  เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“เอ่อ  พี่นทคะ”   เจ้าของเสียงเคาะประตูเธอโผล่หน้าเข้ามาแบบกล้าๆกลัวๆ

“ว่าไง  ซิลวี่”   นท ถามออกไป

“คือว่า....คือ”

“เอ้า!นังหนู  คือว่าคืออยู่นั่นแหละ   โผล่มาทำไมย่ะแค่หน้า เข้ามาทั้งตัวเลยจ๊ะ   อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่นแหละเข้ามา!”   เอกพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้  ตามแบบฉบับชายผู้มีจิตใจเป็นหญิง

ซิลวี่เดินเข้ามาภายในห้อง   พร้อมกับยื่นซองให้กับนท ซิลวี่เป็นเด็กนักศึกษาฝึกงาน  ที่มีความฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้เป็นนางแบบ จึงเข้ามาฝึกงานกับบริษัทของนท เพราะว่า ไปขอทำที่อื่นเขาก็เต็มหมดแล้ว  แต่ที่นี่รับเธอเพราะว่าทั้งบริษัทมีเพียงสองคนคือนท กับพี่เอกเธอจึงได้มาฝึกงานที่นี่ และที่สำคัญเธอได้ทำงานเพราะเธอบอกไมว่าไม่ต้องการค่าแรง  พี่เอกจึงรับเธอไว้  

นทรับซองมาแบบงงๆ  และถามกลับไปว่า “อะไร”

“เอ่อ  เจ้าของตึกเขาเอามาให้ค่ะ”

นท ดึงกระดาษสีขาวที่อยู่ในซองออกมา  เธอคลี่ออกอ่าน  หลังจากอ่านข้อความใน จม. เสร็จ  เธอก็เอามือขึ้นมากุมศีรษะด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

เอกหยิบ จม. ขึ้นมาอ่าน  ต่อจาก นท แล้วก็ต้องอุทานออกมาอีกครั้งหนึ่ง

“อะไรกัน  อะไรกันเนี่ย!!  ต๊ายอะไรกันนักกันหนา   ค้างค่าเช่าแค่ สามเดือน ถึงกับจะยึดตึกคืนกันเลยเหรอจ๊ะ  โอ้ย!  ฉัน  ฉันจะบ้า  ทำไมคนสมัยนี้มันถึงได้หน้าเลือดกันอย่างนี้”  เอกบ่นๆ  พร้อมกับหันไปมองนท  ซึ่งขณะนี้ เธอเอาแต่ปิดหน้าตัวเอง   เอกเห็นสภาพของ นท ก็ได้แต่ถอนใจ  

นทเงยหน้าพร้อมกับพูด“อย่าไปว่าเขาเลยค่ะ  ก็เราไม่จ่ายเขา  เขาก็ต้องทำแบบนี้แหละค่ะ”  เธอพูดเสียงเอื่อยๆ  และหันไปถาม ซิลวี่ ที่ยืนรออยู่  “แล้วเขาบอกว่าอะไรอีกรึเปล่า ซิลวี่”

“เขาบอกว่า ถ้าไม่จ่าย สิ้นเดือนนี้ก็ให้ย้ายออกค่ะ”  ซิลวี่ตอบแบบเห็นใจ

ทั้งสามคนนิ่งกันไปเหมือนกำลังใช้ความคิดกับตัวเอง  เอกเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นนทนิ่งไป

“เอางี้ไม๊นท  เอาเงินพี่ไปจ่ายก่อน”

“ไม่ได้ค่ะ”  นทตอบทันที  ถึงแม้ว่าเอกจะมีเงินให้เธอก่อน  แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะรับมันเอาไว้ได้  ไม่ใช่ว่าเธอหยิ่ง  แต่เพราะเธอเกรงใจเพื่อนรุ่นพี่ที่เธอไปชวนเขาให้มาทำงานกับเธอ  

“ทำไมละนท  พี่มีเงินนะ  ถึงแม้ว่ามันจะไม่มากแต่”

“ไม่ได้จริงๆค่ะ  นททำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ  ขอบคุณพี่เอกมากๆนะคะ”   นทพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือเอกไว้  เหมือนเป็นการขอบคุณในน้ำใจของเพื่อนรุ่นพี่  

“แล้วเราจะทำไงต่อดีละ”  เอกพูดพร้อมกับมอง นท ที่เขาก็รักเธอเปรียบเสมือนน้องสาวของเขาจริงๆ

“วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว นะ”   เธอถามลอยๆ

“วันที่ 15 แล้วค่ะ”   ซิลวี่ตอบ

นททำท่าฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้งแล้วเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นจริงจัง “เรายังมีเวลาอีกตั้ง ครึ่งเดือน  สู้ๆค่ะ”   ประโยคสุดท้ายเหมือนเธอจะพูดกับตัวเอง  ทำให้ เอกกับซิลวี่ถึงกับหันมามองหน้ากันแบบเหวอๆ  นทเห็นสองคนเงียบไป  เธอก็หันมามองพร้อมกับพยักหน้าและทำท่าทางเพื่อเป็นการกระตุ้น   เอก ซิลวี่มองหน้านท  

เอกทำตามที่นท บิวท์  “สู้ๆ”  

“พี่เอก  เข้มแข็งหน่อยค่ะ”  นทบอกเอกหลังจากเห็นท่าทางกระตุ้งกระติ้งและเสียงที่ไม่มีพลัง   พร้อมกับหันมาบอกซิลวี่ให้ทำตามเธอ   และนท ก็ทำท่าเข้มแข็งและพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด   เอกกับซิลวี่ หันมาสบตากัน  และหันไปหานท  พร้อมกับทำท่าทางและพูดพร้อมๆ กัน

“สู้ก็สู้  สู้โว้ยย!!!”   แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน  “ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ

หลังจากนั้นพวกเขา สามคนก็พากันเดินทางกลับบ้านพัก  ซึ่งเป็นบ้านของเอก  พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันเพราะ บ้านนทอยู่ทางเหนือ  ส่วนซิลวี่ก็มาจากใต้

….........................................................................

หลังจากนั้น  1  อาทิตย์ผ่านไป

ภายในออฟฟิต   star  agency   สองสาวจริง กับหนึ่งสาวเทียม   กำลังนั่งมองหน้ากันไปมา  เหมือนกับว่าไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้  หลังจากบริษัท ของนท  ได้รับการติดต่อ จากบริษัทผลิตโฆษณา

“แล้วเราจะส่งใครไปล่ะ นท ตอนนี้เราก็ไม่มีใครเลยนะ”  เอกพูดขึ้นมา

“เฮ้อ  นั่นสิพี่เอก......เออ! ซิลวี่แล้วที่ พี่ให้ติดต่อเด็กเก่าๆ ละติดต่อได้มั้งไม๊”   ประโยคสุดท้ายหันไปถามซิลวี่ ด้วยความหวัง

ซิลวี่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ไม่ได้สักคนเลยเหรอนังหนู”   เอกถามแบบคาดคั้น

“ไม่ได้เลยค่ะ  บางคนเขาก็มีงานแล้ว  บางคนก็ติดต่อไม่ได้”  เธอตอบเสียงหมดหวัง

“เพี้ยง!  คุณพระคุณเจ้า เจ้าขาส่งใครมาให้ลูกที่เถอะนะเจ้าค่ะ  แล้วลูกจะเป็นแมนเต็มตัวให้สักเดือน  เพี้ยง!”   เอกทำท่ายกมือไหว้ท่วมหัว

“ฮ่าๆ  บนแบบนี้เกิดได้จริงขึ้นมาจะหนาวนะคะพี่เอก หึหึ”  ซิลวี่แซวๆ

“อ้าย! พี่ก็บนไปงั้นเองแหละจ๊ะนังหนู  แก้เซ็ง หึหึ”  มุกของเอกทำให้บรรยากาศภายในห้องมีเสียงหัวเราะขึ้นมาบ้าง

“งั้นหนูมั้ง   เพี้ยง! คุณพระคุณเจ้าเจ้าขา  ถ้ามีใครมาช่วยพวกเราให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้นะ  อืม.....ขอให้หนูได้แฟนตัวเล็กๆกะทัดรัด  ฮ่าฮ่า”    ซิลวี่บนบ้าง   หลังจากซิลวี่บนเสร็จ  เอกก็หันมาทางนท  พร้อมกับคะยันคะยอให้นททำบ้าง ขำขำ

“เพี้ยง  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเจ้าขา  ลูกขอวอนให้ท่านส่งใครมาก็ได้  ขอให้เขามาช่วยลูกให้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปให้ได้   แล้วลูกจะ(เธอทำท่าคิดๆ)  รักเขาให้หมดใจไปเลย ฮ่าฮ่า”    

แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องสนุกๆไร้สาระ

“ฮ่าฮ่า  ขำอ่ะ  ถ้ามีใครมาจริงๆ คงตลกดีเนอะ ฮ่าๆ”  นทพูดขำๆ

“นั่นสิพี่นท ฮ่าๆ”  

แล้วพวกเธอก็คุยกันถึงเรื่องแก้บนของแต่ละคนเหมือนกับเป็นเรื่องตลก

ขณะนั้นเอง

“เอ่อ  สวัสดีครับ”

สามคนหันไปมองตามเสียงพร้อมๆกัน ก็พบว่าต้นเสียงนั่นยืนอยู่ที่ประตูออฟฟิตด้านในแล้ว  นท เอก ซิลวี่มองเขาด้วยความแปลกใจปนสงสัย

“คือ ผมเรียกอยู่นานแล้วครับ  ขอโทษครับที่ถือวิสาสะเข้ามา”   ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นทางการมาก  เขารูปร่างสูงโปร่งผิวขาว  สวมแว่นตาหนาเตอะรูปทรงโบราณ  แต่งตัวคล้ายๆ คุณลุง(เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคล่งๆสวมทับด้วยกางเกงสเล็กสีดำขาพองๆ)  ไว้ผมหวีเป๋เรียบเปล่

...............................................................................................................

“เอ่อ  มาหาใครครับ”    เอกส่งเสียงถามแขกผู้มาเยือนเป็นคนแรก

“พี่เอก ใช่ไม๊ครับ”  แขกถามกลับด้วยท่าทางและน้ำเสียงไม่มั่นใจ

“อ๋อ ใช่ครับ”  เอกตอบไปแบบงงๆ  และทำหน้าสงสัย

“ผม  เนส ไงครับ  พี่เอกจำผมไม่ได้เหรอครับ”

“เนส  เนส” เอกพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ ชายหนุ่ม  เขาเดินวนรอบๆตัวเนสเหมือนกับมองสำรวจสิ่งของ พร้อมๆกับใช้ความคิด  และพยายามทบทวน   ส่วนเนส ที่ถูกสำรวจก็ยืนตัวลีบเหมือนกับกลัวๆ และในที่สุด เอก ก็อุทานเสียงสูงออกมาทำให้คนที่เหลือถึงกับตกใจ

“ต้ายยยย!  นี่เนสเหรอ..... เนส ลูกน้าพล ใช่ไม๊”  เอกทำท่าดีด๊า

เนส พยักหน้า น้อยๆด้วยท่าทางไม่มั่นใจ  “ครับ”

“โอ้ยยย   จะจำได้ไงละ  ต๊ายยย ไม่เจอกันตั้ง5-6ปี”  

เอกพูดพร้อมกับนึกถึงภาพในอดีต   เนส เป็นลูกของน้องชายแม่เขา  เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาได้ข่าวว่า หลังจากเรียนจบ ม6 ก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศเพื่อไปอยู่กับน้าชายอีกคนที่เป็นพระ  เอกยังจำได้ว่า ตอนนั้นเนสดูผอมแห้งกว่านี้ ดูเป็นเด็กเรียนแหยๆ ตัวเล็กๆแต่งตัวเชยๆแต่วันนี้เขาเปลี่ยนไป  คือตัวสูงขึ้น ดูผู้ใหญ่ขึ้น  แต่ที่เหมือนเดิมคือความเชย และลักษณะแหยๆ ของเขา    

“แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เอ่อ  พึ่งมาถึงครับ”

“เออ!  แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ที่นี่”

“ก็จากเมลที่พี่ส่งไปให้ หลวงน้าน่ะครับ”

เอกทำท่าคิด “เอ่อ ใช่ๆ พี่ลืมไปเลย  ตายแล้วขอโทษ  ”

สองเดือนก่อน  

เอกได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากน้าชายที่อยู่ต่างประเทศ  

“ได้ครับ  อ๋อ ทำงาน ได้ครับ ครับๆ แล้วผมจะส่งที่อยู่ไปให้นะครับ  ไม่ต้องห่วงครับ  ครับๆ หลวงน้า  ให้มาเลยครับ  ที่พัก  อ๋อก็อยู่ที่บ้านเอกได้ครับ ไม่ต้องห่วงครับหลวงน้า     ครับ  สวัสดีครับ”

“แล้วทำไม  ไม่โทรมาบอกพี่ล่ะ  พี่จะได้ไปรับ   แล้วไหนกระเป๋าล่ะ” เอกถามพร้อมกับชะโงกมอง

“มีใบเดียวครับ”  เนสยกกระเป๋าใบเล็กๆ โชว์ให้เอกดู

สองสาวที่นั่งอยู่ด้วยในห้องต่างนั่งฟังการสนทนา ของทั้งสองอย่างเงียบๆ  แล้วขณะนั้นเองเอกก็ทำท่านึกขึ้นมาได้   เขาหันมาทาง นท และซิลวี่ พร้อมกับแนะนำเนสให้ สองคนรู้จัก

“นี่ เนส เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เอง พึ่งมาจากเยอรมัน”

“เนส  นี่ นท นั่นซิลวี่ เป็น...............”

นท กับ ซิลวี่ยิ้มให้เนสแบบ เป็นมิตร  เนส ยิ้มตอบแบบเขินๆ

ซิลวี่มองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับคิดอยู่ในใจ  มาจากเมืองนอก หรือบ้านนอกว่ะ  นท เองก็มองเขาด้วยรอยยิ้มที่แปลกๆ เหมือนกับคุ้นๆ แต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นหรือเจอเขาที่ไหนมาก่อน   เมื่อทักทายและพูดคุยกันได้สักพัก  เอกก็ชวนทุกคนกลับบ้าน เพราะหมดเวลาทำงานพอดี

…...............................................................................................................

บ้านที่เอกกับสาวๆอาศัยอยู่  เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ขนาดสามห้องนอน  อยู่บนเนื้อที่ ประมาณ 100 ตรว เป็นบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านออกมาแถบชานเมืองหน่อยๆ  หน้าบ้านมีโต๊ะสำหรับรับแขกแนว ฮิป ๆ  ภายในบ้านตบแต่งสไตล์โมเดริน์  ด้านนอกรอบๆมีสวนและสนามหญ้า  สวนจัดแบบเก๋ ๆ มีที่นั่งสำหรับทานอาหารนอกบ้าน  บ้านหลังนี้ เป็นบ้านมรดกที่เอกได้รับแบ่งจาก พ่อแม่  

เมื่อมาถึงบ้าน  เอกก็จัดแจง ห้องให้เนส ซึ่งตกลงกันมาในรถ  ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะให้เนส นอนห้องเดียวกับเขา แต่ เนส ปฏิเสธ  และขอนอน อยู่ที่ห้องรับแขกหรืออะไรก็ได้ นท จึงออกความเห็นว่า เดี๋ยว เธอกับซิลวี่จะไปนอนห้องเดียวกัน แล้วให้เนสใช้อีกห้อง  เนสก็ยังปฏิเสธ เพราะความเกรงใจแต่ทุกคนลงมติกันแล้วให้เป็นแบบนี้เขาจึงต้องยอม  ด้วยความกริ่งเกรง

ภายในห้องนอน ของซิลวี่ ที่นท หอบสัมภาระบางส่วนมาด้วย

“พี่ นทๆ”  ซิลวี่ทำเสียงกระซิบกระซาบเหมือนกำลังจะนินทาใคร

นทที่กำลังจัดที่นอนอยู่ก็หันมามองซิลวี่

“พี่นทว่าพี่เนสเขามาจากเมืองนอกจริงๆ เหรอ”

“หึหึ ทำไมล่ะ สงสัยอะไร”

“ก็  ทำไมเขาเช้ยเชย ขนาดนั้นละ”

“เอ้า ก็ที่พี่เอกบอกไง๊  เขาไปอยู่วัดนะ แล้วเขาก็เป็นเด็กเรียนมากๆ ด้วย”

“แหม...  แต่เป็นเด็กเรียนก็ไม่เห็นต้องเชยขนาดนี้เลยนิ ดูพี่เขาแต่งตัวสิ เห็นทีแรกนึกว่าพวกมัคทายก”

นทขำๆ กับคำพูดเปรียบเทียบของซิลวี่  พร้อมกับตีแขนซิลวี่เบาๆ  “บ้า พูดเข้า”

“ก็จริงนิพี่นท หึหึ”

….......................................................................................................

ขณะเดียวกัน

“เป็นไง นอนได้ไม๊เนส”  เอกเปิดประตูห้องนท ที่ขณะนี้เป็นห้องนอนของเนสไปแล้ว

“อ๋อ ได้ครับ ขอบคุณครับพี่เอก”  เขาตอบเอกด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและท่าทางที่เรียบร้อย

“ไม่เป็นไรจ๊ะ  ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก  แล้วนี่ทำอะไรอยู่ล่ะ”  เอกเดินมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง  

“กำลังจะสวดมนต์ครับพี่”

“อุ้ยตายเหรอจ๊ะ  งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วนะ”  

“ไม่เป็นไรครับพี่เอก  ไม่รบกวนหรอกครับ  เออ  แล้วพี่มีอะไรรึเปล่าครับ”

“อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ จะเข้ามาคุยด้วยน่ะ”

เอกถามถึงเรื่องต่างๆว่าเนสทำอะไรอยู่ตอนนี้ ซึ่งก็ได้ใจความว่า เขาเรียนจบด้าน นิติ  และเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับ บริษัท ต่างๆ และให้คำปรึกษากับ ผู้คนทั่วๆไป ผ่านเว็บไซต์  ที่เข้ามาขอคำปรึกษา  โดยเขาให้คำปรึกษาฟรี  และตอนนี้เขาก็อยากจะกลับมาเพื่อมาทำโท  เอกจึงถามว่าทำไมไม่ทำที่นู้นเลย  เขาก็ตอบว่าคิดถึงเมืองไทย   แล้วเอกก็ยังถามต่ออีกว่า  แล้วไปทำอะไรมาตัวโตขึ้นเยอะเลย(สนใจมากกว่าอย่างอื่น)  เนสก็บอกว่า คงเป็นเพราะเล่นกีฬา  สองคนคุยกันไปสักพัก  เนสก็บอกเอกว่า

“เกรงใจ คุณนท กับซิลวี่ จังครับ  พรุ่งนี้ผมคงจะไปหาที่พักเองจะสะดวกกว่า”  เขาพูดแบบเกรงใจจริงๆ

“โอ้ยยย ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะ  ปรกติซิลวี่เขาอยู่หอพัก  มีบางวันเท่านั้นแหละถ้าเป็นวันหยุด หรือถ้ากลับดึกเขาถึงจะมาค้าง  น้องเขายังเรียนอยู่น่ะ”

“เอ่อ  แต่”

“ไม่ต้องแต่  เนส เป็นน้องพี่นะ  คิดมาก นอนเถอะพี่ไปแล้ว”   เอกพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที

เนสมองตามหลังพี่ชายที่ถึงแม้จะเป็นชายแต่ภายนอกเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกไม่ดีเลย  เนสถึงแม้จะเชยและดูโบราณเพราะการแต่งตัว  แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนหัวโบราณหรือมีความคิดที่เชยเลย  เพียงแต่เขาอยู่กับวัดมาตั้งแต่เด็กๆ และมีน้าชายที่เป็นพระอบรมสั่งสอนให้มองคนจากภายใน  ไม่ใช่ภายนอก  บุคลิกของเขาอาจดูเป็นคนซื่อๆ ไม่ทันคนแต่ความจริงแล้ว  เขาทันคนเพียงแต่บางครั้งเขาก็ยอมที่จะถูกเอาเปรียบด้วยความเต็มใจ  ส่วนเรื่องซื่อ  ใช่เขาเป็นคนซื่อ แต่ไม่ใช่ซื่อบื้อ  ความซื่อของเขาคือเป็นคนซื่อตรง  ไม่เอาเปรียบใคร  ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับงานที่เขาทำเท่าไหร่ เขาจึงรับปรึกษาและว่าความให้กับลูกความที่โดนเอาเปรียบจริงๆเท่านั้น  เขาไม่เคยช่วยคนที่ผิดแต่ต้องการจะถูก

…...........................................................................................................

เช้าวันใหม่

“โอ้ย!!!”   เสียงดังออกมาจากทางห้องของเนส  กับห้องซิลวี่

“ขอโทษ  เป็นอะไรรึเปล่า”   นทพูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก  พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำ  ซึ่งเป็นห้องน้ำที่มีประตูทางเข้าสองทาง  มันเป็นห้องน้ำที่เชื่อมห้องนอน นท กับ ซิลวี่

“เป็นอะไรกัน!”   เอก กับซิลวี่ วิ่งเข้ามาพร้อมกัน  พร้อมกับตะโกนถามด้วยความตกใจ  และภาพที่ปรากฏตรงหน้า  ก็ทำให้ คน ที่เข้ามาใหม่ ทั้งสองคนถึงกับตื่นตะลึง  ภาพชายหนุ่มคนเดียวในบ้าน  สวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ยืนเอามือกุมอยู่ที่ศรีษะตัวเอง  โดยที่นท ใส่ชุดนอนยืนอยู่ข้างหน้าเขา  เอกมองสำรวจ หุ่นเนส ด้วยแววตาตื่นเต้นปนหื่นหน่อยๆ(เอ่อ...น้องชาย น้องชาย ท่องไว้)  และคิดในใจว่า โอว...  ขาวมากๆ ไหล่กว้าง  หน้าท้องมีกล้ามหน่อยๆ ใบหน้าเขาที่ตอนนี้ไม่ได้สวมแว่นตาหนาๆ  กับผมเปียกน้ำถูกเสยขึ้นไป ทำให้เห็นใบหน้านั้นชัดเจน  คิ้วเข้มจมูกโด่งรับกับใบหน้า  ริมฝีปากบาง  และตาเขาที่หยีอยู่ขณะนี้เหมือนกับว่ากำลังพยามยามเพ่งมอง   อาการนี้ไม่ได้เกิดกับเอกคนเดียว  แต่มันเกิดกับซิลวี่ด้วย   ซิลวี่มองชายหนุ่มตรงหน้าแบบเพ้อๆ โอว... พี่กำลังถ่ายแบบกันอยู่รึเปล่า  เสียงของชายหนุ่มทำให้เอก กับซิลวี่ต้องตื่นจากอาการเหมือนคนเพ้อ กลับมาสู่โลกปัจจุบัน

“เอ่อ  แว่นครับแว่นตาผม”   เขาพูดพร้อมกับ ก้มตัวลงไปที่พื้น  และควานหา  ไปรอบๆ

 

นทก้มไปหยิบแว่นตาให้กับเขา  “นี่ ค่ะ  อยู่นี่”  เธอส่งแว่นให้กับชายหนุ่มจนถึงมือเขาเลย  เนส รับแว่นและสวมทันทีพร้อมกับขอบคุณนท

“เป็นอะไรมากรึเปล่าเนส”   เอกพูดพร้อมกับเดินเข้ามาดู  

“เจ็บแน่ๆเลย  นทขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไรครับ  ไม่เป็นไร”  เนสตอบแบบสุภาพ  แล้วสามคนก็เดินออกไปจากห้องน้ำ  เพื่อให้เนสได้ทำธุระส่วนตัว

…..........................................................................................................

จากนั้น  เอก นท ซิลวี่  ก็เดินลงมาจากด้านบน  พวกเขาเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารภายในห้องครัว  และทำเหมือนกับว่ากำลังจะเปิดประชุม  เขาทั้งสามคนนั่งด้วยลักษณะสุมหัวกันอยู่

“นท  เมื่อกี้เห็นใช่ไม๊” เอกทำเสียงกระซิบกระซาบ

นท ทำท่าสงสัย  เพราะเธอมัวแต่ตกใจที่เปิดประตูไปชนเนส  จึงทำให้เธอไม่ทันสังเกต

“อะไรพี่นท  ไม่เห็นเหรอ”  ซิลวี่ทำเสียงแปลกใจ

นทส่ายหน้า “เห็นอะไร”

“ตายตายช้านตาย  ไม่เห็นจริงเหรอจ๊ะนท”  เอกพูดพร้อมกับทำท่าทางอ่อนเพลีย   นทขมวดคิ้ว

“ก็พี่เนสไง พี่นทไม่สังเกตเหรอ  หุ่นงี้  หน้าตางี้.............โอ้ยจะบ้า”   ซิลวี่พูดเหมือนคนเพ้อ  นทมองซิลวี่งงๆ

“หึหึ  ขนาดนั้นเลย  พี่ไม่ทันสังเกตอ่ะ  เห็นใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวก็ไม่กล้ามองต่อแล้ว หึหึ”

“นท!   เอางี้ เราส่ง รูปเนสให้กับบริษัทโฆษณาไปก่อน  ดีไม๊จ๊ะ”

“ใช่ๆ”  ซิลวี่สนับสนุน

นททำท่าคิดตาม  “แต่เขาจะยอมให้เราส่งเหรอพี่”  นทพูดด้วยความกังวล

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง  เดี๋ยวพี่จัดการเอง.....เราส่งไปบ้างดีกว่าไม่มีเลยนะ  ถ้าเราไม่ส่งไปเลยคราวหน้าเขาอาจจะไม่ติดต่อมาอีกนะนท”

“อือ  ลองดูก็ได้ค่ะ”  นทคิดอยู่ในใจว่า  ก็ยังดีอีกอย่างเธอคิดว่า เนส คงไม่ถูกเลือกหรอก

ขณะที่สาวๆ ยังนั่งประชุมกันอยู่   ชายหนุ่มที่ถูกพูดถึงก็เดินลงมาจากด้านบน  

“อ้าว  เนสมามา  ทานอาหารเช้ากัน   กาแฟไม๊”  เอกลุกขึ้นเพื่อจะบริการเนส

“ขอบคุณครับพี่เอก   ผมจัดการเองครับ”  เนสตอบแบบเกรงใจ

“ไม่เป็นไรจ๊ะ  มามานั่งลง” เอกดันตัวเนสให้นั่งลงข้างๆนท  

ชายหนุ่มนั่งลงด้วยท่าทางเหนียมๆ  นท หันมามองเขายิ้มๆ พร้อมกับถามเขา

“หายเจ็บรึยัง”  

“อ๋อ  ครับดีขึ้นแล้วครับ”  เขาตอบนท พร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบๆที่หน้าผาก

…...........................................................................................................

หลังจากอาหารเช้าผ่านไป   เอกก็ชวนเนสไปที่ออฟฟิตด้วยกัน    

ภายในออฟฟิต  ที่ขณะนี้ทุกคนกำลังทำงานของแต่ละคนกันอยู่  โดยมีเนสนั่งอยู่ ที่เก้าอี้รับแขก  

เอกเดินมาหาเนสเขานั่งลงติดกับเนสและส่งสายตายิ้มๆ  จนเนส ต้องเอียงตัวออกแบบหวาดๆ

“เนสจ๊ะ”  พูดด้วยน้ำออดอ้อน

“อะเอ่ออะอะไรครับ”

“คือ พี่วาน....อะไรหน่อยสิ”

“อะอะไรครับ”

“คืองี้จ๊ะ...............”

หลังจากที่เอกพูดจบ  เนสก็ทำท่าตกใจ พร้อมกับตอบเอกไปแบบไม่มั่นใจ

“เอ่อ  ผม ไม่ถนัดจริงๆครับ  คือผม  อืมมม....”

“แค่ถ่ายรูปไม่กี่ใบเองนะ นะ  พอดีพี่ต้องเอาชุดไปเสนองานลูกค้านะจ๊ะ  แล้วนายแบบที่พี่  ติดต่อไว้เขาไม่ว่าง  แล้วแบบว่ามันด่วนมากจริงๆ”   เอกพูดหว่านล้อมจนเนส  ตอบตกลงแบบ งง   และขณะที่ เอกกำลังคุยอยู่กับเนส  ก็มีสายตา อีกสองคู่ ที่แอบชำเลืองมองพร้อมกับนั่งลุ้นๆอยู่   พอเนส ตอบตกลง  ซิลวี่กับนท ก็หันมามองหน้ากันด้วยความโล่งอก    

จากนั้นก็ถึงปฏิบัติการถอดรูปเงาะ   เอกพาเนสเข้าไปในห้องซึ่งอยู่ด้านในสุดของออฟฟิต   ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเก็บภาพ  ของคนที่มาสมัครอยู่ในสังกัดของบริษัท    นท กับซิลวี่ นั่งรออยู่ด้านนอก ด้วยอาการลุ้นๆ  เวลาผ่านไปสักพัก  เสียงเอก ก็ตะโกนออกมา

“นท ๆ  เข้ามาช่วยพี่หน่อยจ๊ะ”

“ค่ะ พี่เอก”   นทขานพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาเอกภายในห้องแต่งตัว

นทวิ่งเข้ามาเธอถึงกับอึ้ง  ไม่ใช่ว่า นทไม่เคยเห็นผู้ชายหน้าตาดี หุ่นดีมาก่อน  แต่ที่เธออึ้งไปเพราะเธอไม่คิดว่า ชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเธอขณะนี้ เขาจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้  ทรงผมที่เปลี่ยนไปจากเรียบเปล่  มาเป็นทรงสมัยใหม่ การแต่งตัวจากใส่เสื้อผ้าสไตล์คุณลุง  ก็ถูกพี่เอกจับมาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตเข้ารูปลายสก๊อตสีน้ำเงินขาวสวมทับด้วยสูทพอดีตัวสีเทาเข้มกับกางแกงยีนส์ทรงกระบอกขาเล็กสีดำ  และรองเท้าหนังสีดำ

“นท  นทจ๋า”  เอกเรียก

“เออ ค่ะพี่เอก”  นทตอบแบบตะกุกตะกัก

“เดี๋ยว นท พาเนสออกไปก่อนนะจ๊ะ  เออ! แล้วก็ดูอีกทีสิว่าเรียบร้อยรึยัง”  เอกพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป

“อ้าว! พี่เอกจะไปไหนค่ะ”

“พี่จะออกไปดูว่า  ตากล้องมันมารึยัง  ”

นทพยักหน้าเป็นการรับรู้   หลังจากเอกออกไปแล้ว  นท ก็ตรวจดูความเรียบร้อยให้กับเนส  เธอจับเสื้อให้เข้าที่  พร้อมกับปัดๆ  ให้เรียบร้อย โดยไม่ทันสังเกตอาการของคนถูกดูแล  ชายหนุ่มซึ่งขณะนี้ ยืนตัวเกร็งแข็งทื่อ  ด้วยความประหม่า  ก็จะให้เขาไม่ประหม่าได้ยังไง  ก็หญิงสาวคนนี้ เป็นคนเดียวกับที่เขาแอบชอบเธอตั้งแต่  เขาพึ่งจะเรียนอยู่  ม.5  เขาจำได้ว่า  เธอจะมาคลุกคลีอยู่กับพี่เอกบ่อยๆ  ซึ่งขณะนั้นเองเขาก็มาหาพี่เอกบ่อยจนได้เจอกับเธอ  แต่เธอคงไม่รู้ว่าเขาแอบชอบเธออยู่  ก็เพราะเขาเป็นแบบนี้  เวลาที่เจอเธอเขาก็ได้แต่ยิ้ม และหลบไปทุกครั้งที่เห็นเธอ   แล้วตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะได้กลับมาเจอเธออีก  และครั้งนี้ไม่ได้เจอแบบธรรมดา  แต่ได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับเธอเลย

“ok  เรียบร้อยแล้วค่ะ   พี่เนส”   เธอพูดพร้อมกับเงยหน้ามองเขา

ชายหนุ่มก้มมามองเธอ  แต่เพราะเวลานี้เขาไม่ได้สวมแว่นจึงมองเห็นหน้าเธอไม่ชัด   เขาหยีตาเหมือนกับเพ่งมอง    จนเธอต้องหัวเราะออกมา  พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแว่นตาที่วางอยู่ใกล้ๆ  มาสวมให้เขา  

“หึหึ  พี่เนส  มานทใส่ให้”  

นทไม่พูดอย่างเดียวเธอยกมือที่ถือแว่นของเขาขึ้นมา  พร้อมกับสวมให้กับชายหนุ่มทันที โดยเขาไม่ทันที่จะปฏิเสธ  ด้วยความตกใจ จังหวะเดียวกันเขาก็ยกมือตัวเองขึ้นมาเพื่อจะรับแว่นจากเธอมาสวมเอง  แต่มือของเขาดันไปจับโดนมือของเธอทำให้เขาถึงกับรีบดึงมือออกทันที  ด้วยความตกใจ ปนประหม่า  เมื่อเธอสวมให้เขาเสร็จ  ชายหนุ่มก็กลับมามองชัดอีกครั้งหนึ่ง  และเมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้า  ก็ทำให้เขาถึงกับสะดุ้งและผงะถอยหลังโดยอัตโนมัติ  ก็เธอเล่นยื่นหน้ามาจนเกือบจะชิด   พร้อมกับยิ้มหวานให้เขา

“ฮ่าๆ  เป็นไรพี่เนส  เห็นหน้านท ชัด ๆ ถึงกับสะดุ้งเลยเหรอ ฮ่าฮ่า”

“อะอ๋อ! ปะเปล่าครับ หึหึ    ขอบคุณนะครับ  เอ่อ......คุณนท”   ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเกาต้นคอตัวเองแบบเขินๆ  

“ไม่ต้องเรียก คุณ  หรอกค่ะ........เรียก นทเฉยๆ  ก็พอ”  

 

ด้านนอกซึ่งขณะนี้  เอก บ่น กับซิลวี่  อยู่

“โอ้ยยยย.....ฉันละเหนื่อยจริงๆ  นัดกันไว้กี่โมงยะหล่อน”   เอกพูดปนโมโห  

“เดี๋ยวก็ถึงพี่..........นั่นไงๆ  มาแล้ว”   ซิลวี่พูดพร้อมกับเดินไปเปิดประตู  ให้กับคนที่ เอก บ่นถึง

เอกส่งสายตาจิกๆ  ไปที่คนที่เขามา พร้อมกับบ่น

“จูเนียร์ จ๋า  นัด  9 โมง  มาเกือบจะเที่ยงเลยนะจ๊ะ”   เอกพูดหมั่นไส้ๆ

“โห  พี่เอก  พี่โทรหาผม 8โมงกว่า  แล้วให้มา 9  โมงเนี่ยนะ  นี่ผมก็รีบสุดๆ แล้วนะพี่”   จูเนียร์บ่นๆ   จูเนียร์ตากล้องสมัครเล่น เขาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวผู้มีอันจะกิน  เขาเป็นรุ่นพี่ของ นท ที่เรียนจบมาจากสถาบันเดียวกัน  ชายหนุ่มมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นมือกล้อง อันดับหนึ่งของประเทศ  แต่ด้วยความที่พ่อแม่ของเขา ต้องการที่จะให้เขาดูแลกิจการต่อ  เขาจึงทำได้แค่ ถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก   และเพราะเหตุนี้เอง  เขาจึงมาเป็นตากล้องให้กับบริษัทของนท   โดยมาถ่ายให้ฟรีๆ โดยไม่มีค่าตัว

“เอ้า!  จริงเหรอจ๊ะ  จูเนียร์  ต๊ายยยพี่ขอโทษจ๊ะ   มามาโอ๋โอ๋”   เอกไม่พูดเปล่า  เขายังเดินเข้ามาใกล้และทำท่าจะโอบกอดจูเนียร์  

“เอ่อๆ  ไม่ต้องๆ พี่ แหะแหะ”  จูเนียร์พูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาทำท่า ปางห้ามญาติ   และเดินเข้ามาหลบที่หลังของซิลวี่  

“แหมม....  ทำเป็นหลบนะจ๊ะ  คอยดูเถอะอย่าเผลอนะ”   เอกทำท่าหมั่นเขี้ยว

“โอว!!!  น่ากลัวอ่ะ  หึหึ   ซิลวี่  คุ้มกันพี่ด้วยนะจ๊ะ”  จูเนียร์พูดพร้อมกับดันตัวซิลวี่ เหมือนกับเธอเป็นเกราะ  

แล้วทั้งหมดก็เดินเข้ามาที่สตูเพื่อเตรียมถ่ายภาพ

“เอ่อ  เนส ถอดแว่นแป๊ปปปนะจ๊ะ”   เอกบอกแบบเกรงใจ

“แต่”  เนสทำเสียงแบบมันจะดีเหรอ

“ แหม..ถอดแป๊ปเดียวเองค่ะ   พี่เนส ”  นทพูดเสริม

เนสหันไปมอง นท  นิดนึง แล้วเขาก็ถอดแว่นตาออก  จูเนียร์ซึ่งตั้งท่ารอเพื่อที่จะถ่ายรูปเขาเอ่ยขึ้น  

“เรียบร้อยแล้ว  ก็เขยิบออกมากันหน่อยครับ” จูเนียร์พูดให้ เอก กับ นท ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ เนส ให้เดินออกมา  แล้วเขาก็เดินเข้ามาหาเนส

หลังจากมองเนสผ่านเลนส์กล้อง  จูเนียร์จัดท่าทางให้เนสราวกับมืออาชีพ  แล้วก็บอกเนส ว่าเวลามองกล้องอย่าหยีตา  แล้วเขาก็สอนเนสเวลามองกล้องต้องทำสายตาแบบไหน   แต่เนสก็ไม่เข้าใจ  แม้ว่า จูเนียร์จะบอกเขายังไง แต่ท่าทางและสายตาของเนส ก็ยังเป็นแบบไม่ค่อยมั่นใจอยู่ดี  จนจูเนียร์เริ่มที่จะมีอาการประมาณว่า  ทำไมเข้าใจยากจังวะ   จน นทที่ มองอยู่ก็พอจะเข้าใจ   นทเดินเข้ามาหาจูเนียร์พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน  “  พี่เนียร์  นทขอเวลาแป๊ปนึง”   เมื่อนท พูดกับจูเนียร์เรียบร้อยแล้ว   เธอก็หันมาหา เอก กับซิลวี่  ด้วยเสียงที่ดังพอสมควร   “  โอเคๆ   งั้นเราพักกันแป๊ปหนึ่ง   พี่เอกคะ  นทวานพี่เอก ไปซื้ออะไรมาทานกันดีกว่า เน๊าะ”

“อ้ายยยตายจริง  พี่ลืมเลย  นี่มันเลยเที่ยงมาแล้วนิ  ตายๆ  ฉัน”   เอกพูดพร้อมกับทำท่าออกสาวสุดฤทธิ์

“ใช่แล้วค่ะ  หนูโคดหิวอ่ะ”  ซิลวี่พูดด้วยน้ำเสียงเน้นๆ “ปะ  พี่เนียร์ ไปหาของกินกัน”   ซิลวี่เดินมาคล้องแขนจูเนียร์แล้วพาเดินออกไปที่รถ   โดยมีเอกเดินตามออกไปด้วย   แต่ก่อนที่เอกจะออกไปเขาก็หันมาหา  เนส  พร้อมกับบอกว่า  “  เดี๋ยวพี่มานะเนส  เออ  แล้วเนสอยากกินไรพิเศษรึเปล่าจ๊ะ”

“เออ  ไม่เป็นไรครับ  อะไรก็ได้”

เอก จูเนียร์ และซิลวี่ออกไปแล้ว  ขณะนี้ที่ออฟฟิตเหลือเพียง เนส กับนท  เท่านั้น

นทเดินเข้ามาใกล้  เนส  พร้อมกับพูดด้วยอารมณ์หว่านล้อม และให้เนส  เห็นใจ

“พี่เนส  ถือว่าช่วยนทเถอะนะ  คือ นทรู้ว่า นทไม่มีสิทธิ์มาขอร้องแต่ว่า  นทเดือดร้อนจริงๆ ค่ะ  คือ  นท บอกพี่ตรงๆ เลยนะ  ตอนเนี๊ยะ บริษัทนท กำลังมีปัญหามากเลย  คือ....  แล้วเธอก็เล่าเรื่องราวให้กับชายหนุ่มฟังโดยไม่ปิดบัง  แล้วนทก็ยังบอกเขาอีกว่า  แค่ส่งรูปไปอย่างเดียวเอง แต่เธอไม่ได้บอกเขาว่าส่งไปเพื่ออะไร  เพราะเธอเองก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะถูกเลือก

ชายหนุ่มรับฟังด้วยความเห็นใจ  แต่เขาก็บอกกับเธอว่า  เขาจะพยายามแล้วกัน  แต่บอกตามตรงว่าเรื่องที่จะต้องถ่ายรูปเขาไม่ถนัดจริงๆ  แล้วเขาก็ถาม นท ว่า แล้วเขาจะต้องทำอะไรบ้าง   นท หลังจากได้ยินคำตอบจากเขา เธอก็กระโดดกอดคอเขาด้วยความดีใจ  จนชายหนุ่มเองถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจ  นท ปล่อยคอชายหนุ่มพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาหาเขาพร้อมกับพูด

“ขอบคุณม้ากกกก มากกกกค่ะ  พี่เนสไม่ต้องทำอะไรมาก   แค่.....(เธอจ้องตาเขายิ้มๆ)ทำตามที่นทบอก”

ทุกการกระทำของนท  มันทำให้ชายหนุ่มเขินอายจนแทบจะไม่กล้ามองหน้าหญิงสาวตรงๆ    

…...................................................................................................

หลังจากทุกคนทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว  ก็ถึงเวลาถ่ายภาพกันต่อ   จูเนียร์  เตรียมอุปกรณ์เพื่อจะถ่ายภาพ   ส่วน นท บอกจูเนียร์ว่า เดี๋ยวเธอจะเป็นคนจัดท่าทางและดูแลเนสเอง   แล้วการถ่ายภาพก็ดำเนินไปโดย  นท คอยจัดแจงดูแลเนส  แล้วเธอก็คอยบอกให้เขามองแบบไหน ห้ามหยีตา  ตัวเนสเองก็พยายามทำทุกอย่างที่เธอบอกด้วยความตั้งใจทั้งๆที่เขาเองมองอะไรไม่ค่อยถนัดเพราะไม่ได้สวมแว่นตา    ซิลวี่กับเอกยืนดูการถ่ายพร้อมกับคุยกันเบาๆ  

“พี่เอกๆ”  ซิลวี่พูดกระซิบๆ ข้างเอก

เอกหันมามองซิลวี่  “ว่าไงนังหนู”   เสียงกระซิบพอกัน

“ทำไมพี่เนสเขาไม่ใส่คอนแทคอ่ะพี่”  

“แล้วฉันจะรู้ไม๊เนี่ย!”  

“ไว้พี่เอกถามให้หน่อยสิ หนูอยากรู้อ่ะ”  ซิลวี่ยังคงพยายาม  จนเอกหันมาค้อนด้วยหางตาจิกๆ

“อยากรู้ก็ถามเองซิยะหล่อน”   เอกตอบน้ำเสียงรำคาญ  แล้วก็บอกให้ซิลวี่ไปเตรียมเก็บของเพราะดูแล้วคงจะถ่ายกันเสร็จแล้ว

…..................................................................................................

5 วันผ่านไป  หลังจากเอกส่ง  โปรไฟล์ของเนสไปให้กับบริษัทผลิตโฆษณา

ณ  มหาวิทยาลัย

“เนส เนส”   เอกเรียกน้องชายหลังจากเดินตามเขามาสักพัก  เอกอาสาพาเนสมาเดินเรื่องเกี่ยวกับการเรียน

เนสหยุดเดินพร้อมกับขยับแว่นนิดนึงมองมาทางเอก  “ครับพี่เอก”

“เออ พี่ขอไปรอที่ห้องอาหารนะ  ดูแล้วคงอีกนานอ่ะ”  เอกพูดเสียงเอื่อยๆ

“อ้อ  ครับๆ ได้ครับ  โห...  เนสลืมพี่เอกเลย  พี่เอกจะกลับก่อนก็ได้นะครับ”  เนสพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ

“อุ้ย!  ไม่เป็นไรพี่รอได้แต่ขอไปนั่งรอก่อนนะ  เมื่อยจริงๆ  พอดีพี่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอ่ะ  แหะแหะ  ไม่คิดว่าต้องเดินมากขนาดนี้”

“หึหึ  จริงๆมันก็เสร็จแล้วล่ะครับ  แต่ผม”   เนสพูดยังไม่ทันจบ  เสียงมือถือของเอกก็ดังขึ้นมาก่อน  

“ว่าไงยะ นังหนู  มีไร  ห๊ะ!!จริงสิ   แล้วเขาให้ไปเมื่อไหร่  ต๊าย...ตาย  เหรอๆ  แล้วนทรู้รึยัง    เหรอจ๊ะๆ   อยู่ๆจ๊ะ  ใกล้ๆพี่นี่แหละ  จ๊ะๆ จะรีบกลับ”  

เอกเก็บมือถือเข้ากระเป๋า  พร้อมกับมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแปลกๆ จนเนสเองก็แปลกใจกับท่าทางกระดี๊กระด๊าของเอก    หลังจากรับโทรศัพท์ซิลวี่  เขาก็เปลี่ยนใจ  บอกกับเนสด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น  “ ป่ะ  ไปไหนอีกจ๊ะเนส”

“พี่เนส พี่เนส”   เสียงตะโกนดังมาจากทางด้านหลัง  ซึ่งเจ้าของเสียงขณะนี้ เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา   “โห  นึกว่าไม่ทันซะแล้ว”  เธอพูดด้วยเสียงหอบๆ  

เนส มองหญิงสาวตรงหน้าเขายิ้มให้กับเธอ พร้อมกับพูด  น้ำเสียงปนดีใจ  

“อ้าว!  สวัสดีครับคุณ  จูน”  

หญิงสาวที่เขาพูดด้วยเธอยิ้มตอบเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความดีใจที่ปิดไม่มิด  

จูน สาวน้อยวัย  20  ปีเศษรูปร่างกะทัดรัด หน้าตาออกหมวยๆ  เธอสวมชุดนักศึกษาของสถาบันที่เนสกำลังยืนอยู่   จูนรู้จักกับเนส ก็ตอนที่เธอไปอยู่กับญาติของเธอที่เยอรมัน  เมื่อ ปีที่แล้ว ซึ่งสังคมของคนไทยในต่างแดน ก็จะเป็นที่รู้ๆกันว่ามันแคบแค่ไหน  

“จูน มองอยู่ตั้งนาน    พี่เนสมาเมื่อไหร่คะ”  

“เอ่อ  มาถึงได้ เกือบอาทิตย์แล้วครับ....แล้วคุณจูน  เรียนอยู่ที่นี่เหรอครับ”  เนสพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพตามสไตล์ของเขา    จูนพยักหน้าพร้อมกับถามเนส

“แล้วพี่เนสมาทำอะไรที่นี่คะ”

แต่ก่อนที่เนสจะตอบ  เอกซึ่งยืนอยู่ข้างๆเนสก็กระแอมออกมาเบาๆเป็นการขัดจังหวะการสนทนา   ทำให้เนสกับจูนหันมามอง  เอกยิ้มให้กับจูน เนสแนะนำจูนให้รู้จักกับเอก  

“สวัสดีค่ะ  พี่เอก”

“ค่ะ สวัสดีค่ะ”   เอกตอบ   พร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นมาดูพร้อมกับทำท่ากระสับกระส่าย  เพื่อจะสื่อให้จูนได้รู้ว่ารีบ  

จูนเห็นอาการของเอกเธอถึงกับอึ้งๆ ไปนิดนึง  แต่ก็หันกลับมาหาเนส และให้เบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอกับเขา  หลังจากลาเนสแล้วเธอก็หันมาทางเอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้ลา  

ซิลวี่ออกมายืนรอการกลับมาของเอกกับเนสที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ “มาแล้ว  มาแล้ว  พี่นท เร็ว พี่เอกมาแล้ว”  ซิลวี่ตะโกนพร้อมกับกวักมือเรียกนทท่าทางตื่นเต้น   หลังจากเห็นรถของเอกขับเข้ามาจอด

เอกเดินนำหน้าเนสเข้ามาในออฟฟิต ซึ่งขณะนี้ซิลวี่ กับนท  กระโดดไปนั่งทำหน้าเศร้าอยู่ที่โซฟา  สองคนทำนั่งก้มหน้า  โดยทำเป็นไม่สนใจคนพี่พึ่งเดินเข้ามาใหม่   เอกเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวยาวข้างๆซิลวี่   พร้อมกับทำเป็นทักแบบเสียงไม่สู้ดี  

“ใจเย็นๆ นท”  

นทเงยหน้าขึ้นมานิดนึง  เธอมองสบตาไปที่เอกแบบรู้กัน  “เฮ้อออ”  นทถอนหายใจยาวๆออกมาเหมือนกับเธอกำลังมีเรื่องหนักใจ   เนสซึ่งขณะนี้เขานั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่   ใกล้ๆกับพวกเธอ  หลังจากเขามองทั้ง สามคนที่นั่งด้วยท่าทางที่ห่อเหี่ยวอยู่ด้วยความสงสัยเขาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

“เอ่อ  ขอโทษนะครับ”  

เมื่อเสียงของชายหนุ่มคนเดียวในที่นี้ดังขึ้น  ทำให้ นท เอก และซิลวี่ จากท่าทางที่ห่อเหี่ยวต่างก็ยืดตัวขึ้นมาแทบจะพร้อมกันเลยทีเดียวและต่างก็มองมาที่เขาด้วยท่าทางจริงจังกับรอฟังด้วยความตั้งใจ   จนทำให้คนที่กำลังจะพูดถึงกับผงะไปด้านหลังนิดนึง ด้วยอาการตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปแบบกะทันหัน   และท่าทางของเนสเองก็ทำให้ทั้งสามคนเหมือนจะรู้สึกตัว  นทหดตัวเองลงอัตโนมัติ  ตามด้วยเอก   ส่วนซิลวี่หลังจากเห็นสายตาที่เอกมองมาแบบจิกๆ  ทำให้เธอต้องเปลี่ยนท่าทางตามไปอีกคน

“คือมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าครับ”

เอกส่งสายตาชำเลืองมองนทนิดนึงประมาณว่า ถึงคิวเธอแล้ว   นท หลังจากสบตาเอกเธอก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก

“ก็นิดหน่อย ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะพี่เนส   เฮ้ออออ......”

เนสมองอาการของนทแล้ว ก็ทำให้เขาเป็นห่วงขึ้นมา  ถึงแม้ว่าเขาจะมาอยู่ที่บ้านของเอกได้ไม่กี่วัน แต่ทั้งสามคนนี้ก็ให้ความรู้สึกที่เป็นกันเอง และคอยช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดี

“คือ...ถ้ามีอะไรที่พี่พอช่วยได้ก็บอกนะครับ....พี่ยินดี”  

พอจบประโยคของเนส ซิลวี่ที่นั่งฟังอยู่อย่างลุ้นๆ  ก็โดดเข้ามาใกล้ๆเนสพร้อมกับจับแขนของเขาเขย่าเบาๆ  

“จริงรึเปล่าคะพี่เนส”

เนสสะดุ้งนิดๆ  “อะเอ่อคะครับ”   เขาตอบซิลวี่ด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจปนตกใจ

เอก กับ นท ส่งสายตาพิฆาตมาที่ซิลวี่ ประมาณว่าหล่อนจะทำให้เนสรู้ตัว  เมื่อซิลวี่หันมาเจอสายตาพิฆาตของทั้งสองคนเธอก็ถอยหลังกลับไปนั่งที่เดิมด้วยอาการห่อเหี่ยวเช่นเดิม   พร้อมกับส่งยิ้มแบบสำนึกผิดไปให้ทั้งคู่

เอกเอื้อมมือไปกุมมือเนสไว้ พร้อมกับส่งสายตาประมาณว่าขอบใจมาก  เนสดึงมือออกจากการกุมของเอกแบบสุภาพ   พร้อมกับมองเอกแบบเอ่อผมยังไม่ได้ทำอะไรให้พี่เลยนะครับ  

นท ที่นั่งนิ่งอยู่เธอก็ทำท่าแบบตัดสินใจเด็ดขาด   นทถอนหายใจเร็วๆหนึ่งทีก่อนที่จะเอ่ยอะไรออกมา

“ฮือ!  พี่เนสคะ   คือพี่จำรูปที่เราถ่ายพี่เมื่อหลายวันก่อนได้ไม๊ค่ะ......คือ นท ให้พี่เอกส่งไปให้บริษัทโฆษณา”

เนสตั้งใจฟังเรื่องราวที่นทเล่ามาด้วยท่าทางเรื่อยๆ  จนมาสะดุดอยู่กับประโยคสุดท้ายที่เธอพูด  เนสจึงต้องเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่แปลกใจพร้อมกับปฏิเสธทันที

“โอ้!!  อะไรนะ  จะให้พี่ไปถ่ายโฆษณา.....พี่คงช่วยไม่ได้จริงๆ”   เขาพูดตอบแบบทันทีโดยไม่มีการไตร่ตรอง    ก็จะให้เขาช่วยได้ยังไงในเมื่อ แค่ถ่ายรูปที่ยืนอยู่เฉยๆแล้วมีคนมามองเขามากๆ  เขายังสั่นไปทั้งตัว  แล้วนี่ต้องไปทำอะไรเขาคิดได้แค่นี้  เขาก็ส่ายหน้าอย่างเร็วๆ  เป็นการปฏิเสธ    

ท่าทางและคำตอบของชายหนุ่มทำให้นท  ถึงกับยกมือขึ้นมาปิดหน้า และก้มลงพร้อมกับมีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากเธอเบาๆ    จนทำให้ชายหนุ่มถึงกับตกใจ  แต่ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตกใจกับท่าทางของนท  เอก กับซิลวี่  ก็ตกใจไม่แพ้เนสเหมือนกัน  เพราะเอกไม่คิดว่า นทจะทำถึงขนาดนี้  แต่เขาก็ต้องเล่นไปกับเธอด้วย  เอกเขยิบเข้ามาจนใกล้นทพร้อมกับลูบหลังนทเบาๆเป็นการปลอบ  ด้วยท่าทางที่เก้ๆกังๆ

หญิงสาวพูดออกมาทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิม

“ไม่เป็นไรค่ะ ....นท ....ก็แค่ลองพูดดูเท่านั้นเอง.....พี่เนสไม่ต้องคิดมากนะคะ.....ฮื้อๆๆๆๆๆ”   พูดจบนทก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังและดังขึ้นเรื่อยๆ

ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าที่ขณะนี้ ทั้งนท เอกและซิลวี่  ต่างกอดคอกันร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่  เห็นใจปนกับสงสาร   ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเหมือนกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง    

“ลองดูก็ได้”    

ทั้งสามคนเงยหน้าพร้อมกับหันมาทางเนสแทบจะพร้อมกันหลังจากได้ยินคำตอบของเนส   ทั้งสามคนกระโดดเข้ามาจนใกล้ชายหนุ่ม ในลักษณะรุมล้อมจนเขาถึงกับตกใจ  

“ขอบคุณนะคะพี่เนส”  นทพูดพร้อมกับดึงมือเนสมาจับไว้  ด้วยความดีใจ  และส่งยิ้มให้เขาด้วยแววตาที่มีประกายแห่งความหวัง   ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆที่เธอทำแบบนี้  แต่เขากลับไม่ดึงมือออกยังคงปล่อยให้เธอจับมันไว้   เขาคิดในใจว่า  เธออาจจะไม่รู้สึกอะไรแต่ตัวเขาเองสิที่รู้สึก   และเขาก็ต้องสงสัยปนกับแปลกใจเพราะหน้าเธอไม่เห็นเหมือนกับคนที่พึ่งผ่านการร้องไห้มาเลย    นทเห็นสายตาที่เนสมองมาและเหมือนกับเธอจะนึกขึ้นได้   เธอรีบก้มหน้าพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เศร้าเหมือนเดิม

…...................................................................................................

 

รู้ไหมว่ามีคนตกหลุมรักคุณกี่คนแล้ว

จากการที่คุณแค่ยิ้มให้ และยิ่งตอนคุณหันมา

จ้องมองตาและทักทาย ในหัวใจมันแทบละลาย

จนเกือบถึงจุดอันตราย และอยากจะขอให้คุณ

หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้ายกันทุกคน

รู้ไหมที่คุณชอบสงสัย ว่าทำไมใคร

ใครใครชอบลืมตอบคำถามของคุณ

ก็เพราะเสียงของคุณ ช่างหวานละมุนอุ่นหัวใจ

ฟังครั้งใด เหมือนเวลาหยุดหมุนไป

ไม่รู้ทำไมอยากจะขอให้คุณ

หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้ายกันทุกคน

ภายในใจผมสับสนและหวั่นไหว

เวลาที่คุณเข้ามากระซิบใกล้ๆ

คอยเตือนตัวเองท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ

คนน่ารักมักใจร้าย คนน่ารักมักใจร้ายใช่ไหมคุณ

บทโพลหลายสำนัก คนน่ารักมักใจร้าย

แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้มันไม่ใช่

ไม่น่าจะทำให้ร้องไห้ ไม่น่าจะ say goodbye

เพราะเธอดูไม่มีอันตราย

ก็ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที

ก็อยากลองรักสักครั้งมันก็ต้องเสี่ยง

จะเตือนตัวเองว่ายังไง ฉันยังอยู่

ตกหลุมรักเธอจริง เธอคงไม่ว่ากัน

หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้าย

คนน่ารักมักใจร้ายใช่ไหม

หยุดหยุดแค่นี้ก่อน ในใจผมร้อน

จนทนไม่ไหว จะรักคุณแล้ว

หยุดหยุดใจไว้บ้าง ห้ามใจเอาไว้

ต้องเตือนตัวเอง คนน่ารักมักใจร้าย

คนน่ารักมักใจร้าย ยกเว้นคุณ  

Tag : ฟังเพลงคนน่ารัก มักใจร้าย

…...............................................................................

หลังจากที่เนสรับปากว่าจะช่วยนท  เขาก็มีสีหน้าที่เครียดขึ้นมาทันที  ประมาณว่าเขาคิดผิดรึเปล่า   แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว คนอย่างเขาก็จะพยายามให้เต็มที่   นทหันมามองที่เขาพร้อมกับอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอน  และบอกถึงผลิตภัณฑ์ที่เขาจะต้องไปเป็นพรีเซ็นเตอร์  

“ก็  พรุ่งนี้เราก็จะไปที่บริษัท  เพื่อไปเทสต์หน้ากล้อง  แล้วก็...................แต่ก่อนอื่นเลย  พี่เนสมีคอนแทคเลนส์รึเปล่าคะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า   พร้อมกับทำสีหน้างง ๆ  ปนสงสัย   ซิลวี่ที่นั่งอยู่ด้วยก็ได้โอกาสถามในสิ่งที่เธออยากจะรู้

“พี่เนส   หนูถามอะไรหน่อยสิ”

เนสหันมาทางซิลวี่และทำท่ารอฟังคำถาม

“เอ่อ......แว่นตาพี่อ่ะ”  เนสทำหน้าสงสัยกับคำถามของซิลวี่   เขาจึงถามเธอกลับ  “ทำไมเหรอ”

“ใครเลือกแบบให้พี่อ่ะ  พี่เลือกเองรึเปล่า”   ทำเสียงแบบสงสัยมาก

เนสขยับแว่นนิดนึง  ก่อนจะตอบซิลวี่

“มันเป็นแว่นของน้าพี่ที่เป็นพระครับ    คือมันเป็นแว่นเก่าของท่าน  แล้วพอดีมีโยมมาถวายอันใหม่ให้ท่าน   พี่เสียดายก็เลยไปเปลี่ยนเลนส์เอามาใช้”

“อ๋อออออ”

“มีอะไรรึเปล่า  ซิลวี่”

“ฮ่าๆ เปล่า  หนูคิดว่าพี่เลือกแบบเอง   คือ มันแบบว่าเชยมากอ่ะพี่เนส ฮ่าฮ่า”  ซิลวี่แซวชายหนุ่มตรงหน้าแบบขำขำ

เนสหัวเราะออกมาเบาๆ  แบบไม่ถือสา   นทถามย้ำเนสอีกครั้ง

“ตกลงพี่มีรึเปล่าคะ”  นทถามแบบเกรงใจ

“ไม่มีครับ  เอ่อ... แล้วมันจำเป็นต้องใช้ด้วยเหรอครับ”

“หือ....ก็นิดหน่อยอะค่ะ”   นทอธิบายให้เนสฟังว่า  “จะได้ดูดี  แล้วอีกอย่าง  เออ.....เสื้อผ้าด้วยค่ะคงต้องเปลี่ยนด้วย”

เนสทำสีหน้าแบบยุ่งยากหน่อย  จนนทรู้สึก  ว่าเขาคงจะลำบากใจมากที่ต้องมาทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน

…................................................................................................

ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ  

เอกขับรถเข้ามาจอดภายในที่จอดรถ  ที่ทางห้างทำเพื่อบริการแก่ลูกค้า   เนสซึ่งนั่งอยู่ทางเบาะหลังคู่กับนท  เขาหันมาถามหญิงสาว

“จริงๆ  พี่ว่า ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ  คือพี่ไม่เคยใช้มาก่อนกลัวจะไม่ถนัด”

เอกที่ทำหน้าที่คนขับ หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วเขาก็หันมาทางเนส  

“ก็ลองดูก่อนเนอะ  ถ้าไม่ได้จริงๆ แล้วค่อยว่ากัน”  เขาเอ่ยเพื่อตัดปัญหา

ซิลวี่หันมาพยักหน้าเป็นการช่วยเสริม

ร้านแว่น

“ต้องวัดก่อนรึเปล่าคะ”   นทถามพนักงานขายหญิงที่กำลังบริการและให้คำปรึกษากับพวกของเธอ

พนักงานสาวอธิบายการใช้และแนะนำวิธีการใช้   ชายหนุ่มนั่งฟังด้วยท่าทางตั้งใจ  และขอออกความเห็นบ้าง หลังจากที่เขาได้แต่เพียงเป็นแค่ผู้ฟังและถูกกระทำโดยไม่มีใครถามความเห็นจากเขาเลย  

“คือ ผม ขอเปลี่ยนกรอบแว่นอีกอย่างแล้วกันนะครับ”   ชายหนุ่มเอ่ยกับพนักงานสาว ด้วยเสียงที่สุภาพ

เอก นท ซิลวี่ หันมาทางเขาพร้อมกัน  และทำหน้ายิ้มแหยๆแบบรู้สึกตัว   นท เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอาการเกรงใจ

“อือ...  ใช่  เราเอาแบบแว่นธรรมดามั่งก็ได้เนอะ  เออ แล้วเราก็เปลี่ยนกรอบให้มันดูเท่ห์หน่อย  หึหึ”

หลังจากนั้น พนักงานสาว ก็หยิบกรอบแว่น หลากหลายแบบหลายสไตล์มาให้ชายหนุ่มเลือกดู  เขาหยิบแว่นขึ้นมาดูอันแล้วอันเล่า นท  จึงเสนอให้เขาถอดแว่นอันที่ใส่อยู่ออกก่อน  แล้วสวมแว่นอันใหม่เข้าไปจะได้รู้ว่าอันไหนใส่แล้วเข้ากับเขาที่สุด   ซึ่งความคิดนี้ก็ถูกซิลวี่  กับเอกที่ยืนอยู่ด้วยสนับสนุน   หลังจากนั้นเขาก็ถอดแว่นออก   ทำให้พนักงานในร้านต่างมองมาที่เขาพร้อมกับยิ้มๆ  บางคนก็หันไปซุบซิบๆ  พร้อมกับหันมามองชายหนุ่มที่เป็นลูกค้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก  ที่เห็นเขา   นท  หยิบแว่น สวมให้เขา เธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายอันมาก จนในที่สุดก็ได้แบบที่เหมาะกับตัวเขา  มันเป็นแว่นสายตากรอบดำทรงทันสมัย  ทำให้บุคลิกของเขาดูเปลี่ยนไปจากชายหนุ่มที่ดูเชยๆ  มาเป็นชายหนุ่มมาดนักธุรกิจ   เพียงแต่อีกอย่างหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนคือการแต่งตัวของเขาตอนนี้  ที่มันทำให้เขาดูแก่เกินอายุ   หลังจากได้ แว่นและคอนแทคเรียบร้อยแล้ว   เอกก็เดินนำคนทั้งหมดเข้ามาในร้านเสื้อผ้าที่เป็นเพื่อนกับเขา

“นังเอก  ต๊าย!!!ใครจุดธูปเรียกหล่อนยะ  ฮ่าๆ”   โมสชายหนุ่มรูปร่างท้วมๆผิวพรรณและหน้าตากระเดียดไปทางจีน  เดินเข้ามาทักทายเอกด้วยน้ำเสียงและท่วงท่าที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นชายที่มีจิตใจเป็นหญิงเช่นเดียวกันกับเอกซึ่งเป็นเพื่อนสนิท  เอกทักทายเพื่อนสนิทด้วยอาการเช่นเดียวกัน  ชายหนุ่มสองคนที่มีความชอบเหมือนกัน  ต่างคุยทักทายกันแบบออกรสออกชาติ  

“อุ๊ยต๊าย!!!  ลืม แหะแหะ...  นี่นท  ซิลวี่  แล้วก็เนส น้องชายเจ๊เองจ๊ะ”  เอกเอ่ยออกมาหลังจากนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว

ทั้งสามคนกล่าวทักทายสวัสดีชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้าน    โมส  รับไหว้นทกับซิลวี่  แต่สายตากลับจ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนเดียวในที่นี้   หลังจากนั้นก็หันมาทางเอกพร้อมกับเอ่ยถาม

“นี่น้องชายหล่อนเหรอยะ  หล่อนแน่ใจนะ”  

โมสพูดพร้อมกับชำเลืองมองไปรอบๆ ตัวเนสด้วยแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ  ถึงแม้ว่าเนสจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสุดเชย  แต่สายตาระดับโมสที่เป็นถึงสไตล์ลิสผู้ที่คร่ำหวอดกับวงการแฟชั่น  ทำให้เขาไม่อาจมองข้ามรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาขณะนี้ได้เลย  โมสเดินเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับสำรวจเนสเหมือนกับว่าเขากำลังตรวจสินค้าชั้นดี   โมสถามส่วนสูง น้ำหนัก  เนสตอบแบบแปลกใจและสงสัยในท่าทีของโมส

เอกเอื้อมมือมาตีแขนเพื่อนเป็นการเตือน

“โอ้ย....อะไรยะนังเอก”

“ก็หล่อนทำอะไรล่ะ ดูสิทำยังกับว่ากำลังสำรวจหาสมบัติงั้นแหละ  ต๊ายยย..มองแบบนี้พอดีน้องชายฉัน  หดกันพอดี ฮ่ะๆๆๆ”

“อีนังเอกบ้า  ดูพูดจาเข้า  อายน้องๆมั้ยเนี่ย!!!หึ”   โมสตีแขนเอกเป็นการปราม

นท ซิลวี่ และเนส ที่ยืนอยู่ถึงกับ  ทำหน้าแบบ  เหอะๆๆ คุยไรกันวะ

“ที่ฉันมองเนี่ย   พอดีฉันทำเสื้อผ้าออกมาใหม่เซ็ทหนึ่งกำลังมองหานายแบบอยู่...อืออออ...ให้น้องชายหล่อนลองหน่อยได้มะ”   ท้ายประโยคโมสพูดพร้อมกับหันมามองที่เนสอีกครั้ง  

“ต๊ายยย...จริงเหรอจ๊ะ  เอาสิ”    เอกตัดสินใจทันทีโดยไม่มีการปรึกษาใคร   เนสถึงกับ งงๆ  กับคำตอบที่พี่ชายของเขาตอบไป    ชายหนุ่มหันมามองนท  เหมือนกับว่า เขาต้องการพวก  แต่ ท่าทางของนท ที่แสดงออกมาทำให้เขาถึงกับไม่กล้า   ก็สายตาของนทที่ส่องประกายความดีใจออกมาจนชัดเจน  พร้อมกับรีบเสริม  ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว

“ได้เลยค่ะพี่   พี่โมส จะให้ลองอย่างเดียวหรือต้องถ่ายรูปเอาไว้ด้วยคะ”   หญิงสาวทำหน้าที่เหมือนกับว่าเป็นเจ้าของสินค้า  เนส ฟังการสนทนาอยู่แบบ งง ๆและสุดท้ายชายหนุ่มก็หันมาทางซิลวี่  ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ส่งเสริมอะไรทั้งสิ้น  เขาหันมา   แต่ซิลวี่กลับรีบหันไปมองทางอื่น  แทนที่จะสบตาเขา  เธอทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้  ซิลวี่คิดอยู่ในใจ  โอ้!!พี่เนสหนูช่วยพี่ไม่ได้จริงๆ  

เนส งงๆ เขาทำอะไรไม่ถูก  รู้สึกแต่ว่าเหมือนโดนสะกดจิต   ชายหนุ่มทำตามที่นทบอกทุกอย่างด้วยความ งุนงง  และรู้สึกเหมือนตัวเองต้องตกกะไดพลอยโจนยังไงไม่รู้   ก่อนที่เขาจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า    นท ดึงตัวชายหนุ่มเข้ามาในห้องลองเสื้อผ้า  เนสเดินตามเธอเข้ามาด้วยความสงสัย

“พี่เนสคะ   นท ไหว้ล่ะ”  เธอเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้เนส

“ฮึ้ยยย!!...ทำอะไรครับนท”  เนสผงะไปทางด้านหลังได้นิดเดียว  หลังของเขาก็ชนกับกำแพง   นทเขยิบตัวเข้ามาจนชิดชายหนุ่ม ด้วยท่ายกมือพนม  เธอวางมือไปที่หน้าอกของเขา  พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ปนขอร้อง

“ช่วยนท  อีกหน่อย นะ...นะ....พี่เนส...นะคะ”

เนสจับมือนท ด้วยท่าทางตกใจปนตื่นเต้น

“นท  ไม่ต้องไหว้พี่หรอก”

“พี่เนสจะช่วยนทใช่มั้ยคะ”  นทตื่นเต้น  เธอเขยิบเข้ามาอีก เนสจะขยับตัวหนีก็ไม่ได้แล้วเพราะห้องแต่งตัวที่มีขนาดเล็ก   เขาทำได้เพียงยืนนิ่งๆ  แต่หัวใจของเขากลับไม่นิ่งเหมือนตัว มันเต้นแรงมากจนเขาคิดว่า  มันอาจจะทะลุออกมาได้เลย   ถ้าเขายังไม่ตอบเธอหรือทำอะไรสักอย่างเธอก็คงไม่ปล่อยเขาแน่ๆ   ชายหนุ่มชำเลืองมองต่ำมาที่หน้าของเธอที่ขณะนี้อยู่ห่างจากเขาไม่น่าจะถึงฟุต    แล้วในที่สุดเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธเธอได้   ก็ดูสายตาเธอที่ส่งมาให้เขาสิ  มันเป็นสายตาที่เหมือนกับเด็กกำลังร้องขอให้ผู้ใหญ่ซื้อของเล่นให้งั้นแหละ   ชายหนุ่มถอนหายใจ   พร้อมกับพยักหน้าให้เธอเป็นการตกลง    นท ยิ้มดีใจสุดๆ  และยื่นมือมากอดลำตัวชายหนุ่มด้วยความลืมตัว

“ขอบคุณนะคะพี่เนส”

หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน   เนสก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว  แต่คราวนี้เขาไม่ต้องเดินหยีตาแล้วเพราะว่าเขาสวมคอนแทคแล้ว

เนสเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยท่าทางนิ่งๆ  และมาดที่ดูดี  จากการเทรนของโมส

“อือออ.....โอเคๆ”   โมสเดินเข้ามาหาเนส พร้อมกับจับตัวชายหนุ่มให้หมุนและมองสำรวจ   “งั้น  ถ้าฉันจะใช้  น้องชายหล่อนเนี่ย!!ต้องติดต่อใครยะ”  โมสหันมาถามเอกด้วยท่าทางยกไหล่  

“ติดต่อ นทได้เลยค่ะ  พี่โมส”   นทตอบด้วยน้ำเสียงที่หวานสุดๆ โมสหันมาตามเสียงของนท  และสองคนก็คุยตกลงกันเป็นเรื่องเป็นราว  โดยมีชายหนุ่มยืนฟังด้วยความ  มึนงง กับสถานการณ์  แต่ในเวลานั้นจะให้เขาปฏิเสธไปเลยเขาก็เกรงว่านท จะเสียหน้า  เขาจึงปล่อยให้เธอได้ทำตามใจตัวเองไปก่อน

…...................................................................................................

ภายในรถเก๋ง ที่ขณะนี้เจ้าของรถทำหน้าที่เป็นผู้ขับ

“ฟลุ๊กมากอ่ะ”  นทเอ่ยออกมาแบบไม่คาดฝัน

“นั่นสิ  พี่ยัง งง ไม่หายเลย  ต๊ายยยย...อะไรมันจะโชคดีขนาดนี้  ฮ่าๆ”  

เอกเอ่ยออกมาขณะขับรถเขามองทางไปด้วยคุยไปด้วย  “  นังโมสเพื่อนพี่เนี่ย!  ลองถ้าชอบแล้วนะ   รับรองเนสได้เดิน แบบ ถ่ายแบบ  แบบว่า แทบจะไม่ว่างเลย  หึหึ”

“พี่ เอกคะ....แล้วเสื้อผ้าที่พี่ โมสเขาให้มาเนี่ย! พี่เนสต้องใส่ทั้งหมดเลยรึเปล่าคะ”   ซิลวี่เอ่ยถาม

“จ๊ะ   ก็เอาไว้ใส่นั่นแหละ   แล้วเสื้อผ้าเก่าๆ  ก็เลิกใส่ไปเลยนะเนส”   ประโยคสุดท้ายเอกบอกกับเนส   ซึ่งขณะนี้ เขานั่งฟังทั้งสามคนคุยกันด้วยสีหน้าลำบากใจ

“พี่เอกครับ  คือ   อืมมม.....ผมคิดว่าผม....ผมคงรับเป็นนายแบบให้พี่โมสไม่ได้”   ชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่นาน ก็เอ่ยออกมา   แต่ประโยคเดียวของเขาทำให้คนทั้งหมดในรถ  ถึงกับสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว  เอกตกใจถึงกับเหยียบเบรคกะทันหัน  ทำให้คนทั้งรถนั่งผวา   แต่เคราะห์ดีว่าตอนที่เขาเบรคนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่รถมาถึงหน้าบ้านพอดี    

“ทำไมล่ะ  เนส”  เอกหันหน้ามาถาม

“คือ ผม  ผม”   เนสยังไม่ทันได้อธิบายอะไร  

“พี่เนสคะ  นทขอโทษค่ะ  นทผิดเองที่ไปรับปากพี่โมส  โดยไม่ถามพี่เนสก่อน นทขอโทษจริงๆค่ะ   ทีแรกคิดว่าแค่ลองชุดอย่างเดียว ไม่คิดว่าพี่เขาจะเลือกเลย”  หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่สำนึกผิด  พร้อมกับทำหน้าเศร้าๆ

“เรา  ลงไปคุยกันในบ้านดีกว่ามั๊ยคะ”   ซิลวี่เอ่ยชวน  หลังจากเห็นทุกคนเงียบไป

“เนส   พี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะ  คือพี่ดีใจจน....เอ่อ  ลืมนึกถึงเนสไปเลย”  เอกเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งลงที่โซฟาตัวยาวภายในบ้าน  ซิลวี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าเศร้าเหมือนกับมีส่วนร่วม   เอก กับซิลวี่ มองมายังเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามด้วยแววตาสำนึกผิด    ก่อนที่เนส จะเอ่ยอะไร  นท เดินก้มหน้าหลบสายตาของทุกคน  เข้ามาหลังจากเธอเดินหายเข้าไปในครัวเพียงลำพัง  นท  นั่งลงใกล้ๆซิลวี่  

“เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ....พี่เนส  เดี๋ยวนทโทรไปยกเลิกกับพี่โมสเองพี่เนสไม่ต้องกังวลนะคะ”   นทกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เบา  แต่ขณะที่เธอพูดเธอก็ยังก้มหน้าทำเหมือนว่าไม่ต้องการให้ใครเห็น   เอกกับซิลวี่ชำเลืองมองไปทางนท พร้อมๆกันเพื่อดูท่าทีก่อนที่จะทำตามนท

เนสทำหน้าลำบากใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ชายหนุ่มมองเอก ซิลวี่ และนท ที่นั่งก้มหน้าก้มตา  โดยคิดไม่ออกว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี   ความจริงถ้าแค่ลองชุดกับถ่ายรูปไว้ก็คงไม่เท่าไหร่  แต่นี่นทกับไปรับปากโมส ว่าจะให้เขาไปถ่ายแบบลงหนังสือ แถมยังต้องไปเดินแบบอีก  ชายหนุ่มคิดว่างานนี้เขาคงต้องใจแข็งบ้างแล้ว  เนสลุกขึ้นยืนเหมือนกับว่าต้องการไปจากตรงนี้เพราะเขากลัวใจตัวเองว่าอาจจะอดใจอ่อนกับเธอไม่ได้   ขณะที่เนสกำลังจะลุกขึ้น   นท ซึ่งนั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที  จนชายหนุ่มต้องหันไปมอง  แล้วเขาก็ต้องตกใจ  เพราะดวงตาที่บวมช้ำของนท  ที่จ้องมองมาที่เขา   เธอทำตาละห้อย  พร้อมกับเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เบา  ปนสิ้นหวัง

“พี่เนสจะขึ้นบ้านแล้วเหรอ   แล้วจะนอนเลยใช่มั้ยคะ  หึหึ  ฝันดีนะคะ”

เอกกับซิลวี่ อ้าปากค้างกับสภาพของนท    เนส ตัดใจเดินขึ้นห้องด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยเหมือนกัน

เมื่อลับตาเนสไปแล้ว   นทก็ลุกขึ้นทันทีด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่  เพราะเธอคิดว่าแผนการนี้อาจได้ผลอีก   นททำหน้าเสียดาย  พร้อมกับจับไปที่ตาตัวเองแบบเสียของ    เอก เอื้อมมือไปดึงแขนนทให้ลงมานั่ง  พร้อมกับจับหน้านทให้หันมา  

“ต๊าย!  หล่อน  โอ้!   หนูไปทำอะไรกับตามาเนี่ยห๊ะ!!!”   เอกอุทานออกมาด้วยไม่คาดคิดว่านทจะลงทุนมากขนาดนี้

“ก็ ใช้ยาหม่องที่อยู่ในตู้ยาอ่ะ   เฮ้ออออ....ยังแสบไม่หายเลย”   นทตอบเอกบ่นๆ

ซิลวี่กระโดดเข้ามามองตาของนท  พร้อมกับหัวเราะออกมา  “ฮ่าๆๆๆ”

“หัวเราะทำไม”    นทถามซิลวี่แบบเซ็งๆ

“หึหึ  ก็ พรุ่งนี้ พี่นทต้องพาพี่เนสไป เทสต์งานนี่  หึหึ”  

“แล้วทำไมยะ  นังหนู”   เอกถามซิลวี่ด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ เพราะซิลวี่ทำท่าเหมือนกับมีลับลมคมนัยอะไร

“เออ  ใช่   ตายแล้วๆ นทจะทำไงล่ะ ทีนี้   โอ๊ย...ตายๆ”   นทเอ่ยออกมาหลังจากนึกอะไรขึ้นมาได้   เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อตรวจดูดวงตา พร้อมกับพยายามคิดที่จะทำให้มันหายเป็นปรกติ ด้วยอาการที่ร้อนรน

เอกหันมาถามซิลวี่ ที่ทำเหมือนกับกุมความลับของนทเอาไว้  

“มีไร บอกมาเดี๋ยวนี้”    เอกถามด้วยน้ำเสียงและอารมณ์ที่อยากรู้สุดๆ

“ก็พรุ่งนี้  บริษัทที่เราจะไป ไงพี่เอกจำไม่ได้เหรอ”    ซิลวี่ทำท่าเหมือนกับกำลังเล่นเกมส์ใบ้คำโดยตัวเองเป็นใบ้ เอกเป็นผู้ตอบ

เอกทำท่าพยายามนึก  โดยมีซิลวี่ทำท่าส่งกำลังใจให้เอกนึกให้ออก   และในที่สุด

“ต๊าย   ลืมได้ไงเนี่ยฉัน  หึหึ   นังหนูนทเอ้ย!” เอกพึมพำกับตัวเอง  พร้อมกับมองไปยังห้องน้ำที่นทเข้าด้วยสายตากึ่งขำกึ่งสมน้ำหน้าแบบไม่จริงจัง

เวลาขณะนี้น่าจะเลยเที่ยงคืนมาแล้ว แต่ภายในห้องน้ำที่เชื่อมระหว่างห้องนอน เก่าของนท กับซิลวี่  ไฟยังเปิดอยู่   ชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเขาลืมตาขึ้นมาหลังจากนอนหลับไปได้สักพัก  สายตาเขาก็ไปสะดุดกับแสงไฟที่ลอดออกมาจากห้องน้ำ  ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจแต่เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ เพื่อจะเดินไปปิดไฟ ที่เขาคิดว่าคงมีคนลืมปิดไว้   เขาไม่ลืมที่จะหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม  หลังจากนั้นเขาก็เดินมาถึงประตู ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป  โดยที่ไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ในห้องน้ำ  แต่มันไม่ใช่เลย เพราะ ภายในห้องน้ำนั่น  หญิงสาวเจ้าของห้องที่เขาใช้นอนอยู่  เธอกำลังง่วนอยู่กับใบหน้าของตัวเอง   เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ หลังจากชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา

“เอ้ย!”

“โอ๊ะ!!!ขอโทษครับ”   เนสส่งเสียงขอโทษ พร้อมกับดึงประตูปิดแบบอัตโนมัติ ด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน

“เอ้ย   ไม่เป็นไรค่ะ   พี่เนสจะใช้ห้องน้ำเหรอคะ”  นทส่งเสียงถามออกไป

“อ๋อ   เปล่าครับ  พอดีพี่เห็นไฟมันเปิดอยู่ นึกว่าลืมปิด ก็เลย...”

“ฮ่าๆ  เหรอคะ....เออ  พี่เนส ”  เธอเรียกเขาไว้พร้อมกับเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ

“ครับ”   เนสขานตอบ พร้อมกับหันมามองเธอ

“หึหึ พี่เนส  ช่วยนท  หน่อยได้มั้ยคะ”   นทเอ่ยออกมาแบบเกรงใจ

“อ้อ...   ครับ ได้ครับ”

“ คือ อะไรมันอยู่ในตาของนทก็ไม่รู้”

ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องน้ำหลังจากรู้ว่าเธอมีปัญหาอะไรให้เขาช่วย   นทหันมาหาเนสทั้งตัว โดยยืนหันข้างให้กับกระจก  ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเธอ  ด้วยระยะห่างจากความสูง  ทำให้เขาต้องก้มตัวลงมาเพื่อจะได้ เห็นตาเธอได้อย่างชัดๆ   นทเองก็เงยหน้าขึ้นมองมาที่เขา   พร้อมกับชี้ไปที่ดวงตาข้างที่มีปัญหา  เขาก้มหน้ามามองตาเธอแบบแทบจะชิดติดเลยก็ว่าได้  ชายหนุ่มพยายามที่จะตรวจดูให้ทั่วว่ามีอะไรอยู่ในตาเธอรึเปล่า   ด้วยความตั้งใจจนลืมตัว  เขาใช้มือของเขายกขึ้นมาเชยคางเธอเพื่อให้อยู่ในทิศทางของแสงไฟ    นทเมื่อเธอถูกชายหนุ่มสัมผัสใบหน้าด้วยมือของเขา  เธอเริ่มที่จะรู้สึกตัว ว่าเธอกับเขาเข้าใกล้กันมากจนเธอเองเริ่มที่จะประหม่า  แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะทำให้เขารู้สึก  เธอจึงต้องแกล้งเสมองไปทางอื่น  จากตอนแรกที่เธอสบตากับเขาโดยตรง

เนส  พยายามมองหาอย่างตั้งใจจนในที่สุดเขาก็บอกกับเธอว่า

“ไม่มีอะไรนะครับนท  พี่มองจนทั่วแล้ว”   เขาพูดจบก็ปล่อยมือออกจากใบหน้าของเธอ  โดยไม่ทันสังเกตท่าทีของเธอที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก

“เหรอคะ  หึหึ  เอ...”  เธอทำท่าคิด “สงสัยจะเป็นเพราะยาหม่องแน่เลย”  เธอพูดพึมพำกับตัวเอง  

“อะไรนะครับ”  

“อ๋อ...  สงสัยจะเป็นที่ยาหม่องน่ะค่ะ  เฮ้อออ  เลยปวดตาเลย”   เธอพูดเรื่อยๆ แบบไม่ใส่ใจ  แต่พอเธอเห็นสายตาสงสัยที่ชายหนุ่มส่งมา   เธอถึงกับตาโต  ด้วยความตกใจ  พร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา  และขอตัวไปนอน   เขามองตามหลังเธอ  จนเห็นว่าเธอปิดประตูด้านนั้นไปแล้ว  ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปปิดไฟ  และกลับไปนอนเช่นเดียวกัน

…......................................................................................

วันรุ่งขึ้น

ตั้งแต่เนส มาอยู่  เขากลายเป็นเหมือนกับพ่อบ้านของที่นี่ไปเลย  เนสจะตื่นก่อนเป็นคนแรก เขาจะเตรียมอาหารเช้าให้กับพวกเธออย่างง่ายๆ  ตอนแรกเอก นท ซิลวี่ ต่างก็ปฏิเสธที่จะให้เขาทำ  แต่ไม่ว่าพวกเธอจะห้ามเขาเท่าไหร่  เขากลับไม่ยอมที่จะทำตาม   จนทำให้พวกเธอต้องยอมเขาไปโดยปริยาย  แต่ซิลวี่ กลับรู้สึกดี  เพราะเธอจะได้ไม่ต้องทำ   วันนี้ก็เช่นกัน  เขายังเป็นคนที่เตรียมอาหารเช้าเหมือนเดิม  แต่ที่แปลกไปคือ ชุดที่เขาสวมใส่ในวันนี้   เสื้อยืดสีฟ้าพอดีตัวกับกางแกงขาสั้นสไตล์อเมริกันสีเทา  วันนี้เขาสวมแว่นตาอันใหม่ที่เธอเลือกให้  เนสยื่นหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ยาว ด้านหน้าของเขามีหม้อสแตนเลสขนาดไม่ใหญ่มากวางอยู่บนเตา  มันกำลังเดือดปุดๆ   ทำให้กลิ่น  ของอาหารที่อยู่ในหม้อลอยออกมาแตะจมูก  

เนสก้มไปมองดูนิดนึง  เมื่อเขาเห็นว่ามันสุกได้ที่แล้ว  เขาก็ดับไฟที่เตา  พร้อมกับปิดฝา    

“โห้...หอมจัง”   เสียงซิลวี่ดังเข้ามาก่อนที่ตัวจะมา    เธอเดินตรงมาจนถึงตัวเนส  พร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดหม้อดู   “  โห  น่ากินอ่ะ”   ทำเสียงแบบว่าอยากกินมาก

เนสหันมามองซิลวี่พร้อมกับยิ้มบางๆ  ให้กับเธอ  “กินเลยมั้ย”

“กินพร้อมกันดีกว่าค่ะ”  ซิลวี่พูดพร้อมกับเดินไปเตรียมอุปกรณ์  และจัดโต๊ะอาหาร  แล้วขณะที่เธอกำลังจัดโต๊ะอยู่นั้นเธอก็พึ่งสังเกตรูปลักษณ์ใหม่ของเนส  เธอวางมือจากของ  แล้วมองเนสพร้อมกับพูดแบบชื่นชม   “พี่เนส”  เนสหันมามอง ซิลวี่พูดต่อ “แต่งตัวแบบนี้แล้วเท่ห์อ่ะ   เด็กลงตั้งเยอะแหนะ   วันหลังยืมควงหน่อยสิ  ฮ่าๆ”

เนสส่งสายตาเอ็นดู  พร้อมกับยิ้มๆ โดยไม่พูดอะไร   หลังจากนั้นเอกก็เดินเข้ามาเป็นคนที่สอง เอกเดินวนรอบๆตัวเนส   พร้อมกับยิ้มจิกๆ ตามสไตล์  เนสเกาหัวแบบหวาดๆ   และยิ้มให้เอก   พร้อมกับเอ่ยถามเอก กับซิลวี่

“แล้วนท  ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”  

“เออ!  ใช่....น่าจะลงมาได้แล้วนะ”  ซิลวี่เอ่ยตอบ

“นั่นสิ  ปกติป่านนี้น่าจะเสร็จแล้วนะ”  เอกบ่นแบบไม่จริงจัง

“งั้นเรากินข้าวกันก่อนแล้วกันม่ะ”   เอกให้ซิลวี่ตักข้าวต้มหมูสับที่เนสทำ

“มาแล้วค่า หึหึ”   นทส่งเสียงสดใสทักทั้งสามคนขณะเดินเข้ามาสมทบ

สามคนที่นั่งทานข้าวกันอยู่หันมาทางเสียงพร้อมกัน  

“ต๊ายยยย  แต่งซะสวยเชียวนะนังหนู”  เอกพูดด้วยน้ำเสียงกระแดะๆปนหมั่นไส้เล็กน้อย

ซิลวี่ไม่ออกความเห็นอะไร  เธอได้แต่ส่งยิ้มมองนท ประมาณว่ารู้กัน    มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวที่มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ  ปนสงสัย  

ความจริงจะว่าไป  ปกติเธอก็จะเป็นคนที่แต่งตัวตามแฟชั่นอยู่แล้ว  แต่วันนี้ที่เขารู้สึกว่าแปลกไปเพราะดูเธอจะพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ   เธอแต่งหน้าจัดขึ้น  ทาปากด้วยลิปสติกสีส้มสะท้อนแสง เสื้อยืดสีดำคอปาดเผยให้เห็นไหล่ขาวนวลเนียน สวมทับด้วยกระโปรงสั้นเข้ารูปสีเงินวาวกับถุงน่องสีดำสนิท  ผมเป็นลอนใหญ่ถูกปล่อยยาวอยู่เกือบกลางหลัง   แต่ที่น่าสังเกตมากกว่านั้นคือแว่นตาดำสำหรับกันแดด  ยี่ห้อกุชชี่  ที่เธอสวมมันอยู่ตลอด  จนเอกต้องร้องทักออกมา

หลังจากเธอเดินเข้ามาร่วมวงทานอาหาร

เนสขยับตัวไปตัก ข้าวต้มให้กับเธอ   นทก้มหน้านิดนึงเป็นการขอบคุณ

“นทจ๋า  พี่ว่าหนูหลุดคอนเซ็ปนิสนึงก็ได้มังคะ   ถอดแว่นออกก่อนดีไม๊จ๊ะ”   เอกพูดแบบจีบปากจีบคอ

“หึหึ”  นทยิ้มๆ  แต่ก็ไม่ถอดแว่น  เนส กับซิลวี่มองนทแบบสงสัยพอกันแต่ไม่มีใครถามอะไรอีก  เพราะเวลากระชั้นเข้ามาทุกที  เอกบอกให้เนสขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้

…............................................................................................

โถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย  เดินขวักไขว่กันไปมาเหมือนกับตลาดนัดก็ไม่ปาน  ก็จะไม่ให้วุ่นวายได้ยังไงในเมื่อมันเป็นตึกขนาดใหญ่  ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแบ่งเนื้อที่ให้กับ บริษัทต่างๆ มาเช่าเพื่อทำธุรกิจ  เอก นท เดินคู่กันมาตามหลังด้วยเนส กับซิลวี่  

“ชั้น 25 ค่ะ” เอกส่งเสียงหวานๆออกไป  ให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ติดกับที่กดลิฟต์

ประตูลิฟต์เปิดออก  เอกเดินนำหน้า ตามมาด้วยซิลวี่ที่เดินคู่กับเขา  

นท จากเดินคู่มากับเอกแต่พอถึงออฟฟิตของบริษัทโฆษณา  

นทกลับเดินตามหลังเนสแบบหลบๆ  

“สวัสดีครับพี่เอก”  เสียงนุ่มๆสุภาพ  ส่งเสียงทักทายมายังคณะของเอกที่เดินผ่านประตูเข้ามา  ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้ายี่ห้อดัง   เขาเดินเข้ามาจนใกล้

“สวัสดีค่า คุณแอมป์” เอกทักทายตอบแบบสุภาพ  แต่ก็ยังคงซึ่งท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์   ซิลวี่ยกมือไหว้  แอมป์

“โห  พี่เอก เรียกแอมป์เฉยๆก็พอครับ”

“แหม  เป็นถึงผู้บริหารจะให้เรียกแอมป์เฉยๆได้ไงล่ะ  ฮ่าๆ”

แอมป์ยิ้มขำ  กับท่าทางของเอก  ชายหนุ่มมองเลยไปทางด้านหลังของเอก  แล้วก็ทักทาย

“อ้าว!  นท”

นทซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของเนส ก็โผล่หน้าออกมาพร้อมกับยิ้มๆ  “สวัสดีค่ะ พี่แอมป์  แหะแหะ”

เอกแนะนำให้ เนส กับแอมป์รู้จักกัน  พร้อมกับแนะนำเนสว่า เป็นคนที่จะมาเทสต์งานวันนี้  แล้วก็เป็นน้องชายของเขาเอง  แอมป์ กับเนสยิ้มให้กันแบบเป็นมิตร  

…..................................................................................................

หลังจากทักทายและแนะนำตัวกันแล้ว   ทีมงานที่จะทำการเทสต์  ก็เดินมาเรียกเนสให้เดินเข้าไปในห้องสตูดิโอ เนส หันมามองที่นท นิดนึงเหมือนกับว่าต้องการกำลังใจ  นทสบตาเนส  พร้อมกับยิ้มให้  ชายหนุ่มเดินตามหลังทีมงานมา  แต่เขากลับไม่รู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ข้างหน้าที่เขาจะต้องทำ  แต่เขากลับคิดถึงแต่ท่าทางและอาการแปลกๆ  ของ นท ก็ไอ้อาการแปลกๆ  มันชัดเจนมากเมื่อเวลาอยู่ต่อหน้า แอมป์  ชายหนุ่มที่เขาคิดว่าดูดีทีเดียว   เธอทำเหมือนกับไม่ค่อยกล้ามองเขา  เวลาที่เขาพูดกับเธอ  แต่เธอกลับแอบมองเขาตอนที่เขาคุยอยู่กับคนอื่น ซึ่งอาการแบบนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเธอต้องแอบชอบแอมป์แน่ๆเลย   เนส พยายามสลัดความคิดนี้ออก  และตั้งใจอย่างเต็มที่กับงานตรงหน้า  เพราะเขาคิดว่า  ถ้าเธอได้งานนี้  เธอคงดีใจมากและเขาก็คิดว่าเขาจะพยายามทำเพื่อเธอ

“พี่แอมป์นี่  ดูดีไม่มีเปลี่ยนเลยเนอะ”  นทพูดด้วยอาการเพ้อ  ลับหลังแอมป์  หลังจากชายหนุ่มขอตัวไปทำงาน

เอกหันมามองค้อนๆ “เมื่อกี้เขาอยู่ทำไมไม่บอกเขาล่ะจ๊ะ”  เอกจีบปากจีบคอพูด

“แหม พี่เอก  ให้พี่นท พูดเหรอ  แค่มองหน้าพี่เขา  ยังไม่กล้าเลย”   ซิลวี่กล่าวผสมโรง

นทฟังสองคนพูดก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ   พี่แอมป์เป็นรุ่นพี่ของเธอที่คณะ  เธอแอบชอบเขาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่  เธอชอบเพราะเขาเป็นคนเก่งในสายตาของเธอ  เขาดูดีสุภาพ  และที่เธอประทับใจในตัวเขามากที่สุดก็คือตอนที่เธอจะข้ามถนนในมหาลัย  แล้วเกือบโดนรถเฉี่ยวชน  แอมป์เป็นคนที่วิ่งเข้ามาช่วยเธอเอาไว้จนเขาต้องเกือบโดนเอง  

ตั้งแต่นั้นมา  เธอก็จะหาทางให้เพื่อนส่งขนมไปให้เขา โดยที่เขาไม่รู้ว่าใคร  

“แล้วดู   แต่งตัวมาซะเต็มขนาดเนี๊ยะ!  ถามจริงเถอะ”   เอกพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาหานท “ ไม่ถอดจริงๆเหรอแว่นอ่ะ”

“จะถอดได้ไงล่ะ”  นทตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ  พร้อมกับขยับแว่นเปิดนิดนึงให้เอก กับซิลวี่ดู

“อุ๊ยต๊าย!!!”   เอกอุทานออกมาพร้อมกับจับหน้าอกตัวเอง  “ ฮ่าๆๆๆ  สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆ”

“พี่เอกอ่ะ  เบาๆ สิ  คนมองใหญ่แล้ว”   นทพูดพร้อมกับดึงแว่นลงมาปิดตามเดิม  จากนั้นเธอก็ทำหน้าเหรอหรามองไปรอบๆ เหมือนกับกลัวใครจะได้ยิน

“ฮ่าๆ  พี่นท  บวมขนาดนั้นเลยเหรอ  ต้องไปหาหมอรึเปล่า”  ซิลวี่หลังจากขำเสร็จเธอก็ถามนทด้วยความเป็นห่วง

“คิดอยู่เหมือนกัน”  นทตอบซิลวี่   และคิดอยู่ในใจ  ไม่น่าเลยช้านนน

เฮ้อ...  ไม่ได้ผลแถมตายังเจ็บอีกต่างหาก    จังหวะเดียวกัน   เนสก็เดินตรงมายังทั้งสามคนที่นั่งรอกันอยู่  เขาเดินแบบเอื่อยๆกับหน้านิ่งๆ  จนทั้งสามคนอดที่จะนึกไม่ได้ว่า  เขาคงทำไม่ได้  ตามหลังเนส ก็มีพนักงานเดินมา   ดูแล้วเธอน่าจะเป็นตัวแทนของบริษัท   นท เอก ซิลวี่ ลุกขึ้นยืนต้อนรับทั้งเนส และสาวผู้นั้น   เธอแนะนำตัว

“สวัสดีค่ะ  เจนค่ะ”   สาววัยไม่เกิน สามสิบกล่าวทักทาย  

“เอ่อ...  ตกลงเราเลือกคุณเนสนะคะ  แล้วประมาณ...น่าจะเป็นอาทิตย์หน้า  จะส่งเอกสารสัญญาไปให้ดูนะคะ”  

นท เอก ซิลวี่ หน้าเหวอๆ  ประมาณว่า โอ้ว....ทำไมเร็วจัง   แล้วดูเหมือนหน้าเจน ก็พอจะเข้าใจ เธอจึงอธิบาย

“เร็วใช่ไม๊ค่ะ  หึหึ  พอดีวันนี้เจ้าของสินค้าเขามาดูเองค่ะ  เขาชอบคุณเนสก็เลยตัดสินใจเลย  หึหึ  ถือว่าโชคดีมากนะคะ”

นท ยิ้มดีใจแบบสุดๆ  แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้   จนเจนเดินออกไปแล้ว  นทจึงหันมาคว้าแขนชายหนุ่มมาคล้องไว้   แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใส

“ฉลอง!!!  ฮ่าๆ”  

เนสก้มหน้ามามองนท  และยิ้มสดใสไปกับเธอด้วย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

*****ตอนที่  2*****(ทำเพื่อเธอ)

กว่าจะเสร็จจากการคัดเลือกก็ปาเข้าไปเกือบจะห้าโมงเย็น  

นท พาทุกคนมาทานอาหารวบสองมื้อเลย    เธอเดินนำทุกคนเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง

พนักงานในร้านพาพวกเธอมาที่โต๊ะเกือบจะด้านในสุดของร้าน   ซิลวี่กับเอกนั่งฝั่งเดียวกัน  ส่วนฝั่งตรงข้ามคือ นท กับเนส  ซึ่งนทนั่งอยู่ด้านในสุดที่ติดกับกระจกบานใหญ่  หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว  การสนทนาในโต๊ะก็เริ่มขึ้น

“นท”   เอกชะโงกหน้ามาถาม

“คะ พี่เอก”

“พี่ว่าเดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จเราไปต่อกันนะ   พี่เลี้ยงเอง”   เอกทำน้ำเสียงอยากเที่ยวสุดๆ

ซิลวี่ได้ยินถึงกับเอ่ยขัด “เฮ้ย..   ไปวันอื่นสิ  วันนี้หนูไปไม่ได้อ่ะ  ต้องกลับหอก่อนอ่ะ  ไปวันอื่นเถอะนะ”

“ต๊าย....หล่อน  นังหนูซิลวี่  แล้วทำไมต้องกลับวันนี้ล่ะจ๊ะ”  เอกพูดพร้อมกับมองค้อนซิลวี่แบบจิกๆ

“โห้...  พี่เอก  หนูไม่ได้กลับมาหลายวันแล้วนะ  พรุ่งนี้แม่บอกจะมาด้วย”

“เฮ้ย...  ซิลวี่ เอางี้  ก็วันนี้พวกพี่ไปกันก่อน  แล้วคราวหน้าไปใหม่  เนาะ”   นทออกความเห็น  

ซิลวี่ทำหน้างอ  แต่ก็ต้องยอม  เนสมองทั้งสามคนเงียบๆ  โดยไม่ออกความเห็น  หลังจากอาหารมาเสริฟ์  ทั้งสี่คนก็ทานอาหาร พร้อมกับยังพูดคุยกัน

“เป็นไงบ้าง เนส”   เอกถามเรื่องราวที่เนสเข้าไปแคส   ชายหนุ่มอธิบายไปเรื่อยๆ แบบไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่  ใจจริงแล้วความตั้งใจทีแรกของเขาคือทำให้มันไม่ผ่าน  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาเปลี่ยนใจ หลังจากเห็นท่าทางของ นท ที่ทำกับแอมป์   ตอนนี้เขารู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก   ขณะที่เขาเล่า  นท ก็คอยตักอาหารให้กับเขา ด้วยท่าทีสนิทสนม   นท เอง หลังจากได้อยู่ ใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ติดกับเธอ  เธอเองก็รู้สึกถึงความมีน้ำใจ  ที่เขาคอยช่วยเหลือเธอตลอดทั้งที่จริงๆเขาจะปฏิเสธก็ได้  และด้วยความที่เขาเป็นคนสุภาพเธอจึงไม่รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่น่าเข้าใกล้   เธอจึงรู้สึกสนิทใจเวลาที่อยู่ใกล้ๆเขา

…................................................................................................

หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว   ซิลวี่ก็แยกตัวออกไป   แต่ก่อนที่เธอจะไป เอกก็ถามว่า  “แล้ววันไหนกลับจ๊ะ”  

“น่าจะเป็นวันศุกร์เลย  พี่เอก”

ซิลวี่ไปแล้ว   เอก นท เนส  ก็เดินกลับมาขึ้นรถ  ก่อนที่จะขึ้นรถ  เนสก็หันมาถามนท

“นท  ไปหาหมอก่อนไม๊”   เขาพูดด้วยความเป็นห่วง หลังจากรู้สาเหตุที่เธอสวมแว่น

“เออ... ใช่”  เอกพูด

“ไม่เป็นไรค่ะ  ไว้ไปพรุ่งนี้ก็ได้”  เธอตอบแบบง่ายๆ

“แต่พี่ว่า  ไปหาก่อนดีกว่าไม๊  แล้วเรื่องฉลองไว้ไปวันอื่น”   เนสออกความเห็นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร จริงๆค่ะ    ยังไงวันนี้ต้องฉลองค่ะ ป่ะ พี่เอก”   เธอพูดพร้อมกับดันหลังเนสเบาๆ ให้ขึ้นรถ  

…..............................................................................................

กว่าจะฝ่าด่านการจราจรใจกลางกรุงเทพฯออกมาได้  ทำให้พวกเขา  มาถึงสถานบันเทิงย่านดังก็ปาเข้าไปเกือบ สองทุ่ม   ซึ่งวันนี้เป็นวันเสาร์จึงทำให้ผู้คนคราคร่ำตั้งแต่หัววัน  ทั้งเด็กวัยรุ่น  นักศึกษาที่อายุถึงบ้างไม่ถึงบ้าง ต่างเดินกันให้วุ่นวายไปตามถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยสถานบันเทิงยามราตรี   เสียงเพลงดังออกมาจากตามร้านต่างๆ  มีทั้งเพลงเร็วเพลงช้าสลับกัน   ไม่เฉพาะเสียงเพลงเท่านั้นที่เปิดแข่งกัน  แสงไฟที่แต่ละร้านบรรจงติดเพื่อให้เป็นไปตามคอนเซ็ปของร้าน  ต่างก็แต่งแข่งกันแบบไม่มีใครออมมือกันเลย  แต่ส่วนใหญ่นอกจากเด็กวัยรุ่นแล้วก็ยังมีวัยพึ่งเริ่มทำงานไปจนถึงวัยเกือบจะเกษียณ  

เอกเดินนำชายหญิงที่เปรียบเสมือนน้องเข้ามาในร้านอาหารสไตล์ กึ่งผับ   ด้านหน้าของตัวร้านเป็นเหมือนตู้ปลาขนาดใหญ่  ที่ติดไฟไว้พอให้มองเห็น   ภายในจัดไว้เป็นสัดส่วน  คือมีเคาน์เตอร์บาร์อยู่ด้านในเกือบติดกำแพง  และทางมุมสุดมีสเตจไม่สูงมากนัก  ที่ขณะนี้มีวงดนตรีแบบร้องสดกำลังเล่นเพลงเบาๆ  กล่อมแขกที่นั่งกันอยู่ตามโต๊ะ  ซึ่งส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะ   พนักงานต้อนรับสาวเข้ามาต้อนรับพร้อมกับพาทั้งสามคนเดินไปนั่งโต๊ะ  นทเดินตามหลังเนสพร้อมกับจับข้อศอกของเนสไว้  ซึ่งเนสเองก็ทำเหมือนรู้หน้าที่เขาเดินช้าๆ  เพื่อให้เธอได้เกาะแขนเขาไว้   พร้อมกับนึกขำเธออยู่ในใจ   ก็ดูเธอสิ  ขนาดใส่แว่นดำมาเที่ยวกลางคืนเธอก็ยังทำ  

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะ  ซึ่งเป็นโซฟาบุนวมครึ่งวงกลมขนาดไม่ใหญ่มาก  นั่งจริงๆ คงไม่น่าจะเกิน 4 คน  เอก เข้าไปนั่งเป็นคนแรก  เนส  จับแขนนท  ดันเบาๆ ให้เธอนั่ง  ต่อจากเอก  ส่วนตัวเขานั่งลงข้างเธอ  เอกสนุกตั้งแต่พึ่งเริ่ม  เขาหันมาสั่งเหล้ากับพนักงานเสิร์ฟ   พร้อมกับหันไปถามเนส ว่าดื่มผสมอะไร  เนสปฏิเสธ   แต่เอกไม่ยอมเขาจึงหันไปสั่งกับเด็กเสิร์ฟเอง  

พนักงานเสิร์ฟชงเครื่องดื่มให้กับทั้งสามคน  เอก  ยกขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยด้วยอาการร่าเริง  

“แก้วนี้ สำหรับเนส”  

นทพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่ม   เธอกับเอก กระดกจนหมดแก้ว  พร้อมกัน   โดยมีเนสจิบไปเพียงนิดเดียว  นทหันมาเจอ  ก็บอกให้เนสดื่มให้หมด  เพราะเป็นแก้วแรก  เนสทำหน้าไม่เข้าใจ  เพราะทั้งบรรยากาศที่มืดสลัว กับเสียงเพลงที่เริ่มจะดังขึ้นทำให้การสนทนาภายในนี้เป็นไปค่อนข้างยาก  นอกจากต้องพูดแข่งกับเสียงเพลงแล้ว  เวลาจะพูดให้ได้ยินถนัดๆ ก็คือการพูดใกล้ๆหูของผู้ฟัง

นทขยับตัวนิดนึงพร้อมกับเอามือป้องปาก  และดึงไหล่เนสลงมา  ในลักษณะ กระซิบข้างหู  

“แก้วแรกต้องดื่มให้หมดค่ะ  ทุกอย่างที่หวังไว้จะได้สำเร็จ”

ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นการตอบรับ  ด้วยความรู้สึกขำปนตลกกับความคิดของเธอ  แต่เขาก็ยอมทำตามที่เธอบอกด้วยการยกแก้วขึ้นมาอีกครั้ง  นทถอดแว่นกันแดดออก   ซึ่งขณะนี้ตาที่บวมของเธอก็เริ่มที่จะดีขึ้นบ้างแล้ว   เธอมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มให้   เนสยิ้มตอบแบบขำขำ  ก็เธอทำเหมือนลุ้นให้เขาดื่มให้หมด  เขายกดื่มรวดเดียวหมด  เธอตบมือให้เขาแล้วก็บอกเขาแบบตลกๆ

“เก่งมากคะ  เย้ๆ”

…..................................................................................................

หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นานร้านอาหารกึ่งผับแห่งนี้ก็เริ่มจะไม่มีที่นั่ง   เพราะเริ่มดึกคนก็ยิ่งมากขึ้น   จากเพลงที่ฟังสบายๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นช่วงดนตรีจังหวะแเดนซ์    ผู้คนที่ยืนบ้างนั่งบ้างต่างโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงด้วยอารมณ์สนุกสนาน  รวมทั้งโต๊ะของพวกเขาด้วย เอกกับนท ทั้งร้องทั้งเต้นแบบเมามันส์  เหมือนกับต้องการปลดปล่อย อะไรบางอย่าง  

นท หันมาดึงมือเนสให้โยกมือไปตามจังหวะเพลงด้วยกัน  ชายหนุ่มปล่อยให้เธอจับมือเขาไว้โดยไม่ฝืน เขาได้แต่ยิ้มกับหัวเราะออกมาบ้างเวลาที่พี่เอกทำท่าหมั่นเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มๆ

ที่เดินผ่านโต๊ะของพวกเขา   จะว่าไปนี่อาจจะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขาเลยก็ว่าได้  

นท หันมาทางเนส  พร้อมกับกระซิบบอกว่าเธอจะไปห้องน้ำ  เนสลุกขึ้นยืน  เพื่อให้เธอออกได้สะดวกขึ้น  แต่พอนทยืนเท่านั้นแหละ  เธอก็ต้องยื่นมือออกไปเกาะเนสไว้ประมาณว่าขอที่ยึด   เนสมองอาการของนท ก็พอจะรู้ว่าเธอเริ่มที่จะเมาแล้ว  เขาจึงอาสาพาเธอเดินไปส่งที่ห้องน้ำ  

นท ยอมแต่โดยดี  เพราะรู้ตัวว่าถ้าเดินไปเองคงต้องเดินไปชนใครแน่ๆ    นทเดินตามหลังเนสด้วยการจับแขนเนส  แต่ชายหนุ่มกลับหันมาจับมือที่เกาะแขนเขาไว้มาเป็นกุมมือเธอไว้แทน  เขาไม่ได้คิดถึงการฉวยโอกาสแต่ที่เขาทำเพราะด้วยความเป็นห่วงเธอมากกว่า เพราะถ้าขืนให้เธอจับแขนเขาไว้  และด้วยจำนวนผู้คนที่เยอะขนาดนี้  เวลาที่ต้องเบียดเธออาจหลุดจากแขนเขาก็ได้  

ชายหนุ่มพาเธอเดินมาจนสุดทาง ซึ่งเป็นมุมด้านในสุดของร้านที่แบ่งออกมาไว้สำหรับเป็นสัดส่วน  สำหรับห้องน้ำ  ซึ่งมีประตูติดกัน สองบาน  แยกระหว่างห้องน้ำชาย กับหญิง  นทเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว  เนสก็เข้าห้องน้ำไปเหมือนกัน    หลังจากเนส ทำธุระเสร็จ  ไม่นาน เขาก็ออกมายืนรอ นทที่มุมๆหนึ่ง  อยู่ห่างจากประตูห้องน้ำหญิงพอประมาณ  สักครู่ นทก็เดินออกมาด้วยอาการแบบว่าพยายามเดินให้ตรงที่สุด  เธอเดินตรงมาทางเขาพร้อมกับยิ้มหวานๆ  พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา  นทก็เหลือบมองไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังจะเดินเข้ามาทางนี้  และเธอก็จำได้ในทันทีก็เพราะเป็นชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้มอยู่นั่นเอง   เธอรีบผวาเข้าไปกอดเนส  พร้อมกับซุกหน้าไปที่หน้าอกของเขา โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว  ชายหนุ่มพยายามดันตัวนทออกเพื่อจะดูว่าเธอเป็นอะไร  

แต่นท กับยิ่งกอดเนสแน่นขึ้นพร้อมกับซุกหน้ากับอกของเขายิ่งขึ้นไปอีก  เธอแทรกตัวเข้าไปหาชายหนุ่มแบบชนิดที่ว่า  ไม่มีช่องว่างเลยทีเดียว  เนสทั้งแปลกใจปนตกใจในเวลาเดียวกัน  แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่ายืนให้เธอกอดอยู่อย่างนั้น   จนกว่าเธอจะยอมปล่อยเอง  ผ่านไปไม่นานนท ก็ผละจากอกของเนสแบบพะว้าพะวัง  เธอค่อยๆมองไปรอบๆ ประมาณว่าเขาไปรึยัง   เมื่อเธอแน่ใจว่าไปแล้วเธอจึงเงยหน้ายิ้มให้กับเนส พร้อมกับชวนเขากลับไปที่โต๊ะ   แต่ไม่รู้ว่าด้วยความบังเอิญหรืออะไร  

“นท  นท”  เสียงตะโกนดังมาจากทางด้านหลังของเธอ  นทหันไปมองก็พบ  จูเนียร์ ยืนส่งยิ้มให้อยู่  พร้อมกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ  จูเนียร์ก็คือคนที่เธอพึ่งคิดว่าหลบเขาพ้นแล้วเชียว

จูเนียร์เดินตรงเข้ามาที่เธอ  เขาทักทายเนส ด้วยการยิ้มให้   แล้วเขาก็ดึงมือนท  ให้เข้ามาร่วมกลุ่ม  นทเดินเซๆนิดหน่อย  โดยเนสเดินตามหลัง  

“ว่าไงนท...เมาแล้วเหรอ”   แอมป์ทักทายนท แบบล้อๆ

นทยิ้มให้แอมป์แบบอายๆ  “แหะแหะ  นิดหน่อยค่ะ  พี่แอมป์”

แอมป์แสดงความยินดีกับเนส

“ยินดีด้วยนะครับ”

“ครับขอบคุณครับ” เนสตอบแอมป์แบบจริงใจ  สองหนุ่มเหมือนจะคุยกันถูกคอ  อาจเป็นเพราะวัยที่เท่ากัน  ก็เลยทำให้เข้ากันได้ง่าย   ไม่นาน เอกก็เดินเข้ามาสบทบ  จากนั้นพวกเขาก็เลยย้ายมารวมกันกับโต๊ะของแอมป์กับจูเนียร์   จูเนียร์กับแอมป์เป็นเพื่อนกันได้เพราะรู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียน  ซึ่งจูเนียร์เป็นน้องรหัสของแอมป์  

…...........................................................................................

ขณะนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว  แขกในร้านกลับไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลงเลยแต่กลับกัน ยิ่งดึกแขกยิ่งมากขึ้น จนตอนนี้ที่จะยืนยังไม่ค่อยจะมี  โต๊ะที่พวกเขานั่งกันอยู่เป็นแบบกลมทรงสูงเก้าอี้ที่ใช้นั่งก็เป็นแบบเดียวกัน  แต่เล็กลงมา  เพราะมุมที่เขานั่งกันอยู่เกือบจะด้านหลังสุด ติดกำแพง  ลักษณะการนั่งของพวกเขาขณะนี้  คือ  ไม่สิ ต้องบอกว่ายืนดีกว่าเพราะไม่มีใครนั่งเลยนอกจากเนส   ทุกคนยืน  ทั้งเต้นทั้งร้องเพลงไปพร้อมกับวงดนตรีกันเป็นที่ครึกครื้น

นท  อาจจะด้วยแอลกอฮอล์เป็นเหตุ ทำให้เธอปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศได้ไม่ยากนัก   เธอร้องเพลงแข่งกันกับเอก และจูเนียร์เป็นที่สนุกสนาน  บางครั้งเพลงช้า  ถ้าไม่แดนซ์เธอก็จะยืนเอาหลังพิงชายหนุ่มที่นั่งอยู่คนเดียว  ในลักษณะหลังเธอพิงกับหน้าอกของเขา  เนสพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองใกล้นทมากเกินไป  แต่ด้วยสถานที่บังคับทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย   จังหวะเดียวกันนี้เพลงดังแห่งยุค กำลังขึ้นอินโทร เพียงแค่นี้เสียงแขกในร้านต่างส่งเสียงกรี๊ดพร้อมกับตบมือด้วยความถูกใจ

• ถ้ามีใครสักคนมองมา

เขาคงนึกว่าเราเป็นคนรักกัน

ด้วยวิธีที่เธอ ทำที่ให้ความสำคัญ

จนฉัน บางทีก็ยังเผลอ

เผลอทุกทีที่เธอมากอด

เผลอว่าเธอสุขใจที่เราได้เจอ

เคลิ้มไปตามที่เธอ ทำ

และเกือบหลงรักเธอ

ดีที่รู้ทัน ว่าเธอไม่ได้คิดอะไร

อย่าทำอย่างนี้ ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

อย่าทำอย่างนี้

เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

ฉันน่ะมันเข้าใจเธออยู่

เพราะว่ารู้จักเธอมาก็เนิ่นนาน

รู้ว่าเธอไม่เคย คิด ไม่มีวันรักกัน

เรามันเพื่อนกัน ก็เลยทำได้แค่เตือน

อย่าทำอย่างนี้ ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

อย่าทำอย่างนี้

เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

อย่าทำอย่างนี้ ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม

ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้ให้ใคร

อย่าทำอย่างนี้

เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย

ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง

ขณะที่เพลงเล่นไปเรื่อยๆ   เสียงผู้คนในร้านต่างร้องไปพร้อมๆกัน  จนแทบจะดังกว่าเสียงนักร้องบนเวทีเลยก็ว่าได้    นท เองก็ไม่พลาดที่จะร้องเพลงนี้ร่วมไปด้วย  แต่เวลาที่เธอร้องเธอก็หันมามองเนส  พร้อมกับเล่นกับเขาแบบสนุกๆ  โดยท่อน  ที่ร้องว่า

  “อย่าทำแบบนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไม๊”   เธอมองหน้าเขายิ้มๆ  ด้วยแววตาแสนซน  เหมือนกับจะล้อๆ เขา  

แม้ในร้านแสงไฟอาจจะไม่สว่างมากนักแต่มันก็ไม่ได้มืดจนมองไม่เห็นเสียทีเดียว  ชายหนุ่มมองเธอกลับพร้อมกับคิดอยู่ในใจ ว่า เขาน่าจะเป็นคนร้องเพลงนี้ให้เธอมากกว่า  ด้วยลักษณะที่เธอหันมาหาเขาทั้งตัวทำให้เหมือนกับว่า  เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา  เพราะเอกที่ยืนอยู่ด้านหน้านท  ถูกเบียดเข้ามาจนทำให้นท  เกือบจะเสียหลัก  เนสจึงต้องกอดเธอไว้ในลักษณะประคอง  แต่กลับไม่ทำให้เธอตกใจเพราะดูแล้วเธอกับเอกก็ยังคงร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน     เนสสังเกตเห็นสายตาของแอมป์ที่ลอบมองมา   แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ

และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องแยกย้าย    เนสกล่าวลาแอมป์หลังจากเขาเดินมาส่งถึงรถ  แอมป์กล่าวลา นท กับเอก และเนส  พร้อมกับถามเนสด้วยความเป็นห่วง

“ไหวนะเนส”  

“ครับ ไหว  หึหึ”  เนสตอบแอมป์พร้อมกับมองสภาพเอก  เนสไม่ได้ดื่มเลยหลังจากแก้วแรกที่นท ให้ดื่ม  เพราะเขารู้ตัวเลยว่าถ้าเขาดื่มอีกคน  วันนี้คงไม่ได้กลับบ้านกันแน่     แอมป์ก็ดูออกว่าเนสไม่ได้เมาเขาจึงเดินจากไป

     

เนสรับกุญแจรถมาจากเอกซึ่งขณะนี้เอกยืนพิงประตูรถด้านหลัง  เพื่อรอให้เนสเปิดประตูรถ  เนสรับกุญแจด้วยมือข้างที่ว่างอยู่เพียงข้างเดียว   เพราะอีกข้างเขาประคอง นท ไว้  ในลักษณะกอดเอวของเธอเอาไว้  และนทเองก็อยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างกอดเอวเนสไว้  ในลักษณะกอดรอบเอวโดยมือประสานกันไว้แบบยึดแน่น เหมือนว่าเขาเป็นเสาหลักให้เธอได้ใช้เป็นที่ยึดเกาะ  

เนสขับรถมาจนถึงบ้าน   โดยที่นทนั่งคู่มาด้วยด้านหน้า    เขาหันไปสะกิดเรียกเอก    เอกลืมตาขึ้นมาด้วยอาการมึนงง  แต่พอเนสบอกว่าถึงบ้านแล้ว  เขาก็เปิดประตูรถทันทีพร้อมกับเดินเข้าบ้านเหมือนคนที่ตกอยู่ในโลกส่วนตัว   เอกเดินแบบเซบ้าง ตรงบ้างตามแบบฉบับของคนเมา  แต่แปลกนะถึงเขาจะเมามากแค่ไหน  แต่เขาก็พาตัวเองเข้าบ้านได้โดยไม่ต้องมีใครช่วย  แล้วดูเหมือนว่าเขาก็ช่วยใครไม่ได้เหมือนกันในเวลานี้  เอกเข้าบ้านมาได้ก็เดินขึ้นห้องตัวเองไปเลยโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว    

เนสสะกิดนท  เริ่มจากเบาจนเกือบเป็นเขย่า  แต่เธอก็ได้แต่พึมพำ แล้วทำท่าว่าจะไม่ลุกเอาเสียเลย  จนเขาถึงกับไม่รู้จะทำยังไงต่อดี  นั่งมองเธอสักพักเขาก็ตัดสินใจ   เนสลงจากรถและเดินอ้อมมาทางด้านที่นทนั่ง  เขาเปิดประตูแล้วก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาในลักษณะอุ้ม  นท ปรือตามองมาที่เขา   แล้วก็ยิ้ม  พร้อมกับเอื้อมมือโอบรอบคอเขาเอาไว้หลวมๆ  พร้อมกันนั้นเธอก็ซบหน้าไปกับอกของเขา  พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้  แทบจะฟังไม่ได้ศัพท์

ชายหนุ่มปิดประตูรถโดยการใช้ขาตัวเองดันเข้าไปและกดสวิตซ์ปิดประตู  ขณะนี้เขาทั้งอุ้มเธอทั้งหอบกระเป๋าสะพายให้เธอ  เขาเดินอุ้มเธอเข้ามาถึงในบ้านก็วางตัวเธอลงที่โซฟาตัวยาว  ชายหนุ่มจับขาเธอให้วางดีๆ บนโซฟา  เขามองหน้าเธอที่ขณะนี้ สีลิปสติกแดงส้มสะท้อนแสงแทบจะไม่หลงเหลืออยู่บนริมฝีปาก   แก้มเธอทั้งสองข้างก็แดงจัดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์มากกว่าที่จะเป็นสีของบรัชออน   เขายืนมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก   และเขาคิดว่าถ้าเธอเป็นเด็กจริงๆ  เขาคงต้องจับเธอมาตีก้นกันบ้างเพื่อเป็นการสั่งสอน   ก็ดูเธอสิ เล่นดื่มเหล้าซะจนเมาแทบจะไม่รู้เรื่อง   เขาได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ    ขณะนั้นเองหญิงสาวที่เขากำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการเธอยังไงดี  เธอก็ขยับตัวนิดนึง  พร้อมกับทำท่าผะอืดผะอม  

เธอเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาทันที  และลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปยังห้องน้ำ    เนสผวาเข้าไปรับเธอทันทีหลังจากเธอลุกขึ้นมาและทำท่าเซเหมือนกับจะล้ม   ชายหนุ่มประคองพาเธอเดินไปที่ห้องน้ำ    แต่ยังไม่ทันถึงห้องน้ำเธอก็เปลี่ยนทิศทางการเดิน  

เธอกลับเลี้ยวเดินขึ้นบันไดทำให้เขาต้องประคองพาเธอขึ้นมาถึงด้านบน  นทเดินตรงมาที่ประตูห้องตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก  เนส งงกับท่าทางของเธอ   แต่เขาก็ไม่พูดอะไร  เพียงแต่พยายามดันตัวเธอให้เดินมาที่ประตูห้องซิลวี่   แต่เมื่อเนสเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู  ปรากฏว่าห้องถูกล็อค   เขาพยายามถามนท ว่ากุญแจห้องอยู่ไหน  แต่สภาพเธอตอนนี้  คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่  เขาจึงตัดสินใจพาเธอมาที่ห้องตัวเอง  พร้อมกับคิดว่า  จะพาเธอเดินไปยังห้องโดยการผ่านประตูห้องน้ำ

“อ้าว...  เฮ้ย!!!!”   เนสอุทานออกมาหลังจากเปิดประตูห้องน้ำด้านที่จะเข้าไปอีกฝั่งที่เป็นห้องนอนของซิลวี่ไม่ได้   เขาพยายามหมุนลูกบิด  พร้อมกับเอามือข้างที่ว่างอยู่ดันประตูออกด้วยความทุลักทุเล   “โอ้ยยย!!!!!แล้วจะทำไงล่ะทีนี้ เฮ้อออ..”  ชายหนุ่มบ่นออกมาขณะที่ก้มมามองตัวปัญหาที่ตอนนี้ เธอยืนพิงเขาอยู่โดยที่เขาต้องช้อนเอวของเธอไว้  เขาทำสีหน้ายุ่งยากพร้อมกับพยายามใช้ความคิด   แต่จังหวะที่เขากำลังคิดอยู่   นท ก็โวยวายออกมา

“เอ้ย!!!ปวดฉี่อ่ะ”  เธอพูดแบบคนเมา  

เนสตกใจหลังจากจับใจความได้  เขาจึงรีบพาเธอเดินมาที่ชักโครก   พร้อมกับบอกเธอด้วยน้ำเสียงตกใจปนกลุ้มใจ

“เดี๋ยวนท!!!!  ไหวนะ”

เธอเงยหน้าขึ้นมาแบบสโลว์และพยายามลืมตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นพร้อมกับตอบเขา

 “หวายค่า  หึหึ”

เนสรีบเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่ลืมที่จะดึงประตูมาปิด   เขายืนเอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะไว้  ขณะยืนรอเธอ   ชายหนุ่มกำลังใช้ความคิดอยู่ ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังมาจากภายในห้องน้ำ

“พลั๊ก!!!!!”  และตามด้วยเสียงคนร้อง “โอ๊ย!!!!”

เนสด้วยความตกใจเขารีบเปิดประตูเข้าไปทันที     ภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาขณะนี้  คือสาวน้อยเจ้าปัญหา  เธอนั่งพับเพียบอยู่ในอ่างอาบน้ำ  ตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตั้งแต่ศีรษะเรื่อยลงมาตลอดทั้งตัวทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้า  

เนสก้าวเท้ายาวๆ อย่างรีบร้อนเข้ามาจนถึงอ่างอาบน้ำ   ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำฝักบัวที่ขณะนี้มันกำลังส่ายไปมาด้วยแรงของน้ำ  พร้อมกับฉีดกระจายไปทั่ว   หลังจากปิดก๊อกน้ำแล้ว  เขาก็หันมาถามสาวน้อยตัวปัญหา  ด้วยน้ำเสียงร้อนรนปนเป็นห่วง

“เป็นไงบ้าง นท  เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

เธอส่ายหน้าช้าๆ  พร้อมกับพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ปนอ้อน  “นท  ปวดหัว”

“แล้วลุกไหวรึเปล่า”  เขามองเธอพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

เธอก้มหน้าพร้อมกับส่ายไปมาช้าๆ  เป็นคำตอบ

“งั้น....  พี่อุ้มนะ” เขาพูดช้าๆแบบระวังคำ

เธอนิ่งไปนิดนึงก่อนจะพยักหน้า

ชายหนุ่มที่ขณะนี้ตัวเขาก็เปียกอยู่พอสมควรจากฝักบัวที่เธอเปิดไว้เมื่อครู่   เขาค่อยๆก้มตัวลงมาพร้อมกับใช้แขนที่แข็งแรงของเขา ช้อนตัวเธอขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง  เขาอุ้มเธอมาวางบนเตียง  หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่มาเช็ดผมให้กับเธอ  หลังจากโดนน้ำเย็นมาบ้างทำให้นท  พอที่จะเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมานิดนึง  แต่ก็ยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้   เธอจึงต้องปล่อยให้เขาดูแลเธอ  เนสลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเขาเองมาให้กับนท   หลังจากเขารู้จากเธอว่ากุญแจห้องอยู่กับซิลวี่   เขาส่งเสื้อยืดกับกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวใหม่ให้กับเธอ  พร้อมกับบอกเธอว่า

“ไหวนะ”

เธอยื่นมือที่แทบจะยกไม่ขึ้นมารับเสื้อผ้าจากเขาพร้อมกับตอบ  “ค่ะ”

แล้วชายหนุ่มก็บอกกับเธอว่า  เขาจะขอเข้าไปอาบน้ำก่อน  เสร็จแล้วก็จะลงไปนอนที่ห้องรับแขกด้านล่าง   เธอไม่ตอบว่าอะไร   เขาจึงเดินมาหยิบเสื้อผ้าชุดใส่นอน แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก  เนสก็ส่งเสียงออกมาก่อน

“นทครับ   พี่จะออกไปแล้วนะครับ”   พูดจบก็รอฟังคำตอบจากเธออยู่   แต่เรียกไปสองสามครั้งก็ไม่มีเสียงตอบกลับ   เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูออกมา

ชายหนุ่มเดินมาจนถึงเตียงนอนที่ขณะนี้   สาวน้อยเจ้าปัญหาเธอคงจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว  เพราะว่าดูจากสภาพเธอที่เปลี่ยนแต่กางเกง แต่เสื้อยังคงสวมตัวเดิมอยู่  เขาเรียกเธออยู่พักนึงเธอก็ไม่มีการตอบรับ เขาจึงตัดสินใจเดินไปปิดไฟพร้อมกับมานั่งลงที่ข้างๆเตียงและจัดการเปลี่ยนเสื้อให้กับเธอด้วยความระมัดระวัง   หลังจากเขาเปลี่ยนชุดให้กับเธอแล้ว  เขาก็เดินไปเปิดไฟและจับตัวเธอให้นอนในท่าที่สบายๆ  เนสเอื้อมมือไปลูบผมเธอเบาๆ  ก่อนที่จะห่มผ้าให้กับเธอ  เขาเก็บเสื้อผ้าเปียกของเธอลงตะกร้า  และมองไปรอบๆเพื่อตรวจดูทุกอย่างให้เรียบร้อย  เช่น แอร์ส่องมาที่เธอมากไปไม๊  

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ก่อนที่จะออกจากห้องไป

เขาก็ก้มหน้ามามองเธอนิดนึงพร้อมกับยิ้มบางๆ ที่มุมปากและสายตาที่อ่อนโยน

ก็เป็นคนธรรมดา ไม่พิเศษ

ก็เป็นคนที่เดินดิน อย่างคนทั่วไป

ไม่ได้ดี เกินกว่าคนไหน

มีแค่ใจดวงเดียวให้เธอ

ก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่งไม่เลิศเลอ

แค่บังเอิญมาเจอเธอ แต่ไม่รู้ทำไม

ยิ่งใกล้กัน ก็ยิ่งหวั่นไหว

อยากค้นใจเธอดูสักครั้ง

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร

หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม

ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ

ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน

จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี

หากว่าเธอยังลังเลไม่แน่ใจ

ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ให้ตัวฉันได้พิสูจน์

ว่ารักเธอ มากสักแค่ไหน

โปรดไว้ใจฉันดูสักครั้ง

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร

หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม

ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ

ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน

จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม

ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ

ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน

จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม

ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ

ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน

จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี

“โอยยย...ไม่น่าเลยฉัน  เฮ้ออ...”   เอกบ่นขณะเดินลงมาจากด้านบน  เขาเอามือบีบขมับตัวเองเหมือนต้องการจะกระตุ้นให้มันกลับมาเป็นปรกติ พอเอกเดินลงมาจนถึงด้านล่าง  เขาก็เอ่ยทักเนสซึ่งขณะนี้ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โซฟายาว  “อ้าว...”  เอกถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจปนสงสัยเพราะทั้งลักษณะการแต่งตัวและสภาพเขา

เหมือนกับคนพึ่งตื่นนอน  เอกมองไปยังผ้าห่มผืนบางกับหมอนหนุนที่วางอยู่   เนสเห็นสายตาที่มีคำถามของเอก  เขาจึงอธิบายให้เอกฟัง

“เอ้า....แล้วทำไมไม่เรียกพี่ล่ะ”   เอกพูดพร้อมกับเดินมานั่งลงที่เก้าอี้เดี่ยวข้างเขา   และยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา

เนสมองอาการกับการแต่งตัวของเขาเหมือนกับกำลังจะออกไปไหนด้วยความสงสัย  เขาจึงเอ่ยถามเอก

“พี่เอกจะออกไปข้างนอกเหรอครับ”

“อือ ใช่  เฮ้อ.....”  เขาถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งก่อนจะพูดต่อ                        “ก็นังโมสน่ะสิอยู่ดีดี  ก็ดั๊นโทรมาตามแต่เช้า  ชวนพี่ไปดูดวงอ่ะ  หึหึ......แต่พี่ก็อยากด้วยแหละ.....มันบอกจะมารับ   จะแปดโมงแล้วเดี๋ยวคงมา”

เอกพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในครัว  แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงครัวเขาก็หันมาที่เนส  พร้อมกับบอกให้เนสขึ้นไปใช้ห้องน้ำในห้องของเขาก่อน  ระหว่างรอนท  ส่วนเรื่องกุญแจห้อง   เดี๋ยวกลับมาเขาจะหากุญแจสำรองให้   เนสเก็บเครื่องนอนและเดินขึ้นข้างบนไป    สักพักก็มีเสียงรถมาบีบแตรอยู่หน้าบ้าน   ซึ่งก็หมายความว่า เอกคงจะไปแล้ว   ชายหนุ่มหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ   เขาก็เดินลงมาข้างล่างด้วยชุดนอนขายาวกับเสื้อยืดสีเทาชุดเดิม   เนสเปิดแลปท็อปส่วนตัวที่สามารถเล่นเน็ตได้  

ชายหนุ่มเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มสำหรับแก้อาการแฮงค์   พอเจอข้อมูลที่เขาต้องการ  ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบของในตู้เย็นออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือปรุงมัน  เขาทำน้ำสตอร์เบอร์รี่ปั่นโดยผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวลงไปอย่างละนิด     เขานำทุกอย่างที่เตรียมไว้ลงไปปั่นในโถเครื่องปั่นอัตโนมัติ  หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเขาก็เทใส่ขวดแก้วปิดฝาและนำเข้าไปแช่ในตู้เย็น  

เวลาผ่านไปจนเกือบจะสิบโมงเช้า  

เนส ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารภายในครัว  โดยตรงหน้าเขาเป็นแลปท็อปที่เปิดอยู่  เพื่อให้เจ้าของได้ใช้งาน  ส่วนด้านขวามือของเขาก็เป็นทั้งสมุดและหนังสือ    เกี่ยวกับกฏหมายวางกองอยู่เป็นตั้ง  

ชายหนุ่มตั้งใจกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า    จนไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามา  

หญิงสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ภายในบ้าน  เธอเดินลงบันไดมา  และเดินต่อมาเรื่อยๆ  จนถึงประตูช่องว่างที่เป็นทางเชื่อมระหว่างห้องรับแขกกับห้องครัว   นทหยุดอยู่ที่ช่องว่างนั้นพร้อมกับมองตรงไป   เธอเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขาเธอก็รู้ว่าเป็นใคร   ถึงแม้ว่าเมื่อคืนเธอจะเมามากสักแค่ไหน  แต่ขอบอกว่าความจำเป็นส่วนที่ดีที่สุดในตัวเธอเลยก็ว่าได้   แม้ว่ามันจะเลือนๆไปบ้างและอาจจะจำไม่ได้ทั้งหมด  แต่เธอก็ไม่มีทางที่จะลืมว่าเขาทำอะไรให้เธอบ้าง   เพียงแต่ในขณะนั้นเธอไม่มีแรงที่จะดูแลตัวเองก็เท่านั้น   เธอคิดได้ดังนี้   ก็สะบัดหน้าไปมา  เหมือนกับต้องการไล่บางสิ่งบางอย่างออกไป   และเธอก็ต้องแปลกใจกับตัวเองว่าเธออยากจะไล่อะไรออกไป  

เนสหันกลับมามองทางด้านหลัง    หลังจากรู้สึกว่าเหมือนมีคนยืนอยู่   และก็จริงตามที่เขาคิด   เนสส่งยิ้มมาให้นท

“แหะแหะ”   เธอเดินเอามือเกาหัวที่ยุ่งเหยิงของเธอ   และเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา

“เป็นไงบ้าง”   ชายหนุ่มถามพร้อมกับมองเธอแบบยิ้มๆ  ความจริงเขาไม่น่าต้องถามเธอเลยเพราะดูจากหน้าตาที่บวมๆ  อึนๆ  แถมสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงและที่สำคัญเธอยังใส่ชุดของเขาอยู่เลย   เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงบ๊อกเซอร์   ในสายตาของเขา  เขาว่าชุดที่เธอใส่ขณะนี้ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สวยอะไรเลย  แต่เขากลับมองว่าเธอน่ารักกว่าแต่งตัวเปรี้ยวๆแบบเมื่อวานเป็นไหนๆ   นทมองชายหนุ่มแบบอายๆ  พร้อมกับตอบเขาด้วยรอยยิ้มแก้เก้อ   “แหะๆ  ก็ดีขึ้นมาบ้าง ......แต่ยังไม่ถึงกับปรกติ หึหึ”

เนสลุกขึ้นเดินตรงไปที่ตู้เย็น  เธอมองตามเขาไปและเห็นว่าเขากำลังหยิบขวดอะไรบางอย่างออกมา   มันเป็นขวดแก้วใสๆที่บรรจุของเหลวๆสีแดงสด    เขาหยิบมันติดมือมาพร้อมกับหยิบแก้วเปล่ามาด้วย    พอมาถึงเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม  และเทมันใส่แก้วแล้วยื่นให้กับเธอ   นทมองตามเขาทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนเขายื่นมันให้กับเธอ   เธอรับมันมาพร้อมกับมองเขาแบบสงสัย

เขามองเธอยิ้มๆ  พร้อมกับเอ่ย  “ลองดูสิ  หึๆ  มันแก้แฮงค์นะ”  เขาบอกเธอเสร็จแต่ก็ยังไม่ยอมหันไปทางอื่น   เหมือนกับจะรอดูว่าเธอจะกินมันมั๊ย

เธออมยิ้มแบบเด็กๆ มองมาที่เขาพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่ม   พอแก้วแตะที่ปากเธอก็ดื่มเหมือนกับจิบๆแบบลองชิม  เขามองเธอท่าทางลุ้นๆ  หลังจากพอเธอจิบไปหน่อยพอรู้รสชาติเธอก็ดื่มต่อเลยแบบจริงจัง  จนเขาเผลอยิ้มออกมา  

ขณะยกแก้วขึ้นดื่มนทก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองเริ่มจะรู้สึกแปลกๆกับสายตาของเขา

ที่มองมายังเธอ  ก็ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้น่ะสิ  เขาไม่เหมือนกับชายหนุ่มที่เธอเห็นในครั้งแรกที่เจอกัน   ถึงแม้ว่าเธออาจจะรู้จักเขาได้ไม่นาน  แต่เพราะความที่อยู่บ้านเดียวกัน  นอนห้องนอนติดกัน  และอะไรอีกหลายๆอย่างที่เขาทำ  เธอบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เซ่อซ่า  หรือเชยแต่อย่างใด  เพราะทุกอย่างที่เขาใช้มัน   ส่วนใหญ่เพราะความที่เขาเป็นคนไม่ยึดติด

กับข้าวของเครื่องใช้  อะไรที่ใช้ได้เขาก็จะใช้โดยไม่ยอมทิ้ง   และถ้าอันไหนที่จะต้องซื้อจริงๆ  เขาก็จะเลือกแบบที่ทนทานและตรงกับการใช้งานมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก  ถึงแม้ว่าของชิ้นนั้นมันจะมีราคาสูงเขาก็ซื้อมัน   ทำไมเธอถึงรู้เหรอ  ก็ทั้งแลปท็อปเอย  ปากกาเอย  ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เขาใช้อยู่ทำไมเธอจะดูไม่รู้ล่ะ  ว่าของแต่ละอย่างมันราคาประมาณไหน

เธอดื่มมันจนหมดแก้ว  แล้วก็วางแก้วลงที่โต๊ะ  พร้อมกับเอ่ย   “หือ....อร่อยจัง  พี่เนสทำเองเหรอคะ”

“หึหึ  ทำเองครับ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของสูตรเองหรอกนะ”   เขาพูดตอบเธอด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะเบาๆ

“ขอบคุณนะคะ”   เธอมองเขาตรงๆพร้อมกับส่งยิ้มแบบจริงใจ

“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มให้เธอพร้อมกับตอบ  แล้วก็ถามเธอต่อเลย  “แล้ว นทหิวรึยัง ครับ”

เธอส่ายหน้านิดๆพร้อมกับตอบเขา  “ยังเลยค่ะ   หิวแต่น้ำ”  พูดจบเธอก็ถามเขากลับ

“แล้วพี่เนสล่ะคะ   กินอะไรรึยัง”

“กินไปบ้างแล้วครับ”

เธอทำหน้าเป็นการรับรู้  จากนั้นเธอก็ถามถึงพี่เอก   เขาจึงบอกกับเธอไปว่า พี่เอกออกไปกับพี่โมสเมื่อเช้า  

…...................................................................................................

ขณะเดียวกัน

“ต๊าย....นังโมส  แกพาฉันมาที่ไหนยะ!!!!!

เอกโวยวายหลังจากตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังเดินทางเข้ามาในสถานที่

ที่เหมือนกับว่ามันจะเป็นป่างั้นแหละ   รถแวนสีดำขนาดใหญ่โยกไปโยกมาด้วยเพราะเส้นทางที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ  โมสซึ่งนั่งคู่มากับเอกตอนหลังของรถ  ก็หันมามองเพื่อนแบบเอือมระอา พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้และท่าทางจีบปากจีบคอ  

“อะไรของหล่อนยะ  นังเอก!!!!...ตื่นมาก็โวยวายเลยนะ   ทีหล่อนแวะอ้วกกลางทางฉันยังไม่บ่นเลย   ชริ!!”

“ต๊าย!!!!ที่นี่มันที่ไหนเนี่ยยย!!!”  เอกบ่นต่อโดยไม่สนใจฟังเสียงโมส  เขาเอาหน้าตัวเองไปติดกับกระจกรถพร้อมกับมองเส้นทางที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆอยู่เต็มทั้งสองข้างทาง  โดยเส้นทางที่รถวิ่งมันแคบมากจนรถไม่สามารถสวนกันได้  เอกมองซ้ายมองขวา  มองหลังและสุดท้ายเอกยื่นหน้ามาที่คนขับรถของโมส พร้อมกับร้องโวย

“ฉันอยากกลับบ้าน    ใคร...ใครแนะนำหล่อนห๊ะ  นังโมส  นี่เรายังอยู่ในเมืองไช่ไม๊!!!หึ๊!!”   ประโยคสุดท้ายเขาหันมาหาโมส

โมสทำหน้าจริงจังพร้อมกับมองเอกและทำท่ายักไหล่  พร้อมกับตอบเอก   “เอาเถอะน่า  หล่อนเชื่อฉัน  ที่เนี่ย  แม่นอย่าบอกใคร  ไกลหน่อย   ไม่อยากลองรึไง!!”

พอเอกเจอเหตุผลของโมสเพื่อนสนิทเข้าไปเลือดแห่งการอยากรู้อนาคตก็สูบฉีดขึ้นมาในบัดดล  เอกมองจ้องเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่แน่วแน่  พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง  “แม่นแน่นะ”

โมสส่งยิ้มแบบจิกๆมาให้เอกพร้อมกับตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน  “แม่นแน่แน่”

แล้วสองสาวเทียมที่เป็นเพื่อนรักกัน  ก็หันหน้าไปมองที่ถนนด้วยสายตาที่มุ่งมั่นฉายแววอยากรู้อยากเห็น

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

*****ตอนที่  3*****(ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)

หลังจากดื่มน้ำสตอร์เบอร์รี่ที่เนสทำให้  กับกินอะไรรองท้องนิดหน่อย   นทก็เดินมานอนเล่นที่โซฟาตัวยาว  แต่คงไม่นอนเล่นธรรมดา  เพราะเธอเล่นหลับลึกแบบจริงจังเลยก็ว่าได้   ส่วนเนสก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม   จนเวลาล่วงเลยมาเกือบจะสี่โมงเย็น  ชายหนุ่มบิดตัวไปมาเหมือนกับต้องการไล่ความเมื่อยออกไปจากตัว   แล้วเขาก็นึกถึงเธอขึ้นมา  เนสลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินมาที่ห้องรับแขกที่ขณะนี้ นทนอนหลับอยู่   ชายหนุ่มมองเธอยิ้มๆ  แต่ก็ไม่ได้ปลุก  เขาปล่อยให้เธอนอน   โดยตัวเองกลับไปเก็บของที่วางอยู่บนโต๊ะ  เสร็จแล้วเขาก็เดินขึ้นบ้านไปเพื่อทำธุระส่วนตัว

ชายหนุ่มลงมาอีกทีด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่  เนสเดินมาที่โซฟาพร้อมกับเอื้อมมือไปสะกิด นทเบาๆเป็นการปลุก   นทลืมตาขึ้นมาพอรู้ว่าเป็นเขาเธอก็ยิ้มแบบเขินๆ  หลังจากปลุกเธอแล้วเขาก็แนะนำให้เธอไปอาบน้ำ  และถามเธอว่าหิวรึยัง   เธอพยักหน้าตอบเขา   เขาจึงบอกกับเธอว่าเขาจะออกไปซื้อของมาทาน  เพราะในตู้เย็นรู้สึกว่าของจะไม่มีแล้ว  เธอจึงออกความเห็นให้เขารอเธอก่อน  เพราะว่าจะได้ไปด้วยกัน  เขาตอบตกลง  เธอจึงรีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว   เขานั่งรอเธออยู่ไม่นาน   นทก็เดินลงมาด้วยใบหน้าที่สดใส วันนี้เธอสวมชุดที่ดูเป็นแบบสบายๆ  เธอมองเขาพร้อมกับออกตัวว่า  

เสื้อผ้าขนไปไว้ห้องซิลวี่เกือบหมด  เลยเหลือแต่ตัวที่ใส่สมัยเป็นนักศึกษา   เขามองเธอยิ้มๆโดยไม่ตอบอะไร  

หลังจากนั้นเขากับเธอก็เดินออกมาที่ที่จอดรถ   เธอส่งกุญแจรถให้กับเขา  ชายหนุ่มรับมันมาและทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับเธอ

วันนี้เป็นวันอาทิตย์  ตามห้างต่างๆจึงคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก   ที่ออกมาเดินจับจ่ายซื้อของ   บางครอบครัวก็พากันมาเดินเล่นและทานอาหาร

ตามร้านอาหารส่วนใหญ่จึงมีผู้คนมารอคิว   ซึ่งเหมือนกันกับเธอและเนส  นทเดินเข้าไปลงชื่อไว้   และเดินกลับมายืนรออยู่ใกล้ๆกับเขา   ซึ่งเธอแอบสังเกตว่า  สาวๆที่ยืนอยู่ทั้งในบริเวณนี้  และที่เดินผ่านต่างก็ส่งสายตาชำเลืองมองมาที่เธอกับเขายืนอยู่  เธอแปลกใจนิดๆกับปฏิกิริยาที่สาวๆ พวกนั้นทำ  แต่พอเธอมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ  ก็ทำให้เธอแน่ใจ   ว่าผู้คนพวกนั้นที่มองมาเขามองอะไรกัน   ก็พ่อหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้เธอในเวลานี้น่ะสิ  ด้วยทั้งหุ่นที่สูงสมาร์ท  กับผิวพรรณที่ขาวเนียนกว่าผู้หญิงบางคน  เธอคิดในใจว่า  นี่ขนาดเขาแต่งตัวธรรมดานะ  แค่เสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงยีนส์ธรรมดา   พวกเธอยังสนใจกันขนาดนี้  แล้วถ้าเห็นเขาแต่งตัวเต็มยศ   เธอคิดได้แค่นั้น  ก็เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ   จนชายหนุ่มเอ่ยถาม

“ขำอะไรครับ”

“แหะๆ  เปล่าหรอกค่ะ......อือ  คนเยอะจัง”   เธอทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องคุย

ชายหนุ่มมองไปรอบๆ   และหันมาถามเธอ   “หรือเราจะ  ซื้ออะไรกลับไปทำกินที่บ้าน”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรค่ะ   คงอีกไม่นานแล้วล่ะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ....     เสียงพนักงานต้อนรับก็เรียกชื่อของเธอ

นท  ดึงแขนชายหนุ่มให้เดินตามเธอ    โดยมีสายตาหลายคู่มองมาแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับเองก็แอบชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยเหมือนกัน   เธอแอบคิดอยู่ในใจว่า  นี่ขนาดเธอไม่ได้เป็นแฟนของเขานะ  เธอยังแอบรู้สึกหวงเขายังไงก็ไม่รู้  นี่ถ้าใครมาเป็นแฟนกับเขาจริงๆ  แล้วมีหญิงอื่นมาเข้าใกล้เขา  จะเป็นยังไงนะ   เธอคิดได้เท่านั้น  ก็ต้องหยุดคิดต่อ เพราะพนักงานพาเธอกับเขามาส่งถึงโต๊ะแล้ว   วันนี้เธอเลือกร้านอาหารชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องสุกี้    เขากับเธอรับเมนูอาหารมา  และสั่งอาหาร   ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเมนู  พร้อมกับส่งคืนให้พนักงาน   ทำให้เธอสงสัยพร้อมกับยื่นหน้ามาถามเขา

“ไม่ชอบทานเหรอคะ”  เธอถามน้ำเสียงเป็นกังวล

เนสมองเธอยิ้มๆ  พร้อมกับตอบคำถามเธอแบบทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงล้อๆ  

“เปล่าครับ  พี่เห็นนทสั่งแล้ว  ก็เลยไม่สั่ง   เพราะดูแล้วเราคงต้องใส่ถุงกลับบ้านแน่เลย หึหึ”

เธอยิ้มให้เขาแบบเขินๆ  ใช่..  ก็เธอเล่นสั่งไม่หยุดเลย  เหมือนกับว่าหิวโซมาจากไหน  พอเธอรู้ตัวเธอก็ส่งเมนูกลับไปให้พนักงาน  พร้อมกับบอก   “เท่านี้ก่อนค่ะ  หึหึ”  

พนักงานหญิงทวนรายการอาหารเสร็จก็เดินจากไป  แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มมาที่ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเธอ  และเขาก็ยิ้มตอบเธอด้วยเช่นกัน   นทแปลกใจตัวเองว่าทำไมเธอถึงรู้สึกหมั่นไส้เขาตะหงิดๆ   เพียงแค่เขาส่งยิ้มให้กับคนอื่น

หลังจากทานสุกี้เสร็จแล้ว  นทก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ   โดยชายหนุ่มบอกกับเธอว่าเขาจะรออยู่ที่ด้านนอก  

นท  เดินเข้ามาในห้องน้ำเมื่อเธอทำธุระเสร็จ   เธอก็เดินออกมาล้างมือที่อ่าง   และขณะนั้นเองก็มีสาวๆ สี่ห้าคนเดินเข้ามาพร้อมกับพูดคุยกัน  

“หล่ออ่ะ  อ๊ายยยยยยย”   เสียงผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มส่งเสียงตื่นเต้นออกมา

“เท่ห์ด้วยเนอะ....ฉันเห็นก่อนฉันจอง”  สาวคนที่สองเอ่ยออกมาแบบตลกๆ

จนทำให้เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มต่างส่งเสียงแข่งกันประมาณว่าของฉันๆๆ  ฉันเห็นก่อนเธอ

นทฟังแบบไม่ต้องแอบฟังก็พอจะรู้คร่าวๆ  ว่าเธอพวกนี้คงไปเห็นใครมา  แต่เธอก็ไม่ทันนึกว่าเป็นใคร   จนเธอได้ยินประโยคหลังว่า

“มายืนรอใครไม่รู้อ่ะ   แกไปดูสิว่าใคร  หรือมายืนอยู่เฉยๆ”   สาวๆ ผลักเพื่อนที่ดูจะกล้าที่สุดออกไปเพื่อสืบ

นทแน่ใจแล้วว่า...  หนุ่มที่พวกเธอกำลังกรี๊ดกร๊าดกันอยู่จะเป็นใครไปไม่ได้  นอกจาก  ชายหนุ่มที่มากับเธอนั่นเอง   และเธอก็อยากจะหันไปบอกกับบรรดาสาวๆ  พวกนั้นว่า   “เหอะๆๆ  เขามายืนรอฉันนี่แหละย่ะ”   แต่เธอก็ทำได้แต่คิดเท่านั้น

นทเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินตรงมาที่เขา   เธอพูดกับเขาอยู่สองสามคำ  เขาก็เดินตามเธอมาจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต

ชายหนุ่มเดินไปลากรถเข็นออกมาและเดินตามเธอ   โดยเธอทำหน้าที่เลือกซื้อของ  ระหว่างทางที่เดิน  เธอหยิบนู่นนี่อยู่ตลอดโดยไม่มองหรือสำรวจดูสิ่งของเลย   เขาจึงมีหน้าที่สแกนดูอีกครั้งที่เธอวางมันลงในรถ   พอเธอวางเขาก็หยิบขึ้นมาดู  พอเขาเห็นว่า  วันที่เริ่มจะหมดอายุ  เขาก็จะบอกเธอ  และเธอก็จะเชื่อเขา   หลังจากนั้น  เธอก็กลายเป็นคนเข็นรถโดยเขาเป็นคนเลือกสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของสด ที่เอาไว้ปรุงอาหาร   เธอมองเขาแบบไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีผู้ชายแบบนี้หลงเหลืออยู่อีกเหรอ  เพราะดูเขาจะเป็นคนละเอียดรอบคอบ   และที่สำคัญเขาดูดีมากเวลาที่เขาตั้งใจทำอะไร  ทั้งสีหน้าและแววตาที่ดูมุ่งมั่น   จนเธอเองก็อดที่จะแอบเพ้อไม่ได้   ใช่แล้วไม่ใช่เธอคนเดียวที่ดูจะเพ้อ  แต่เธอเริ่มสังเกตรอบๆตัว  มีบางคนกำลังแอบถ่ายรูปเขาอยู่  ซึ่งดูแล้วน่าจะอยากถ่ายเขาคนเดียว  เพราะอะไรเธอถึงรู้น่ะเหรอ  ก็เพราะว่า  เขาเดินนำหน้าเธอไปได้หน่อย   สาวๆพวกนั้นก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งท่ากันเลยทีเดียว   และจะด้วยอะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เธอทำสิ่งนี้

เธอเข็นรถไปให้ทันเขาพร้อมกับทำตัวสนิทสนม  คุ้นเคยด้วยอาการที่ใครมองมาต่างก็ต้องเข้าใจว่า  เขากับเธอเป็นอะไรกัน  เธอพยายามทั้งเกาะแขนเขา  หยิบนู่นนี่ให้เขาดูพร้อมกับถามว่าอันไหนดีกว่ากัน  เขาก็เป็นคนอธิบายให้เธอฟังพร้อมกับแนะนำเธอไปในตัว   และทุกครั้งที่เธอทำเสร็จ    เธอก็จะชำเลืองมองมาทางสาวๆ พวกนั้น  

ประมาณว่า  นี่คนของฉันย่ะ  หึหึ

หลังจากซื้อของกันเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว   เขาก็ขอเธอมายังร้านหนังสือ   เธอเดินตามเขามา   แล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปตามมุมหนังสือที่ตัวเองชอบ

นทเดินดูไปเรื่อยๆ  โดยไม่มีจุดหมาย    เธอเดินกลับมาที่เขาซึ่งขณะนี้เขาไม่ได้ยืนอยู่ลำพัง   เธอหลบนิดนึงพร้อมกับค่อยๆ  เดินเข้ามาอีกซอกหนึ่งที่มีแค่ชั้นหนังสือกั้นไว้ระหว่างเธอกับเขา  เธอหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง  และทำท่ายกมันขึ้นมาดู   แต่เธอไม่ได้หยิบมันขึ้นมาอ่าน     จุดประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการเอามันมาบังไว้ เพื่อแอบฟังการสนทนาของเขากับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

นทพยายามที่จะเงี่ยหูฟัง   ซึ่งก็ได้ผลพอสมควรแค่ไม่ถึงกับดีมาก  เพราะเธอรู้สึกจะได้ยินแต่เสียงหัวเราะเท่านั้นที่มันชัดเจน  เธอยืนอยู่ได้ไม่ถึงห้านาที  ก็รู้สึกประหลาดใจกับตัวเองที่ทำอะไรแปลกๆ  เธอลดหนังสือที่บังหน้าเอาไว้ลง  และก็ต้องตกใจปนกับสงสัยเพราะสายตาของชายหนุ่มที่เดินผ่านมา พวกเขามองเธอแปลกๆ  และสิ่งที่ทำให้หายสงสัยก็คือหนังสือ  PLAY  BOY  ที่มีสาวสวยกึ่งเปลือยโพสท่าเซ็กซี่สุดๆ อยู่บนปกหนังสือที่เธอหยิบมันขึ้นมาบังหน้า  เธอทำหน้านิ่งๆ และทำเป็นไม่สนใจกับสายตาพวกนั้น   เธอวางมันลง   และเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่มากับเธอ

“วันไหน  พี่เนสจะไปมหาลัยคะ”  เสียงสาวที่ยืนคุยอยู่กับเขาเอ่ยขึ้น

“อือ...น่าจะอีกสองสามวันครับ    จูนมีอะไรรึเปล่า”  เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“เปล่าหรอกค่ะ  หึหึ  แค่อยากรู้เผื่อจะได้เจอกัน”  

หญิงสาวพูดพร้อมกับมองสำรวจรูปลักษณ์ใหม่ของชายหนุ่มแบบพึงพอใจและชื่นชม

 ความจริงจะว่าไปแล้ว  จูนแอบชื่นชมเขาตั้งแต่เจอกันที่วัด  ที่เธอไปทำบุญกับญาติๆ  ที่เยอรมัน  ตอนนั้นเธอยังแค่รู้สึกชื่นชมเขา ที่เป็นผู้ชายสุภาพ  และอ่อนโยน  แต่ตอนนี้เธอเริ่มคิดว่า  เธอน่าจะเปลี่ยนจากชื่นชมธรรมดามาเป็นอย่างอื่นแทน  หลังจากที่พบเขาใหม่ในวันนี้   แต่ก่อนที่ทั้งสองจะคุยอะไรกันต่อ  นท ก็เดินเข้ามา

“พี่เนส”   เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน   จนผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ถึงกับหันมามอง  พร้อมกับทำหน้าสงสัย

“อ้าว...นท”  เนสหันมาทางเธอ “นท  เรียบร้อยแล้วเหรอ”

“ค่ะ  แล้วพี่เนสละคะ”  เธอตอบเขาด้วยรอยยิ้มหวาน  หลังจากส่งยิ้มให้เนส แล้วเธอก็หันมามอง หญิงสาวอีกคนที่ยืนมองเธออยู่ด้วยใบหน้าที่มีคำถาม   เนสหันไปมองตามเธอ  พร้อมกับกล่าวแนะนำ

“นี่จูน  แล้วนี่ นท”   ชายหนุ่มแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน

นท มองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับประเมินอยู่ในใจ   หน้าตาหมวยๆ ตัวเลกๆ  การแต่งตัวแบบนี้น่าจะอายุไม่น่าจะเกินไปจากซิลวี่เท่าไหร่  จูนเหมือนสาววัยรุ่นทั่วๆไป  ซึ่งก็ถือว่าดูดีอยู่ในระดับหนึ่ง

จูนเองก็  ดูจะประเมินนท อยู่ด้วยเช่นกัน

นท ยิ้มทักทาย  “สวัสดีค่ะ จูน”

“ค่ะ  พี่   นท”   จูนย้ำคำว่าพี่จนนทรู้สึกได้

นทมองจูนแบบกำลังใช้ความคิดประมวลเหตุการ์ณว่าเธอควรทำอย่างไรต่อดี  เพราะเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันทำไมจะดู    จูนไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรกับเนสมากกว่าคนรู้จักธรรมดา  จูนเองหลังจากทักนทเสร็จ  เธอก็หันไปหาเนส พร้อมกับชวนเนสคุยโดยไม่สนใจ  นทอีก  นทยืนเหมือนกับเป็นส่วนเกิน  แต่  คนอย่างเธอเนี่ยนะ ที่จะยอมเป็นส่วนเกินของใคร  เธอสะกิดแขนเนส   พร้อมกับพูดกับเขา

“พี่เนสเสร็จรึยังค่ะ”  เธอพูดน้ำเสียงไม่สู้ดีพร้อมกับทำท่าทางอ้อนๆ

ซึ่งมันก็ได้ผล  เขาหันมาหาเธอทันทีพร้อมกับถามเธอด้วยความเป็นห่วง  “เป็นอะไรรึเปล่านท”

“ปวดหัวอีกแล้วค่ะ”

“อ้าว...เหรอ  ปะงั้นเรากลับกันเลยก็ได้”  พูดจบเขาก็หันมาขอตัวกับจูน  ซึ่งทำให้จูนแปลกใจกับท่าทีของเนสกับนท  แต่เธอก็ไม่โง่พอที่จะถาม  เพียงแต่คิดในใจว่าเธอจะต้องสืบเอง  และถึงแม้ว่าเขาทั้งสองจะเป็นอะไรกันเธอก็ไม่มีวันปล่อยเนสไป  จูนซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงทิพย์ที่มี  สามีเป็นถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่  คุณหญิงที่ออกงานสังคมจนเป็นที่รู้จักของสังคมไฮโซ จูนถูกตามใจจนเธอไม่เคยคิดว่าสิ่งใดที่เธออยากได้แล้วมันจะไม่ได้  

เนสนท  กล่าวลาจูน  และเดินออกไปพร้อมกัน   จูนมองตามหลังคนทั้งสองไปจนลับตา  

พอกลับมาถึงบ้าน  นทก็มีท่าทีกับมาเป็นปรกติ  โดยบอกกับชายหนุ่มว่าเธอหายดีแล้ว  

เธอกับเขาช่วยกันหิ้วของที่ซื้อมา  เพื่อเอาเข้ามาเก็บในบ้าน  ซึ่งขณะนี้เวลาใกล้จะสองทุ่มแล้ว แต่เอกก็ยังไม่กลับมา   นทเข้ามาภายในครัวเพื่อช่วยเนสจัดของเข้าตู้  เธอชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ  ด้วยเรื่องทั่วๆไป  

“พี่เนส”  เธอเรียกเขา

เขาขานตอบแต่ไม่ได้หันมามองที่เธอเพราะเขากำลังง่วนอยู่กับการเก็บของเข้าตู้เย็น  

“พี่เนสมีแฟนรึยัง”   เธอถามเขาและทำน้ำเสียงให้ปรกติ  

ชายหนุ่มที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็นถึงกับหันมามองหน้าเธอแบบแปลกใจปนสงสัย  แต่เขายังไม่ได้ตอบอะไรเธอก็พูดต่อ

“แหะๆ  ไม่ตอบก็ได้นะ  หึ นทถามไปงั้นแหละ”   เธอพูดออกไปแบบที่เล่นทีจริง  แต่ในส่วนลึกเธอก็อยากจะได้ยินคำตอบจากเขาเหมือนกัน

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก็ตอบแบบเรื่อยๆ  น้ำเสียงเรียบๆ  “แฟนยังไม่มี........มีแต่แอบชอบเขา”

นทหูผึ่งทันทีที่ได้ยินประโยคแรก  แต่พอประโยคหลังเธอกับรู้สึกว่าเธอไม่น่าถามเขาออกไปเล้ย...   และเธอก็เลยนึกไปถึงสาวน้อย จูน  ที่เจอกันวันนี้  

และด้วยอะไรอีกก็ไม่รู้  ทำให้เธอถึงพูดสิ่งนี้ออกไป

“เหมือนนทเลย หึหึ   แอบชอบรุ่นพี่มาตั้งแต่เรียน  เฮ้ออ....ได้แต่แอบชอบ”  เธอพูดออกไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก

แต่เพียงประโยคนี้  ที่เธอพูดออกไปทำให้คนฟังถึงกับถึงนิ่งไปพร้อมกับแววตาที่สลดลง   แล้วเขาก็พอจะดูออกว่าเธอหมายถึงใคร   ชายหนุ่มไปตอบหรือพูดอะไรอีก  ได้แต่เก็บของเข้าตู้เย็นแบบเงียบๆ   นทยังคงพูดไปเรื่อยๆโดยไม่ทันสังเกต   หลังจากเขาเก็บของเข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว  เขาก็หันมาทำอย่างอื่นต่อ  นทเองก็ช่วยเขาโดยเก็บของแห้งเข้าตู้ที่ติดอยู่ตามผนัง

“จะสามทุ่มแล้วพี่เอกยังไม่กลับอีก”   เธอบ่นๆ  ขณะนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก  โดยที่ชายหนุ่มก็นั่งอยู่กับเธอด้วย   เขามองไปที่นาฬิกา  

“นั่นสิ”   พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเอก

ขณะเดียวกัน

“เป็นไงนังเอก  แม่นมะ”   โมสทำเสียงมั่นใจ

“อือ   ก็แม่นนะ”   เอกตอบแบบทึ่งๆ  “เรื่องอดีตก็โอนะ  แต่ เรื่องอนาคตนี่สิ  แล้วอีกอย่างที่ท่านทักว่า  ฉันไปบนอะไรไว้  แล้วให้ไปทำตามที่บอกนะ  เฮ้ออ  จำไม่ได้จริงๆว่ะ”   เอกพูดพร้อมกับทำท่าคิด จังหวะเดียวกันเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา  ทำให้เอกต้องหยุดคิดพร้อมกับกดรับ

“จ๊ะ  ว่าไงเนส   อุ้ยตาย    เออ  พี่เหรอสงสัยวันนี้คงไม่ได้กลับแล้วละ    อือ  พี่จะนอนบ้านนังโมสเลยไม่ต้องรอนะ  ห๊ะ  ว่าไงนะเออไช่   ทำไงดีละ  เอางี้เนสไปนอนห้องพี่ก่อนแล้วกันนะ   แค่นี้ก่อนนะแบตพี่”    เอกยังพูดไม่จบสายก็ถูกตัดไป  

นทหันไปถามเขาหลังจากเห็นเขาวางสายไป   เนส  บอกเธอตามที่เอกบอก   เธอทำหน้าเซ็งๆ   และเริ่มรู้สึกแปลกๆที่ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง  เธอ   เนสนั่ง

อยู่สักพัก  

“นท  ง่วงรึยัง”

“ยังเลยค่ะ  ตอนกลางวันนอนเยอะไปหน่อย หึหึ  แล้วพี่เนสละ”

“ยังเหมือนกันครับ”

“พี่เนส  กินอะไรอีกมั้ยค่ะ”  นทถามเขาแบบยิ้ม

“นท  หิวเหรอ”  เขาถามเธอกลับแบบแปลกใจ

เธอพยักหน้าแบบอายๆ  “ก็  เมื่อคืนใช้พลังงานมากไปหน่อย  หึหึ”  นทเกาคอตัวเองแบบเขินๆ

ชายหนุ่มมองเธอพร้อมกับยิ้มแบบเอ็นดู    

หลังจากนั้นเขากับเธอก็เดินเข้ามาในครัวพร้อมกัน   ตามจริงนทแค่อยากชวนให้เขากินเป็นเพื่อนเท่านั้น  ส่วนเธอจะเป็นคนทำเอง  เธอดันหลังเขาเบาๆ  และจับตัวเขาให้นั่งลง   ที่โต๊ะกินข้าว  ชายหนุ่มทำตามที่เธอบอกแต่โดยดี  พร้อมกับนั่งมองเธอหยิบของในตู้เย็นออกมาเพื่อเตรียมทำอาหาร   ซึ่งก็เป็นอาหารง่ายๆที่เธอพอจะทำได้  นั่นก็คือ  ต้มบะหมี่สำเร็จรูป   ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินมาดู  พร้อมกับแนะนำให้เธอใส่  ผักกับเนื้อสัตว์ลงไปด้วย   เธอเห็นด้วยกับเขา  

เนสเดินไปหยิบผักออกมาจากตู้เย็น  และเตรียมที่จะหัน  แต่นท  กลับมาแย้งมีดมาจากเขาเพื่อจะมาทำเอง  แต่ไม่รุ้เธอทำอีท่าไหน  ทำให้มีดบาดไปที่นิ้วของเขา  

ชายหนุ่มตกใจร้องออกมานิดนึง  เมื่อนท เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากนิ้วของเขาเธอก็ต้องใจไม่แพ้กัน  พร้อมกันนั้นเธอกล่าวขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่  และทันใดนั้นเอง  เธอก็ตัดสินใจจับมือเขาขึ้นมาพร้อมกับก้มหน้าเอาปากไปดูดนิ้วที่มีเลือดไหลออกมา  เนสตกใจมากเขาพยายามดึงนิ้วออก  พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่แพ้ท่าทาง

“เอ้ย!!!!ทำอะไร  นท”

เธอเงยหน้ามองเขาพร้อมกับตอบเขาไปแบบไม่รู้จะทำไง  “อ้าว  ก็นทเห็นในทีวีเขาก็ทำกันแบบนี้อ่ะ”  

จากที่ตกใจเนสกลับเปลี่ยนอารมณ์ทันทีหลังจากเห็นท่าทางและฟังคำตอบจากเธอ

“ฮ่าๆๆๆๆ  เฮ้ออออ”

นท งง พร้อมกับถามเขาด้วยความสงสัยว่าเธอเข้าใจอะไรผิด

“หัวเราะอะไรอ่ะ  พี่เนส”

ชายหนุ่มมองเธอพร้อมกับตอบแบบติดตลก  “หึหึ  แล้วนท เป็นแวมไพร์รึเปล่า”

นทยิ่งทำสีหน้า งง เข้าไปใหญ่  “ทำไม”

“อ้าวก็  ถ้านทเป็นแวมไพร์  แล้วมาดูดเลือดพี่  พี่ก็ต้องกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วยสิ  ฮ่าๆ”

นท มองเขาเขินๆ  และยิ้มให้เขา  แบบเด็กๆ  ชายหนุ่มก็เลยบอกเธอว่า “ คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ  เนี่ย บีบบีบนิดเดียวก็พอ  หึหึ”

“อ้าว  ก็นทเห็นในทีวีเขาทำกันนิ  แล้วอีกอย่างนะตอนเด็กๆ  เวลาโดนมีดบาด  นทก็ทำแบบนี้แหละ”

ชายหนุ่มมองเธอขำๆ  แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก  นทเดินไปหยิบยาในกล่องยามาทาให้พร้อมกับปิดพาสเตอร์ให้กับเขา   แล้วเธอก็ให้เขานั่งลง

เธอยกชามบะหมี่ที่เสร็จแล้วมาวางที่หน้าเขา  เสร็จแล้วเธอก็ยกของเธอมาและนั่งทานพร้อมกันกับเขา เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  เพราะทั้งสองหนุ่มสาว นั่งทานบะหมี่พร้อมกับพูดคุยกันแบบออกรสออกชาด  ส่วนมากเธอจะเป็นคนคุยโดยมีเขาเป็นผู้ฟังที่ดี  เธอเล่าเรื่องทุกอย่างทั้งเรื่องงาน  เรื่องส่วนตัว  ตลกบ้าง  มีปัญหาบ้าง  เนสนั่งมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน  เขาฟังเธอเล่าเรื่องราวเป็นที่สนุกสนาน   จนเวลาล่วงเลยไปจนเกือบจะห้าทุ่ม   เขาก็เริ่มเห็นเธอหาวออกมาหลายครั้ง  เขาจึงบอกให้เธอขึ้นไปนอน  หญิงสาวยิ้มให้เขา เธอลุกขึ้นเก็บจาน  ชามโดยมีเขาคอยช่วย   จากนั้นต่างก็แยกย้าย กันไปที่ห้องนอน  ของแต่ละคน   นทหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว  เธอก็เตรียมตัวที่จะเข้านอน  แต่ก่อนที่เธอจะหลับเธอก็นึกถึงชายหนุ่มร่วมบ้านกับเธอขณะนี้  และเผลอยิ้มออกมาก่อนที่จะหลับไป

วันต่อมา  

“นท  ช่วยพี่คิดหน่อยสิ”    เอกทำท่าคิด

เอกเล่ารายละเอียดต่างๆ ที่ไปหาหมอดูมา   ให้กับนทฟัง  ขณะทั้งสองคนนั่งอยู่ภายในออฟฟิต    นททำหน้าขำขำประมาณว่าเอกคิดมากเกินไปกับเรื่องไร้สาระ  

“โอ้ยย!!!พี่เอก  คิดมาก  หึหึ”  นทตอบเหมือนกับเป็นเรื่องตลก  พร้อมกับชวนเอกออกไปทานอาหารข้างนอก   โดยการลุกขึ้นพร้อมกับดึงเอกให้ลุกตาม  เอกไม่วายมองค้อน นท พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะย๊ะนังหนู”

“ฮ่าๆ  นท ไม่ได้ลบหลู่  แต่หิวแล้ว ไปเถอะ   ไปก่อนเดี๋ยวช่วยคิด  ปะ”

ณ. ร้านอาหาร

“ทำไมต้องร้านนี้นะ  กินใกล้ๆก็ไม่ได้”   เอกบ่นแบบไม่จริงจังมากนัก   ขณะนั่งลง

นทไม่สนใจฟังที่เอกพูด  เธอเอาแต่มองไปรอบๆร้านเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง   ร้านอาหารขนาดกลางที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับแหล่งธุรกิจใจกลางกลุงเทพ  ขณะนี้เวลาเกือบจะบ่ายเข้าไปทุกที  เอก  กับนทรับเมนูจากพนักงานและสั่งอาหารประเภทจานเดียว

เอกมองอาการ นท ด้วยความแปลกใจจนต้องเอ่ยถาม   “มองหาใครรึเปล่านท”  เอกพูดจบก็หันไปมองตามสายตาที่นทมอง

“อ๋อ!! เปล่าๆ”  นทปฏิเสธทันทีแต่สายตาของเธอก็ยังคงสอดส่าย   และจังหวะนั้นเอง   นททำเหมือนว่าสายตาไปสดุดกับอะไรบางอย่าง  นทรีบหยิบเมนูที่วางอยู่ขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้   และค่อยๆยื่นหน้าออกมาแอบดู

เอกมองอาการของนท แบบแปลกใจ  พร้อมกับทำหน้าสงสัยสุดๆ  แต่ยังไม่ทันที่เอกจะถามอะไรนท   เสียงทักทายที่มาจากทางด้านหลังเอกก็ทำให้เขาต้องหันไปมอง

“สวัสดีครับ   พี่เอก”    ชายหนุ่มผิวพรรณขาวสะอาด รูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมทับด้วยสูทสีน้ำเงินเข้ม  ส่งเสียงทักทายด้วยความสุภาพ

เอกเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มพร้อมกับทักทายตอบ

“อ้าว!   แอมป์...มาทานข้าวเหรอ..?”

“ครับ  พอดีพาลูกค้ามารับรอง” แอมป์ตอบเอกเสร็จแล้วก็หันไปมองหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามกับเอกพร้อมกับทักเธอ   “นท  เมนูกลับหัวอ่ะ”

หญิงสาวลดเมนูลง  พร้อมกับทำท่าทางเขินอาย  และทักทายชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้ม   “แหะๆ  สวัสดีค่ะ พี่แอมป์   หึหึ.บังเอิญจัง  ...พี่แอมป์ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอค่ะ”

“อือ   เรียบร้อยแล้ว”

“ หึหึ    แล้วรู้ได้ไงค่ะ  ว่าเป็นนท”

แอมป์มองไปที่กระเป๋าสะพายสีดำใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวเธอ  พร้อมกับเอ่ย   “จำกระเป๋าได้”

นทพยักหน้าแบบเข้าใจ   เอกมอง นท แบบรู้ทัน  และรู้ว่าที่นท บอกกับแอมป์ว่าบังเอิญนะ  มันไม่จริงอย่างที่เธอพูด  เอกหันมาที่แอมป์อีกครั้งพร้อมกับถามแอมป์ว่าจะกลับแล้วเหรอ    ยังไม่ทันทีแอมป์จะตอบ   ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับสะกิดแขน  แอมป์  พร้อมกับเอ่ย  “พี่แอมป์  เสร็จรึยัง”

แอมป์  กับสองคนที่นั่งอยู่มองมาที่หญิงสาวเป็นตาเดียวกัน   นทเมื่อมองเห็นเธอถึงกับแปลกใจ พร้อมกับจำได้   ก็ขาว หมวย  ตัวเล็กๆ  แต่งตัววัยรุ่นจ๋าคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เธอเจอตอนที่อยู่ในร้านหนังสือเมื่อวานนี้เอง

แอมป์หันมาพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับเธอ  จูนเมื่อเรียกแอมป์แล้ว เธอก็หันไปมอง นท พร้อมกับทำหน้าแปลกใจ   แต่แทนที่เธอจะเดินจากไปเธอกลับทักนท

“อ้าว พี่ นท  มาทานข้าวเหรอค่ะ”   จูนทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสตามสไตล์สาวแอบแบ๊ว

“ค่ะ”   นทยิ้มให้จูนด้วยรอยยิ้มที่สดใสแต่เหมือนมีอะไรเคลือบแฝง   พร้อมกับตอบอยู่ในใจ   มาร้านอาหารไม่มากินข้าวแล้วจะมาทำไมละฮึ  ถามออกมาได้

แอมป์ขอตัว  เอก กับ นท   และเดินจากไป    นทมองตามหลังชายหนุ่มจนเขาเดินออกจากร้านไปด้วยสายตาสุดปลื้ม  พร้อมกับสงสัยว่า ยายจูนรู้จักและมาทำอะไรกับแอมป์   เมื่อแอมป์ไปแล้ว  เอกหันมามอง  นท แบบสมเพชเวทนา พร้อมกับแนะนำเธอ

“นท  จะเป็นแบบนี้อีกนานไม๊เนี่ย    ห๊ะ!!.....พี่ละงง กับหนูจริงๆ   ชอบพี่เขาทำไมไม่บอกเขาไปเลยละ” เอกพูดด้วยความรำคาญ ปนเห็นใจ

“อะไร พี่เอก  แหม!!”   นท  ตอบแบบไม่รู้จะพูดยังไง   แต่ก็จริงแบบที่เอกบอก  เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  ว่าเธอทำอะไรอยู่  ถ้าจะถามว่าชอบ พี่แอมป์ไม๊   ใช่เธอชอบเขา   แต่  แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าเธอชอบเขาแบบไหนแบบอยากจะเป็นแฟนเหรอ  ไม่รู้สิ  ตอนที่พี่เขาเรียนจบไปใหม่ๆ  แล้วเธอได้รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว  ทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่รู้สึกเสียใจนะ  เพียงแต่  แค่อยากรู้ว่าพี่เขามีแฟนแล้ว  แล้วเขามีความสุขมั้ย  แฟนเขาจะเป็นแบบไหนกันนะก็เท่านั้นเอง   และต่อมาไม่นานเมื่อเธอรู้ว่าเขาเลิกกันกับแฟนแล้ว  เธอก็ได้แต่เป็นห่วงแต่กลับไม่เคยคิดที่จะไปเป็นแฟนกับเขาเลย    คิดได้แค่นี้นทก็ถอนหายใจออกมาจนเอก ต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นอาการของเธอ  

ทุกครั้งที่เอกแนะนำ นทก็จะต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้ง   จนเอกก็เบื่อที่จะพูดเหมือนกัน    อาหารถูกนำมาเสริฟ์   ทำให้การสนทนายุติไป

“เออ!! ช่วยพี่คิดหน่อยสิ   เรื่องนั้นอ่ะ”   เอกเอ่ยหลังจากพนักงานมาเก็บจานอาหารไปแล้ว  

“โธ่   พี่เอก  ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ  หึหึ”   นทตอบแบบไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ  

แต่สีหน้าเอกที่ดูจะกังวลมากจนเธอ  ก็เลย พยายามช่วยคิด  

“นท”   เอกพูดเหมือนคิดอะไรออก  “หรือว่า”

“หรือว่าอะไร”

“ก็  ที่เราพูดกันตอนที่  แล้วเอกก็เท้าความถึงตอนที่พวกเขา  บนกันตอนที่มีปัญหา  คราวก่อน   ที่ เอกบนไว้ว่า  จะทำตัวเป็นแมนถ้าเกิดมีคนมาทำให้พวกเขาได้มีงานและเงินไปจ่ายค่าตึก”

นทส่ายหน้าประมาณว่าไร้สาระน่า   แต่เอกก็ยืนยันว่าเขาจะทำ  จน นทต้องเอ่ยแซวประมาณว่าเอกจะทำได้เหรอ  หน้าก็ไม่ได้แต่ง  นะ  แถมยังต้องทำตัวให้สมกับเป็นชายอีก  เอกทำหน้าไม่มั่นใจในตอนแรกแต่เพราะความที่เชื่อในศาตร์ลี้ลับที่มีมากกว่าทำให้เขาทำหน้ามั่นใจในตอนหลัง

  มหาวิทยาลัยที่ซิลวี่เรียนอยู่

“ซิลวี่!!!   ซิลซี่!!!  ทางนี้”    เสียงตะโกนดังลั่นทำให้ซิลวี่ที่อยู่ในชุดนักศึกษากวาดตาไปมองหาต้นเสียง   แล้วเมื่อเธอเห็นว่าเป็นเสียงของใคร  เธอก็เดินตรงดิ่งเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงรอดไรฟันทักเขา

“พี่เนียร์  ตะโกนทำไมเนี่ย   ดูเด่ะคนมองกันใหญ่เลย”

“ฮ่าๆๆๆ  เอ้า  ก็พี่เรียกไปหลายทีแล้วนะ  ซิลวี่ก้ไม่ได้ยินสักที ฮ่าๆๆ     แล้วเลิกเรียนรึยัง”

“อือ   เลิกแล้ว   ทำไม”

“แล้วจะกลับเลนรึเปล่า”

“ทำไมละ    แล้วมาทำอะไรแถวนี้   มาส่องสาวๆเหรอ”   เธอแซวชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงล้อๆ

“อือ   มาส่องหญิงน่ะ    แหม!  รู้ใจนะเนี่ย   หึหึ”  จูเนียร์ไม่พูดเปล่าเขายังเอื้อมมือมาหยิกแก้มซิลวี่เบาๆ  เป็นการหยอก  

“โอ้ย   เจ็บนะ”  ซิลวี่ต่อว่าเขาแบบไม่จริงจังมากนัก พร้อมกับพูดต่อ   “แก้มหนูช้ำแล้วใครจะรับผิดชอบ  ฮึ!!”

“โอ๋โอ๋โอ๋   เจ็บเหรอพี่จับเบาๆเองนะ  หึหึ”

ซิลวี่มองค้อนเขาแบบน่ารัก   จูเนียร์มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาหมั่นเขี้ยว  จูเนียร์จำได้ว่าเขาเจอกับ เธอคนนี้เมื่อประมาณ  ปีกว่าได้มั้ง   เขาเจอเธอที่ออฟฟิตของ นท ขณะที่ไปถ่ายภาพให้กับนท   วันนั้นซิลวี่แต่งตัวนักศึกษาแบบวันนี้แหละ  เธอเดินเข้ามาแบบมั่นใจ พร้อมกับขอให้เอกรับเธอเข้ามาฝึกงาน  เธอขอร้องจนเอกใจอ่อนยอมให้เธอทำ   และตั้งแต่วันนั้นมาเวลาที่  นท ต้องการจะให้เขาไปช่วยถ่ายภาพ   เขาก็จะได้รับการติดต่อผ่านเธอคนนี้  และไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน  เขาถึงได้รู้สึกสนุกเวลาได้พูดคุยกับเธอ   หลังจากพูดคุยกันสักพัก  จูเนียร์เอ่ยชวนซิลวี่  ไปกินข้าว   โดยเขาจะเลี้ยงเป็นการรับผิดชอบที่เขาหยิกแก้มเธอ   วิลวี่ตอบตกลงทันที   เธอเข้ามาควงแขนเขาพร้อมกับเร่ง เพราะเธอบอกว่าเธอหิวพอดี

จูเนียร์แกล้งทำหน้าตกใจพร้อมกับบอกเธอว่าเขาพูดเล่น  แต่ซิลวี่ไม่สน

“ไม่ได้  พูดแล้วพูดเลย  ป่ะ”

ชายหนุ่มรูปร่างมาตรฐานชายไทยกับสาวน้อยหุ่นไซส์ยุโรปเดินคู่กันไป พร้อมกับพูดคุยกันไปแบบสนุกสนาน  เสียงหัวเราะแซวกันไปมาทำให้รู้ว่าเขาสองคนนี้สนิทและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

วันนัดเซ็นสัญญา  

เอก เดินนำหน้า  นทที่เดินคู่กันมากับเนส เข้ามาภายในออฟฟิตของบริษัทโฆษณา วันนี้ นท กับเอกรู้สึกจะมีความสุข   เพราะเมื่อเนสเซ็นสัญญาเรียบร้อยนั่นก็หมายถึงเงินกับงานที่เธอรอคอยก็จะสมหวัง    

หญิงงสาววัยน่าจะประมาณ 40 กว่าๆ  กับผู้ช่วยอีกสองคนผู้จัดการทีมาต้อนรับพวกเธอ   กล่าวทักทายพร้อมกับแนะนำตัว   และเมื่อทั้งหมดทักทายกันเรียบร้อยแล้ว   ทุกคนก็นั่งลง ที่โต๊ะยาวที่จัดขึ้นประมาณโต๊ะประชุม  ผู้ช่วยคนหนึ่งยื่นเอกสารมาให้นท   และกล่าวบางอย่าง   “  เออ  คือ อันนี้เป็นสัญญาที่ร่างใหม่  ครับ”

นทรับมาพร้อมกับทำหน้า งง ปนสงสัย  และเริ่มใจไม่ดี   เธอค่อยๆก้มลงอ่านสัญญาและเมื่อเธออ่านจบ นทก็แทบจะยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว  พร้อมกันนั้นเธอยื่นเอกสารให้กับชายหนุ่ม  เนสรับสัญญาจากเธอมาอ่าน   และเมื่อเขาอ่านจบ  นทก็สังเกตเห็นถึงแววตาของเขาที่แสดงออกมาแบบไม่สู้ดีเท่าไหร่  ก็ไอ้โฆษณาที่เขาคิดว่ามันน่าจะถ่ายแค่ครั้งเดียว  แต่มันกลับกลายเป็นฆาณาที่เป็นเหมือนซีรีย์ที่มีเป็นตอนๆ   และมันมีถึง 4 ตอนด้วยกันทำให้เขาถึงกับ    เนส นิ่งไปครู่หนึ่ง  และก่อนที่เขาจะตัดสินใจชายหนุ่มก็ชำเลืองมองไปยัง  นท ซึ่งเธอเองก็ส่งสายตาอ้อนวอนมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว   ชายหนุ่มหยิบปากกาตรงหน้าขึ้นมาและเซ็นชื่อตัวเองลงไป   นทฉีกยิ้มแบบสุดๆ  และยิ้มหวานไปให้เขา   เสร็จแล้วก็เป็นการอธิบายถึงเรื่องราวของหนังโฆษณา   มันเป็นโฆษณาเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่พยายามจะตามหาหญิงสาวที่ใช่สำหรับเขา  โดยเขาจะเป็นเหมือนเจ้าชายทีตามหารักแท้  และสุดท้ายเขาจะเลือกผู้หญิงแบบไหน   หลังจากฟัง   และนัดแนะคิวกันเรียบร้อยแล้ว  นท เอก และเนส  ก็เดินทางกลับ

แต่ก่อนที่จะเดินออกมาจากบริษัท  เอกก็โดนทักก่อน

“มาทำอะไรกัน  ครับคุณเอก”   เสียงกะล่อนๆ  ออกแนวหยามๆ  ทำให้เอกต้อหันไปมอง   และเมื่อเห็นชัดว่าใคร  เอกก็ทำหน้าเหยีดๆ  พอกันกับไป

“มาเซ็นสัญญา”  เอกตอบไปแบบเนื้อชั้นกว่า    ซึ่งทำให้ผู้ฟังหูผึ่งขึ้นมาทันที

แฟรงค์  ชายหนุ่มผู้คร่ำหวอดในวงการ   ถ้าเอ่ยชื่อเขาไปแล้ว เด็กๆหนุ่มๆสาวใครก็ต้องอยากมาเป็นเด็กในสังกัดของเขาทั้งนั้น    และเขาคนนี้แหละที่ทำให้เด็กในสังกัดของ นท ไปเป็นเด็กของเขา  เพราะจะว่าไปแฟรงค์ไม่เคยสนใจว่าใครจะเป็นคนปั้นมาก่อนในเมื่อไม่มีการเซ็นสัญญากันไว้กับสังกัดเก่าเขาไม่เคยที่จะแคร์    แฟรงค์มองมาที่เนสแบบหมายมั่น  จนทำให้นท ต้องเดินเอาตัวเข้ามาบังโดยอัตโนมัติ   เนสมองการกระทำของทั้งสามคนด้วยความสงสัยเพราะท่าทางและสายตาที่ส่งให้กัน   มันเหมือนกับว่าคนที่เข้ามาใหม่กำลังจะมาฉกไข่ไปจาก:-)ู และ:-)ู นท ก็ทำตัวเหมือนกับจงอางห่วงไข่งั้นแหละ

แฟรงค์ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์พร้อมกับหยิบนามบัตรของเขาส่งให้กับเนสแบบ  เปิดเผยมาก   เนสรับไว้ด้วยมารยาท   แฟรงค์ขอตัวและเดินจากไป   เอก กับ นท หันมาสบตากันประมาณว่าเอาไงดี

บ้าน.......

เอก  กับ  นท เข้าครัวเพื่อทำอาหารเย็นสำหรับค่ำนี้   เนสหลังจากเซ็นสัญญาเสร็จเขาก็แยกไปมหาวิทยาลัย

นท  ช่วยเอกเตรียมอาหาร  ด้วยอาการเหม่อๆ  เหมือนกับมีอะไรอยู่ในใจ  จนเอกต้องหันมาดุ  

“คุณน้องนทขา.......พี่ขอน้ำตาลค่ะ  น้องส่งทัพพีให้พี่แล้ววันนี้จะเสร็จไม๊ละค่ะ  ฮือ!!!!   เป็นไรเนี่ย!!!”

นทยิ้มแบบขอโทษพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปนกังวล   “ก็เรื่องนามบัตร    พี่แฟรงค์อ่ะ   นทละกลุ้มจริงๆ”

“โอ้ย  เรื่องนั้นนะเหรอ!!  ไม่มีทาง   นทไม่ต้องห่วงว่าเนสจะไปอยู่กับไอ้จอมขโมยนั้นหรอก!!!!   เชื่อพี่”   เอกตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความมั่นใจสุดๆ

ตามจริงนท ก็ไม่ได้ห่วงเนส   แต่ที่นทกลัวคือแฟรงค์มากกว่าที่อาจจะใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลวิธีที่เขาถนัด   เธอคิดได้แค่นี้ก็ถอนหายใจออกมาจนเอกต้องหันมาตบบ่า  นท เบาๆ  เพื่อให้กำลังใจ

ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ    หลังจาก เอก ทำอาหารเสร็จ  เขาก็ขึ้นบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  โดยยกหน้าที่ให้ นทเป็นคนจัดโต๊ะ   ในขณะที่นทจัดโต๊ะอยู่   เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา  พร้อมกับแววตาที่ฉายแววเด็ดเดี่ยว    เสียงเหมือนมีคนเดินเข้ามา  ทำให้เธอต้องหันไปมอง  และก็พบว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเขา     เนสเดินเข้ามาเขาส่งยิ้มให้กับนท  นทยิ้มรับและกำลังจะเอ่ยทักทาย   แต่เธอกลับเปลี่ยนใจหลังจากเห็นว่ามีหญิงสาวเดินตามหลังเนสมา   นทจำได้ทันที    

“สวัสดีค่ะ พี่นท”  จูนส่งเสียงทักทายแบบเด็กๆมาที่นท   พร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอ

นทยิ้มแบบเสียไม่ได้พร้อมกับกล่าวทักทายกลับไปเช่นกัน  

“จูนเขามาส่งพี่ครับ”  เนสอธิบาย  “อือ  แล้วเขาขอใช้ห้องน้ำหน่อย”

“อ๋อ!!! ค่ะ  เชิญค่ะ”  นททำตัวป็นเจ้าของบ้านที่ดีโดยการจะพาจูนไปห้องน้ำ  แต่จูนกลับให้เนสเป็นคนพาไป  พร้อมกับออกตัวว่าเกรงใจนท  และโดยที่นทยังไม่ทันจะกล่าวอะไร   จูนเข้ามาควงแขนเนสเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าเธอจะให้เขาพาไป   เนสเดินพาจูนไปถึงหน้าห้องน้ำ แล้วเขาก็เดินออกมารอที่ห้องรับแขก  ซึ่งขณะนั้นเอกเดินลงมาจากด้านบนพอดี   เอกทักทายเนส  และถามว่ากลับมายังไง  แต่ไม่ทันทีเนสจะตอบ  จูนก็เดินออกมาจากด้านหลังพอดี   เอก มองนท  เหมือนต้องการคำตอบ  เนสจึงอธิบาย   หลังจากนั้นเอกก็กล่าวขอบคุณ จูนที่มาส่งเนส  พร้อมกับชวนจูนทานข้าวเด้วยกัน

โต๊ะอาหาร

  ขณะทานอาหารเสียงพูดคุยของจูนและท่าทางทีเธอทำ  กับชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะทำให้ นท รู้สึกหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก  นทพยายามนั่งก้มหน้าทานอาหารไปเงียบๆ  จนเอกที่นั่งอยู่ด้วยรู้สึกผิดสังเกต  เอกพยายามสังเกตสายตาของนท  ที่แอบชำเลืองมองไปที่เนสกับจูน  สายตาที่นทแสดงออกมาเธออาจไม่รู้ตัวแต่เอกซึ่งเป็นคนที่มองเห็นและสนิทกับเธอมานานย่อมรู้ดีว่า  มันเป็นสายตาที่ไม่ปรกติของนทเลยก็ว่าได้   เอกเก็บความสงสัยไว้ในใจ    หลังจากทานอาหารเสร็จ  เอกก็ให้เนสออกไปส่งจูนที่รถ  โดยเขาจะเป็นคนทำความสะอาดเอง   เนสทำตามที่เอกบอก   จูนกล่าวลากับเอก และนท  เนสเดินนำหน้าจูนออกไปแล้วดดยมีสายตาของนทมองตามไปจนลับ  

“จะตามไปส่งน้องจูนอีกคนมั้ยละจ๊ะ”   เอกทำน้ำเสียงล้อๆแบบรู้ทัน

นทหันมามองเอกแบบเก้อๆ “อะไร  จะไปส่งใคร   ตามใคร  โอ้ยยยย  พี่เอกนี่  มะมะนทล้างจานเอง   พี่เอกไม่ต้องแล้ว”   นทพูดแบบเก็บอาการ  พร้อมกับดันเอกออกไปด้านนอก   เอกหัวเราะออกมาแบบรู้ทัน  เขามองนทยิ้มๆแต่ก็ไม่พูดอะไร   เอกเดินออกมานั่งดูทีวีอยู่ด้านนอก

นทล้างจานไปด้วยและคอยหันมามองทางด้านประตูบ้านเป็นระยะๆ  เหมือนต้องการจะเช็คว่าคนที่เดินออกไปส่งแขกนั้นเขากลับเข้ามารึยัง   เธอมองอยู่หลายครั้งจนเริ่มที่จะแปลกใจกับตัวเอง  ความจริงจะว่าไปแล้ว เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องคอยหรือเช็คว่าเขาจะเข้ามาเมื่อไหร่   แล้วทำไมเธอถึงต้องหงุดหงิดเวลาที่เธอเห็นท่าทางสนิทสนมของจูนที่แสดงต่อเขา    เมื่อนทคิดได้ดังนี้เธอจึงหันกลับมาตั้งใจกับงานล้างจานตรงหน้าเธอ  

นทล้างจานและเก็บทำความสะอาดครัวแบบบ้าคลั่ง   เธอทั้งเช็ดทั้งล้างทุกอย่างแบบไม่สนใจใคร   จนทำให้คนที่ยืนดูอยู่ทั้งสองคนถึงกับมองหน้ากันแบบสงสัยปนแปลกใจ

“นท!!!!!”   เอกตะโกนเรียกนท เสียงดังจนทำให้เธอถึงกับตกใจ  

“เอ้ย!!!!อะไร”   นทอุทานออกมา

“ฮ่าๆๆๆ  จะล้างอีกนานมั้ยจ๊ะ!!  หึหึ”  เอกแซวล้อๆ  และเดินแยกตัวขึ้นบ้านไป

เนสเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับมองเธอยิ้มๆ  “สะอาดแล้วครับ หึหึ    แล้วดูสิเสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว  ขึ้นไปอาบน้ำนอนเถอะ  เดี๋ยวข้างล่างพี่จัดการเอง” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  

เธอมองหน้าเขานิ่งๆและทำเหมือนจะเอ่ยอะไรออกมา   แต่แล้วเธอกลับเปลี่ยนใจ   เขามองท่าทางของเธอและตัดสินใจเอ่ยถาม   “นท มีอะไรรึเปล่า”

“อือ  เปล่าคะเปล่าไม่มีอะไร  หึหึ   นทไปก่อนนะคะ”   พูดจบเธอก็เดินจากไป  เขามองตามหลังเธอไปแบบสงสัย

หลายวันต่อมา  เอก นท ยังคงทำงานตามปรกติ  อยู่ที่ออฟฟิต   เอกชวน นท คุยไปเรื่อยๆ  และในที่สุดเขาก็เอ่ยถามนท   “นท  พี่ถามจริงๆเถอะ  นท  อืออออ  รู้สึกอะไรบ้างมั้ยอ่ะ”

นทมองหน้าเอกพร้อมกับทำหน้าสงสัยกับประโยคคำถามของเอก  “ รู้สึก  รู้สึกอะไรละ”   เธอถามเอกกลับข้องใจ

“ก็  รู้สึก  รู้สึกกับเนสอ่ะ”

นท ขยับตัวหลังจากฟังเอกพูดจบ  “ เอร้ยยย  พี่เอก  พูดอะไรอ่ะ  รู้สงรู้สึกอะไร”  นทตอบเอกด้วยท่าทางร้อนตัว

“เฮ้ย  นท พี่ถามจริงๆ”  เอกถามนทแบจริงจัง  จน นทต้องตอบ

“เอาตามจริงเลยนะพี่   อือ  ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษหรอก”

เอก ก็เลยถามเธอกลับไปว่า ไอ้ท่าทางที่เธอแสดงออกตอนที่จูนมาบ้านอ่ะ  คืออะไร  นทตอบเอกไปว่า เธอรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาจูนเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะจูนสนิทกับพี่แอมป์รึเปล่าก็ไม่รู้   นท จึงถามเอกกลับไปหลังจากเห็นเอกนิ่งไป  

“ทำไม  มีอะไรรึเปล่า  ดูทำหน้าเข้า”  

เอกถอนหายใจเหมือนกับว่าตัวเองกำลังมีเรื่องกลุ้มใจ   เอกตัดสินใจเล่าให้นทฟัง

“คืองี้ นท  ก็เรื่องที่เราเคยพูด บนไว้หนะ   คือพี่ฝันอ่ะ”   เอกพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล  “ฝันว่ามีคนมาบอกว่าถ้าพี่ไม่ทำตามที่บอกไว้ ชาติหน้าพี่จะไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงอ่ะ  ฮือๆๆๆ”

นทมองอาการของเอก  ด้วยความรุ้สึกจะขำก็ไม่กล้า  เธอตบบ่าเอกเบาๆ  พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจและบอกกับเอกว่าไม่ต้องคิดมาก   ถ้าเป็นแบบนี้เอกจะทำตัวเป็นแมนสักเดือนเพื่อความสบายใจก็น่าจะทำ    เอกพยักหน้าให้นทด้วยท่าทางห่อเหี่ยว

วันถ่ายทำโฆษณา

ภายในกองถ่ายที่ทุกคนต่างรีบเร่ง  เอก  มากับเนสเพียงสองคน   เขาคอยดูแลเนสอยู่ใกล้ๆ   ผู้กำกับกองเดินมาคุยกับเนสพร้อมกับแนะนำ  และอธิบายเกี่ยวกับบท  ที่เขาต้องแสดง   ชายหนุ่มรับฟังด้วยความตั้งใจ

หลังจากผู้กำกับแยกตัวออกไปแล้ว  เนสหันมาทางเอก  พร้อมกับมองท่าทางของเอกด้วยความแปลกใจ  จริงๆเนสสงสัยตั้งแต่แรกที่เห็นเอกในตอนเช้าแล้ว  แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร  แต่ตอนนี้คนที่รู้จักเอก ต่างมองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจปนสงสัยกับลักษณะภายนอก และท่าทางที่เปลี่ยนไปของเอก   แต่ยังไม่ทันทีเนสจะกล่าวอะไรออกไป  ก็มีคนมาตามเขาเพื่อไปเข้าฉาก   เนสเดินตามไปด้วยท่าทางที่ไม่มั่นใจเท่าไหร่  จนเอกแอบกังวล   แต่เขาก็คิดว่าคนอย่างเนสมีความตั้งใจจริงและมีความพยายาม   เอกเดินไปรวมกลุ่มกับเต้นท์ของผู้กำกับซึ่งขณะนี้ผู้กำกับและทุกคนต่างมองเนสผ่านจอมอนิเตอร์   การถ่ายทำผ่านไปหลายชั่วโมง   จนในที่สุด  ผู้กำกับก็สั่งพักกอง   เอกเดินเข้าไปหาเนส  พร้อมกับเอ่ยชมเนสด้วยความจริงใจ  ถึงแม้ว่างานนี้จะเป็นงานแรกของเนสแต่ด้วยความที่เขาตั้งใจ  และรับฟังทุกอย่างที่ผู้กำกับสั่งทุกอย่างจึงออกมาด้วยดี  

เนสได้แต่ยิ้มตอบเอก  หลังจากพักกองได้ไม่นาน   งานก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง   โฆษณาตัวแรกที่ทางบริษัทจะปล่อยออกไป เป็นโฆษณาเปิดตัวชายหนุ่มมาดเท่ห์  ที่เดินทางตามหารักแท้   วันนี้การถ่ายทำจึงเน้นไปที่พระเอกโฆษณาเพียงอย่างเดียว  การถ่ายทำยุติลงหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน   ผู้กำกับสั่งเลิกกอง   เนสเดินเข้ามาไหว้ขอบคุณทีมงานทุกคนด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อม   ผู้กำกับวัย 40 ต้นๆ   กล่าวชมและขอบคุณเนสที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี   และบอกกับเนสว่า  อาทิตย์หน้าเจอกัน   เนสกับเอก  กล่าวลาทุกคนอีกครั้ง  และขอตัวกลับ

ขณะที่เอกกำลังขับรถ  เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน  เสียงโทรศัพท์ของเอกดังขึ้น   เอกรับสายโดยการใช้สมอล์ทอล์ก

“ว่าไงครับ   น้องนท”  เอกพูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงแมนสุดๆ   จนทำให้ นท ฟังอยู่ถึงกับหัวเราะออกมา   เอกพูดต่อโดยไม่หลุดคาเรคเตอร์ “ครับ  อือ ได้  ซิลวี่ละ   อือๆ  OKๆ”   เอกกดปิดโทรศัพท์   และพูดโดยไม่มองหน้าเนส

“เนส  เดี๋ยวแวะไปกินข้าวก่อนนะ    ไหวรึเปล่า”

“อือ  ครับ”

ณ. ร้านอาหาร

เอกเดินนำหน้าเนสเข้ามาภายในร้าน    เอกพูดคุยกับพนังงานต้อนรับสองสามประโยค  พนักงานก็เดินนำเขาเข้ามาส่งยังโต๊ะ  ซึ่งขณะนี้ที่โต๊ะ  มี นท ซิลวี่ จูเนียร์และแอมป์นั่งกันอยู่   เอกทักทายทุกคนด้วยท่าทางแมนๆ  สองคนที่มาใหม่ต่างนั่งลงรวมกลุ่มกับทุกคน

แอมป์เอ่ยทักเนส  “เป็นไงบ้างครับวันนี้”   แอมป์หมายถึงการถ่ายโฆษณา  

“ก็ดี ครับ  เรียบร้อยดี”  เนสตอบแบบสุภาพ  

นทซึ่งนั่งอยู่ติดกับแอมป์   เอ่ยถามบ้าง  “เหนื่อยมั้ย  พี่เนส”

“ก็  นิดหน่อย”  

หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพักพนักงานก็เดินนำอาหารมาเสริฟ์    ทุกคนนั่งทานกันไปเรื่อยๆ  เนส  สังเกตอาการของแอมป์  ที่คอยตักอาหารเสริฟ์  ให้กับนท  ซึ่งดูท่าทางนทเองก็ดูจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย   เธอยิ้มหวานอยู่ตลอดเวลาที่แอมป์เอาใจ   เนสแอบลอบมองแบบไม่เต็มตาเท่าไหร่   จูเนียร์  กับซิลวี่ดูจะมีความสุขและสนุกกับการหยอกล้อกันอยู่ตลอด   จูเนียร์หันมาแซวเอก

“พี่เอก ครับ  คือ ผมมีสาวอยู่คนหนึ่งพี่มองไปทางหกนาฬิกา”   จูเนียร์พูดเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเป็นสายลับ   “ดูท่าทางจะแอบมองพี่อยู่”

เอกทำหน้า งงๆ  แต่ก็หันไปมอง   เมื่อเอกมองเสร็จแล้วเขาก็หันกลับมาตีแขน จูเนียร์   พร้อมกับสบถออกมาแบบลืมตัว  “อีบร้า!!!!”

จูเนียร์กับซิลวี่หัวเราะออกมาพร้อมกัน   ทำให้คนในโต๊ะต่างหันมามองด้วยความสนใจ  นทถามซิลวี่ว่าเกิดอะไรขึ้น   ซิลวี่จึงอธิบายให้นทฟัง  ว่า มีสาวประเภทสองที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังเราแอบมองพี่เอก  “ฮ่าๆๆๆๆ  สงสัยพี่เอกคงมีแฟนก็คราวนี้แหละ   ฮ่าๆๆๆๆๆ”

นทขำกับท่าทางของเอก  ก็วันนี้เขาแต่งตัวแบบแมนสุดๆ และไม่เฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้นท่าทางและคำพูดของเขาก็แมนไม่แพ้กัน  จูเนียร์ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการบนของเอกก็แซวเอกอยู่ตลอด   จนทำให้ทุกคนพากันขำไปด้วย  

“อีเนียร์  ถ้าแกไม่เลิกแซวฉันนะ  สาวๆที่แกให้ฉันแนะนำฉันจะ”  เอกพูดไม่จบ  จูเนียร์ก็แทรกขึ้นมาก่อน  “เฮ้ยยยย อะไรอ่ะ   เออๆ  ไม่แซวแล้วครับพี่  ฮ่าๆๆ  แล้วนี่  หลุดแล้วนะพี่  หลุดแหละ  หึหึ”

เอกกลับมาสวมมาดแมนอีกครั้ง

“เออ  นท  การ์ดได้แล้วนะ”   จูเนียร์ทักนท  หลังจากเดินออกมาที่ลานจอดรถเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน

“อือ  ได้แล้ว” นทตอบจูเนียร์

“แล้ว เจอกัน เนส”   แอมป์กล่าวกับเนส เนสยิ้มตอบ  “ครับ”

“ซิลวี่!!”  จูเนียร์เรียก

“อะไร พี่เนียร์  เรียกซะดัง”

“พรุ่งนี้พี่ไปหานะ”

“หาที่ไหน  หาทำไม  มีไร”   ซิลวี่ตอบแบบกวนๆ  

“กินมั้ย!!  ชอคโกแลตต์น่ะ”   จูเนียร์พูดขู่แบบทีเล่นทีจริง  ซึ่งมันก็ได้ผล  ซิลวี่กระโดดมากอดแขนจูเนียร์ทันที พร้อมกับเอ่ย “เอามาเยอะๆนะ  จะรอกิน ”  

จูเนียร์มองซิลวี่กวนๆ  นิดนึดและก็ยิ้มออกมา   เอกมองอาการของซิลวี่กับจูเนียร์แปลกๆ พร้อมกับนึกไปถึง คำบนบาลของซิลวี่   เอกเก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงลำพัง  

หลายวันที่ผ่านมา เอกจับสังเกต ท่าทางของแต่ละคน  คนแรกคือ  นท ดูเธอพยายามจะหลบหน้าเนส  และทำตัวห่างเหินกับเนสอยู่ตลอด   ซึ่งเนสเองก็พอจะรุ้ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยจะกล้าเขาใกล้หรืดพูดคุยกับ นทมากนัก   เหมือนทั้งคู่พยายามจะไม่เข้าใกล้ซึ่งกันและกัน   ผิดกับซิลวี่กับจูเนียร์  ซึ่งสองคนนี้ดูท่าจะมีความสุขมากที่สุด   จูเนียร์มาที่ออฟฟิตแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้   เวลามาเขาก็จะขลุกอยู่กับซิลวี่  โดยนั่งคุยกันแบบสนุกสนานเฮฮา   จนบางทีเอกยังรู้สึกรำคาญ

เนสไปถ่ายโฆษณา  ตัวที่สองแล้ว   ซึ่งโฆษณาตัวแรกได้เปิดตัวออกมาวันนี้ เป็นวันแรก   ทุกคนยกเว้นเนส  ซึ่งยังไม่กลับจากมหาลัย   เอก นท ซิลวี่  นั่งรออยู่หน้าทีวี  เพื่อรอดูผลงานของเนส    โฆษณาเปิดตัวเนสมาแบบหล่อมาดเท่ห์   มันเป็นโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของสุภาพสตรี   ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว  ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ   เขาออกตามหาสาวที่เจอกันในงานเต้นรำสวมหน้ากาก   เขาจำเธอได้เฉพาะกลิ่มหอมกับสัมผัสของเธอเท่านั้น  และโฆษณาตอนแรกจบไป  

เอก นท ซิลวี่ หลังจากดูโฆษณาจบ   เอกก็พูดขึ้นลอยๆ  “หล่ออ่ะ”  เอกเพ้อ

ซิลวี่อยู่ในอาการเดียวกันกับเอก    นท ยิ้มแบบเห็นด้วย   สามคนนั่งวิจารณ์โฆษณาเป็นไปอย่างเมามันส์    

“เออ  นท  นทเป็นอะไรรึเปล่า  พี่สังเกตมาหลายวันแล้วนะ”  เอกถามนทด้วยความสงสัย    นททำหน้าแปลกใจกับคำถามของเอก  เอกจึงพูดต่อ  “ ก็  ทำไมนทต้องคอยหลบหน้าเนสด้วยละ  หรือว่า นท มีอะไร”  

“ไม่มีอะไรนิ   พี่เอก คิดมากรึเปล่า”  นทตอบแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่  ซิลวี่ทีนั่งอยู่ด้วยก็เอ่ยขึ้น  “ จริงนะพี่ นท  หนูก็ว่าพี่แปลกๆไปนะ”

“อะไร เป็นอะไรกันเนี่ย!!   สองคนนี้”  นทพูดตลกๆกลบเกลื่อน   ก็จะให้เธอพูดได้ยังไงละว่าเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  แล้วยิ่งเอกชอบพูดเรื่องเกี่ยวกับการบน  ที่พวกเธอเคยบนกันไว้  ว่ามันเป็นเรื่องจริงบ้างละ  แล้วคนอย่างเธอที่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจะพูดอะไรได้อีก   แล้วยิ่งเธอคิดว่าไอ้ความรู้สึกที่เธอมีกับเนส  ถ้ามันเป็นเพราะการที่เธอเคยบนขอไว้ว่าเธอจะรักคนที่มาช่วยเธอให้รอดจากอุปสรรค    งั้นก็แสดงว่าเธอก็ไม่ได้รู้สึกกับเนสแบบนั้นจริง   นทจึงพยายามทำตัวให้ห่างจากเนสให้มากที่สุด  แต่เธอเองกลับรู้สึกแย่ที่ต้องทำแบบนี้  

เอกมองท่าทีของ นท พร้อมกับเอ่ยถาม นทอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง  จน นทยอมทีจะเอ่ยออกมา

“นท  ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะพี่เอก   แต่นทไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ”   นทเอ่ยออกมาแบบต้องการระบาย

นทพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาให้กับเอกและซิลวี่ฟัง   หลังจากเอกฟังจบ  เขาก็ถอนหายใจยาวๆออกมา

“เฮ้อออ.....นทเอ้ย!!  หนูจะต้องฝืนตัวเองทำไมละ  อยากจะทำอะไรก็ทำ  รู้สึกยังไงก็ปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติ  นทไม่ต้องไปคิดมากหลอกว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร   แค่ทำตามความรู้สึกไม่ต้องฝืนแบบนี้   แล้ววันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ช่างมัน”  เอกพูดกับนทแบบพี่สอนน้อง

“ใช่ๆ  พี่นท  ไม่เห็นต้องคิดมากเลย    เออ! แล้วพี่แอมป์ละ  ไม่ชอบพี่แอมป์แล้วเหรอ”  ซิลวี่ถามนทด้วยความสงสัย

“พี่แอมป์เหรอ    อือ  พี่บอกไม่ถูกอ่ะ   เอิ่ม.....กับพี่แอมป์ความรู้สึกมันแบบปลื้มเหมือนเราปลื้มดาราอะไรประมาณนี่อ่ะ  ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะเป็นแฟนอ่ะ”

“แล้วกับพี่เนสละ”   ซิลวี่แทรกขึ้นมาเหมือนอยากรู้สุดๆ

นททำท่าคิดก่อนที่พูด  “กับพี่เนสเหรอ   ไม่รู้สิบอกไม่ถูกอ่ะ”   ซิลวี่เอ่ยขึ้นมาต่อจากนท  “มันแบบว่าอยากอยู่ใกล้ๆใช่มั้ย   แล้วก็ถ้าไม่เจอก็อยากจะรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่   กลัวเขาจะไปคุยกับผู้หญิงอื่น  อะไรประมาณนี้รึเปล่าพี่นท”

นท พยักหน้าช้าๆแบบคล้อยตามและเธอก็พูดขึ้นมาอีกว่า  “ใช่  แล้วก็รู้สึกปลอดภัยเวลาที่มีเขาอยู่กับเรา  มันรู้สึกอบอุ่น   แล้วก็มีความสุขเวลาที่เขาทำอะไรเพื่อเรา”  นทกับซิลวี่อยู่ในอาการเพ้อๆ  จนเอกนึกหมั่นไส้

“อาการแบบนี้ไม่ต้อง ไม่แน่ใจแล้ว   ตกหลุมรักกันเข้าให้แล้วชัวร์!!!”   เอกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

นทหันมามองหน้าเอกด้วยสายตาที่มีแววกังวลพร้อมกับพูดกับเอก  “แต่”

“แต่อะไร”  เอกถามกลับ

“ก็พี่เนส  เขามีแฟนแล้ว”   นทเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงท้อ

“ใคร”   ซิลวี่กับเอกถามพร้อมกัน นทไม่ตอบจนเอกนึกออกมาเองได้

“ยัยจูนนะเหรอ!!”   เอกกล่าวออกมา  

นทคิดอยู่ในใจคนเดียวขณะที่เอกพูด  จะมีใครอีกละ  ก็ยัยจูนนั่นแหละเธอทำตัวเป็นเหมือนเงาของเขาเลยก็ว่าได้   ทุกครั้งที่เนสไปมหาลัยขากลับยัยจูนนี่แหละที่เป็นคนมาส่งเขาทุกครั้ง  และเวลาที่เอกโทรหาเนสทุกครั้งยัยจูนก็จะอยู่ด้วยตลอดเวลาจนทำให้นทรู้สึกว่าเธอไม่ควรที่จะอยู่ใกล้แฟนคนอื่น

“พี่ว่าไม่ใช่หลอก นท  พี่ว่ายัยจูนน่ะ  ชอบเนสฝ่ายเดียวมากกว่า” เอกพูดยังไม่ทันจบเสียงของบุคคลที่กำลังพูดถึงก็ดังแว่วๆเข้ามาทำให้ทั้งสามคนต้องหันมามอง

“ทำอะไรกันอยู่ค่ะ”  เสียงแบ๊วของจูนดังเข้ามาทักทายคนทั้งสาม

เอก  นท ซิลวี่ต่างก็ส่งยิ้มทักทายแบบเสียไม่ได้  

จูนยื่นถุงซึ่งใส่ขนมเค้กยี่ห้อดังส่งให้กับพวกเอก  “ ขนมเค้กคะ  อร่อยมากนะคะ  จูนพาพี่เนสไปทานมา  เลยซื้อมาฝาก”  เธอพูดด้วยน้ำเสียงสดใสแต่แฝงไว้ด้วยท่าทีที่อยากจะอวดว่าเธอไปเที่ยวกับเนสมา  

“ขอบใจจ๊ะ” เอกตอบจูนตามมารยาท  

นทหลังจากฟังจูนพูดอวดอยู่พักนึงเธอก็ขอตัวพร้อมกับให้เหตุผลว่า  พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า   นทเดินขึ้นบ้านไปโดยมีสายตาของเนสมองตามไปจนเธอลับตา  เขาดูจะเงียบๆไป   นท  แยกตัวไปไม่นานเอก กับซิลวี่ก็ขอตัว

จูนนั่งคุยกับเนสตามลำพังอยู่ครู่นึง  เนสก็บอกกับเธอว่า

“ดึกแล้ว  จูนกลับบ้านดีกว่าไม๊ครับ”  เขาเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ  จูนอ้อยอิ่งอยู่นิดนึง  แต่เธอก็ทำตามที่เขาบอก   เนสเดินไปส่งจูนที่รถซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน   จูนขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับก่อนที่เธอจะออกรถไปจูนกดกระจกรถด้านเธอลงมาพร้อมกับบอกเนสว่าอย่าลืมที่นัดกันไว้นะคะ  เนสยิ้มรับตามมารยาท  รถจูนเคลื่อนออกไปแล้ว  เนสหันกลับและกำลังจะเดินเข้าบ้าน  แต่สายตาเขาก็เหลือบมองไปเห็น   ด้านบนหน้าต่างของห้องนอนซิลวี่ที่มันขยับเหมือนกับว่ามีใครรีบปิดมัน  เนสเพ่งมองอยู่ครู่นึงเมื่อเห็นว่ามันไม่มีอะไรเขาก็เดินกลับเข้าบ้านไป

ขณะเดียวกัน

“เกือบไปแล้ว  เฮ้ออออ”   ซิลวี่บ่นออกมาหลังจากรีบหลบเนสที่มองขึ้นมา นทนั่งลงข้างๆซิลวี่พร้อมกับเอามือทาบที่หน้าอกตัวเองแบบตกใจปนตื่นเต้น  เอกซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ตกใจไม่แพ้นท  กับซิลวี่อุทานออกมาหลังจากผ่านช่วงเวลาตื่นเต้น “ต้ายยย!!!หัวใจจะวาย  นี่ถ้าเนสเห็นพี่คงทำอะไรไม่ถูกเลย”

สามคนหันมามองท่าทางซึ่งกันและกันแล้วก็ขำออกมาพร้อมกัน   ก็ดูพวกเธอสิทำตัวเหมือนนักสืบงั้นแหละ  

ก่อนที่เอกจะออกจากห้องของซิลวี่ไปเขาก็พูดกับนท  ประมาณว่าให้คิดดูดีดีว่าตัวเองทำแบบนี้แล้วมีความสุขมั้ย   ส่วนเรื่องจูนเขาบอกกับเธอว่าเขามั่นใจว่าเนสไม่ได้คิดอะไรกับจูน   แล้วถ้านทคิดว่าตัวเองชอบเนส ก็ไม่ควรปิดโอกาสตัวเอง  นทฟังเอกพร้อมกับคิดตาม นั่นสิ  ทำไมเธอต้องปิดโอกาสตัวเองด้วยนะทั้งๆที่ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้กับอะไรที่ยังไม่ได้สู้  เธอยิ้มตอบเอกด้วยสายตามุ่งมั่น

ขณะนี้เวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว  เนสปิดแลปท็อปพร้อมกับเตรียมตัวจะเข้านอน  แต่ก่อนที่เขาจะปิดตาลงเสียงของแอมป์ก็ดังเข้ามาในความคิด

วันนี้เขาไปเจอกับแอมป์โดยบังเอิญที่มหาลัย   ทำให้เขาได้คุยกันกับแอมป์อยู่พักใหญ่  ซึ่งเรื่องที่คุยกันในวันนี้มันมีเรื่องของ นทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  แอมป์บอกว่าเขาชอบนท  ตั้งแต่สมัยเรียนแต่เขาไม่กล้าที่จะบอกเธอ  เนสจำได้ว่าเขาพอจะจับใจความได้เท่านี้เขาก็ไม่ได้สนใจฟังต่อ เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่อยากฟัง  ชายหนุ่มรู้สึกบอกไม่ถูกจริงๆ ว่าเขาควรทำตัวอย่างไรดี  เขาคิดไปมาจนในที่สุดก็หลับไป

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

*****ตอนที่ 4*****  (  รักนี้ต้องสู้  สู้ๆ)

โฆษณาตัวที่  สอง  เปิดตัวได้ไม่นานกระแสตอบรับของสินค้าก็มีมากขึ้น  ทำให้บริษัทเจ้าของสินค้าจัดงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์หนุ่มพร้อมกับจัดกิจกรรม ตามหาสาวในฝัน

นทกำลังอ่านรายละเอียดของงาน   ที่ทางบริษัทส่งมาให้เธอ  

“เป็นไง นท  เขาจัดวันไหน”   เอกถาม

นทเงยหน้ามองเอก  พร้อมกับบอกวันเวลาและสถานที่จัดงาน เอกกับนท  นั่งหารือกันได้สักพัก  เอกก็เอ่ยออกมาว่า  “แล้วเราจะบอกกับเนสยังไง”

นท คิดตามที่เอกพูด  นั่นสิเธอจะบอกเขายังไงละในเมื่อตอนแรกเธอคิดแค่ว่าถ่ายโฆษณาเท่านั้น  ไม่คิดว่าจะมีกระแสตอบรับดีจนทำให้มีการจัดเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขึ้นมา  เอกมองนทด้วยสีหน้ากังวลเช่นเดียวกัน  

“วันนี้พี่เนส  ไปมหาลัยใช่มั้ย  พี่เอก”

เอกพยักหน้าเป็นการตอบ

มหาวิทยาลัย

นทเดินตรงมาที่คณะที่เนสเรียน    เมื่อมาถึงเธอก็พยายามมองหาเขา   เธอมองไปรอบๆบริเวณ   ที่ขณะนี้เป็นช่วงที่อาจารย์กำลังสั่งงาน   และในที่สุดเธอก็หาเจอจนได้   ชายหนุ่มนั่งอยู่แถวกลางๆ  เธอแอบมองเขาผ่านทางด้านหลังห้องซึ่งทำให้เธอเห็นเฉพาะด้านหลังของเขา   เธอจำเสื้อเชิ้ตสีครีมที่เขาสวมได้  นทนั่งรออยู่ได้ไม่นานเธอก็เห็นอาจารย์เดินออกจากห้อง  ซึ่งก็หมายถึงการเรียนสิ้นสุดลงแล้ว  เธอรอจนกระทั่งคนเริ่มทยอยกันออกมา   แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาเขา   สายตาเธอก็เหลือบมองไปเห็น  หญิงสาวที่เธอไม่อาจจะลืมได้   ยายจูน   หล่อนเดินเข้าไปหาเขาก่อนเธอพร้อมกับทำท่าทางสนิทสนมจน นท นึกหมั่นไส้  นทตัดสินใจในทันทีเธอเดินตัวปลิวตรงรี่เข้าไปหา  เนส ที่ขณะนี้เขากำลังเก็บข้าวของอยู่ซึ่งมียายจูนคอยช่วย

“พี่เนส”  นทส่งเสียงทักทาย

เนส กับจูนหันมามองตามเสียงเกือบจะพร้อมกัน   นท ส่งยิ้มหวานมาให้เขาหลังจากนั้นเธอก็หันไปพยักหน้าให้เจนตามมารยาท  จูนมองท่าทางของนท  แบบประเมิน  ว่านทมาไม้ไหน  

“อ้าว!  นท  มาทำอะไร”  ชายหนุ่มถามเธอด้วยท่าทางประหลาดใจ   “มีอะไรรึเปล่าครับ”  

“หึหึ  พอดีมีธุระแถวนี้น่ะค่ะ”  นทตอบแบบมั่วๆ “เสร็จธุระแล้วก็เลยแวะเข้ามาหาพี่เนส  ไม่มีอะไรหรอกค่ะ   อือ  พี่เนสทานข้าวรึยังค่ะ”

“กำลังจะไป”   จูนพูดแทรกขึ้นมา  พร้อมกับทำท่าทีว่ามันเป็นหน้าที่ประจำของเธอที่จะต้องทานข้าวกับเนส

นท ไม่สนใจคำพูดของจูน  แต่เธอกลับหันไปพูดกับเนสแบบไม่แคร์

“พี่เนส ไม่มีเรียนแล้วไช่ไม๊ค่ะ”  

“ครับ”  เขาตอบเธอแบบ  งงๆ  กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอเพราะหลายวันมาแล้วที่เขากับเธอแทบจะไม่ได้คุยกันหรือเจอหน้ากันเลย

“งั้น  ไปค่ะ”  นทพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับแขนชายหนุ่มพร้อมกับดึงเขาให้เดินตามเธอ  แต่ก่อนที่ นทจะเดินจากไป เธอก็หันหน้ามาทาง จูนพร้อมกับพูดตัดบท  “เอ้อ! น้องจูน พี่ขอโทษนะจ๊ะ แต่ร้านที่พี่จะไปมันไกลจ๊ะ  เดี๋ยวจูนกลับมาเรียนไม่ทัน  หึหึ  ไปก่อนนะ”   พูดจบ นทก็จูงเนสออกไปทันทีโดยไม่สนใจท่าทางของจูนที่แสดงอาการขัดใจออกมา  จูน มองตามหลังทั้งสองคนโมโหแต่ด้วยสถานที่และผู้คนทีมีอยู่ในบริเวณนี้ทำให้เธอไม่กล้าแสดงอาการมากนัก

เนสลอบมองนท  เป็นระยะๆโดยไม่พูดอะไร   นทเองเมื่ออยู่ตามลำพังกับเนส เธอก็ได้แต่นิ่ง   เธอทำหน้าที่คนขับมาจนถึงร้านอาหาร เมื่อรถจอดสนิท   นทเปิดประตูรถลงมาตามด้วยชายหนุ่ม  

ร้านอาหารบรรยาศร่มรื่น  ที่มีต้นไม้สีเขียวปรกคลุม  ทั่วบริเวณ ขณะนี้เวลาล่วงเลยไปจนเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว  

นทนั่งลงที่โต๊ะตามด้วยเนส  นทรับเมนูจากพนักงาน  ก่อนที่เธอจะสั่งอาหาร เธอมองมาที่เขา  ซึ่งขณะนี้เขานั่งเฉยๆ โดยไม่ดูเมนู  เนสมองตอบนท  พร้อมกับบอกให้เธอสั่งเลย เพราะเขาทานได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

นท หันไปสั่งอาหารกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอก็ชวนเขาคุยเธอพยายามสร้างบรรยกาศเพื่อไม่ให้ดูอึดอัด

ด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไปโดยฉับพลันของเธอทำให้ชายหนุ่มถึงกับต้องเอ่ยถาม  “มีอะไรรึเปล่า  นท”

“ห๊ะ  มีอะไรค่ะ” นทตอบเขาแบบไม่รู้ว่าจะเริ่มไงดี   เพราะถ้าเป็นเธอเองก็คงจะสับสนเหมือนกันที่อยู่ๆ  ท่าทีเธอก็เปลี่ยนไปรวดเร็วแบบนี้   แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำ เพียงแค่เห็นเขาสนิทสนมกับผู้หญิงอื่น  นทเสทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุย

ผ่านไปไม่นานอาหารก็มาเสริฟ์   เนสตักอาหารให้นท   ซึ่งเขาทำมันเหมือนกับเป็นเรื่องปรกติ  ลักษณะและท่าทางที่เป็นสุภาพบุรุษของเขาทำให้เธออดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้    เธอคิดอยู่ในใจว่า  ท่าทางที่เขาทำมันดูไม่มากเกินไป   ไม่เหมือนกับคนที่กำลังพยายามทำ  

“มีอะไรรึเปล่า  นท”   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาหลังจากเห็นเธอนั่งยิ้ม

“ค่ะ”  เธอสดุ้งนิดนึงพร้อมกับขานตอบ

“คิดอะไรอยู่  นั่งยิ้มอยู่นานแล้วนะ”

“แหะแหะ   ไม่มีอะไรหรอกค่ะ.....พี่เนสอิ่มแล้วเหรอค่ะ”  นทถามขระเห็นชายหนุ่มรวบช้อน   เขาพยักหน้า  นทจึงสั่งให้พนักงานมาเก็บโต๊ะพร้อมกับคิดเงิน   เนสเป็นคนขอจ่ายค่าอาหารเอง   นทปฏิเสธแต่เขาไม่ยอม  นทจึงบอกเขาไปว่างั้นเดี๋ยวนทพาไปเที่ยว    เนสทำหน้าตกใจนิดนึงพร้อมกับบอกเธอว่า

“ไปเที่ยวแบบวันนั้น  ไม่เอาแล้วนะ หึหึ”  นททำหน้าสงสัย  จนเขาต้องบอกเธอ

นทหัวเราะออกมาแบบ เขินๆ  ก็วันนั้นที่เขาหมายถึงก้คือวันที่เธอเมาสุดๆ  จนทำอะไรรั่วออกไป

เนสยิ้มขำๆ  กับท่าทางเขินอายของนท  ในใจเนสขณะนี้เขาคิดว่า  เขาคงต้องปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไปโดยไม่คิดสงสัยกับท่าทางที่ผ่านมาของนท

หลังจากออกจากร้านอาหาร  นทก็ขับรถ  พาเนสมาถึงชายหาดพัทยาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารมากนัก    

ขณะนี้เวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว  นทขับรถเลียบชายหาดมาเรื่อยๆ  วันนี้ซึ่งเป็นวันธรรมดาผู้คนจึงไม่มากนัก   นทขับรถเข้ามาจอดที่จอดรถของท่าเรือ   เนสทำหน้าประหลาดใจ   พร้อมกับถามเธอว่าเราจะไปไหน   นทหันมามองเขาพร้อมกับตอบเขาไปแบบยิ้มๆ  ด้วยเสียงทะเล้นๆ   “นทจะพาพี่เนสไปปล่อยเกาะค่ะ  หึหึ”

เนสยิ้มตอบแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี   เขาเดินตามเธอมาจนถึงภายในอาคารที่ด้านบนติดป้ายไว้ว่า  ท่าเรือ   นทเดินเข้าไปยังเคาน์เตอร์  เธอพูดคุยกับพนักงานครู่นึง  ก็เดินกลับมาที่เนสซึ่งยืนรออยู่ใกล้ๆ  

“ป่ะ  พี่เนส”  

เนสเดินตามนท  โดยมีคนเดินนำหน้าอีกที  ชายวัยประมาณ  30กว่าๆ  เดินนำเธอกับเขามาจนถึงเรือสปีดโบ๊ทลำไม่ใหญ่มาก  

เมื่อมาถึงเรือ เนสก็ถามนท

“จะไปจริงๆ เหรอ”  เนสเอ่ยถามเธอ

“จริงสิค่ะ”

เนสก้าวลงเรือตามนทไป   เรือวิ่งด้วยความเร็วทำให้ถึงเกาะใช้เวลาไม่นาน  หลังจากขึ้นเรือมาแล้ว  นทก็หันกลับไปนัดแนะเวลากลับกับเจ้าของเรือ   นทเดินนำหน้าเนสเข้ามา  ซึ่งป้ายที่ติดไว้คือ  ยินดีต้อนรับสู่เกาะล้าน   เจ้าของกิจการหลายคนเดินเข้ามาติดต่อและแนะนำเกี่ยวกับบริการของตนเอง   นทเลือกใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์    หลังจากได้พาหนะที่ต้องการแล้ว  นทก็ยื่นกุญแจมอเตอร์ไชค์ให้เนส   ชายหนุ่มรับกุญแจรถจากเธอและทำหน้าที่คนขับโดยมีเธอเป็นผู้ซ้อน   เนสขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทางที่เจ้าของรถเช่าแนะนำไว้  

ชายหาดขาวสะอาดตา   นทลงจากรถได้เธอก็ไม่รีรอ   เธอเดินนำเขามาจนถึงบริเวณหาด  เธอหันมายิ้มให้กับเขาประมาณว่าสวยไม๊   เขามองเธอกลับพร้อมกับยิ้มให้   บริเวณชายหาดขณะนี้ผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่าที่จะเป็นคนไทย  จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากนักคงเพราะเวลาและแดดที่เริ่มจะหมด   นท ติดต่อเตียงผ้าใบที่กางไว้บริการนักท่องเทียว  เมื่อได้ที่นั่งแล้ว  นทก็บอกกับเนสว่าให้เขารออยู่ที่นี่  เดี๋ยวเธอมา   ไม่นานมากที่นทไป   เธอเดินกลับมาอีกทีพร้อมกับของหลายอย่าง   เนสมองเธอแบบสงสัยว่าเธอไปซื้ออะไรมา   นทนั่งลง  พร้อมกับหยิบรองเท้าแตะออกมาให้เขา   เขากล่าวขอบใจเธอพร้อมกับรับมันมาเปลี่ยน  ซึ่งเธอก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน นทชวนเนสไปเดินเล่น   สองหนุ่มสาว  เดินเล่นเลียบชายหาดชึ่งขณะนี้แสงแดดสุดท้ายของวันเริ่มที่จะจากลาจากฟ้า   นทดินเล่นโดยเธอเดินลุยน้ำทะเลไปจนเกือบจะถึงเข่าด้วยอารมณ์สนุกสนาน   เนสยืนมองเธออยู่ไม่ห่างมากนัก  พร้อมกับหัวเราะออกมาที่เห็นเธอทำท่ากระโดดข้ามคลืนทะเลเหมือนเด็กๆ  และก็ต้องคอยลุ้นว่าเธอจะล้มลงไปรึเปล่าเพราะบางครั้งเธอก็ทำท่าเหมือนจะล้ม   นทกวักมือเรียกให้เขาเดินมาเขายิ้มให้เธอพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆเป็นการปฏิเสธ    เธอยิ้มหวานให้เขาพร้อมกับเดินเข้ามาจนใกล้    นทก้มตัวเองลงมาและผับขากางแกงให้กับชายหนุ่มเนสตกใจกับการกระทำของเธอเขาก้มลงมาอัตโนมัติพร้อมกับจับมือของเธอไว้  นทเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับเขาพร้อมกับเอ่ย   “นทพับให้  พี่เนสจะได้เดินลงไปกับนทได้ไงค่ะ”

เนสได้แต่ยิ้มและมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู   เมื่อนทพับขากางแกงให้เขาเสร็จแล้วเธอก็ลุกขึ้นและจับมือของเขาเพื่อจูงให้เขาเดินลงไปในทะเลกับเธอ  

นทสนุกกับการกระโดดโต้คลื่นโดยมีชายหนุ่มเป็นเหมือนกับหลักให้กับเธอได้ยึดเกาะ   นทจับบ่าชายหนุ่มเอาไว้พร้อมกับเอ่ยกับเขาด้วยท่าทางสนุกสนาน

“เดี๋ยว  ลูกนี้มาใครกระโดดได้สูงคนนั้นชนะ”

เนสหัวเราะออกมาเบาๆ  และทำท่าจริงจังกับการแข่งขัน   แต่พอคลื่นมาเขากับกระโดดไม่ได้เพราะเธอกดบ่าของเขาเอาไว้  นทหัวเราะชอบใจที่ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ  เนสมองเธอแบบหมั่นไส้ปนขำชายหนุ่มก้มลงไปกวักน้ำสาดไปทางเธอนิดนึงแบบต้องการจะแกล้งคืน    นทหยุดหัวเราะพร้อมกับทำท่าจริงจังแบบต้องการจะแกล้งคืน เนสหัวเราะพร้อมกับพยายามจะเดินหนี   นทวิ่งตามมาจนทันเธอกวักน้ำใส่เขา   เนสไม่หันกลับแต่เขากลับกวักน้ำใส่เธอคืน   เสียงหัวเราะของทั้งสองคนประสานกันทำให้บรรยกาศชายทะเลเต็มไปด้วยความสุข

“พี่เนสอ่ะ  นทเปียกหมดแล้ว”   นทโวยใส่ชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงแอบงอน   เนสหันมามองเธอพร้อมกับเดินเข้ามาหา  เธอแกล้งทำเป็นมองค้อนเขาขณะที่เขาเดินเข้ามาจนใกล้   พอเนสเดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเธอ  นทได้โอกาสจึงแกล้งผลักชายหนุ่มเพื่อให้เขาล้มลงแต่เธอกลับเสียหลักล้มลงไปเองทำให้เธอถึงกับตัวเปียกโชกไปทั้งตัว   เนสหัวเราะออกมาพร้อมกับยื่นมือให้เธอจับพร้อมกับดึงตัวเธอขึ้นมา  นทลุกขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าบึ้งพร้อมกับเอ่ย  “ขำอะไรพี่เนส”

“หึหึ  ก็ขำคนตกน้ำอ่ะ  หึหึ   ปะ  ไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยนก่อน”   พูดจบเขาก็เดินจูงมือเธอให้ตามมา  

เนสสอบถามกับเจ้าของร้านที่เขาเช่าเตียงผ้าใบอยู่ครู่หนึ่ง   เขาก็พาเธอซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านค้าที่ขายเสื้อผ้า   นทเดินเลือกดูเสื้อผ้าอยู่ไม่นานเธอก็เลือกได้   เนสพาเธอมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำที่เปิดบริการไว้สำหรับนักท่องเทียว   ชายหนุ่มรอเธออยู่ครู่หนึ่ง  นทก็เดินออกมา   ชุดที่เธอเลือกซื้อมาใส่   เป็นกระโปรงยาวลายดอกสีสันสดใส ช่วงบนของชุดเป็นสม๊อคบริเวณหน้าอก  เธอรวบผมเป็นมวยไว้ด้านบน กลางศรีษะ   ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางทำให้เธอดูเด็กลง   เนสจ้องมองมาที่เธอพร้อมกับเผลอยิ้มออกมาบางๆที่มุมปาก   เขาส่งถุงสำหรับใส่ผ้าเปียกให้กับเธอ   นทรับไว้พร้อมกับออกอาการเขินๆ  กับสายตาและใบหน้าที่อมยิ้มของเขา  จนเธอต้องเสมองไปทางอื่น   เนสยิ้มๆ  พ้อมกับถามเธอ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน   “หิวรึยังครับ”

“ไม่เท่าไหร่ค่ะ   เออ!  กี่โมงแล้วเนี่ย!!!”   นทพูดพร้อมกับหยิบนากาข้อมือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู  พร้อมกับอุทาน  “ตายแล้ว”

นท  กับเนสหลังจากเอามอเตอร์ไซค์มาคืน  นทรีบเดินมายังบริเวณท่าเรือพร้อมกับมองหาคนขับเรือที่นัดไว้  

“สงสัยไม่รอแน่เลย”  นทพูดออกมาลอยๆ   ก็เธอดันมาผิดนัดตั้งชั่วโมงกว่า   แล้วนี่ก็จะสามทุ่มแล้ว   เนสเดินตามหลังมาทันเธอบ่นพอดี   เนสเลยบอกกับเธอว่า “ไม่เป็นไร นท  เดี๋ยวเราลองไปถามคนแถวนี้ดูละกันว่าจะมีเรือพาเรากลับไม๊”   ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ   นทมองหน้าเขาพร้อมกับพยักหน้า

“โอ้ย  ตอนนี้เหรอ  เรือเขากลับบ้านกันไปหมดแล้วนะสิ”  เจ้าของร้านที่ขายของชำและให้เช่ารถตอบชายหนุ่ม    เนสสอบถามเพิ่มเติมและบอกกับสาวเจ้าของร้านวัยกลางคนให้ช่วยหาหรือแนะนำเขาก็ได้   สาวเจ้าของร้านบอกกับเนสว่า  เรือนะมีแต่ตอนนี้คนขับนะสิ  แล้วยิ่งตอนนี้ฝนตกที่ฝั่งนู้นคงไม่มีใครไป   เธอจึงแนะนำชายหนุ่มว่าให้หาที่นอนดีกว่าแล้วพรุ้งนี้เช้าค่อยกลับ  เนสหันมามองนท  ประมาณขอความเห็น

หลังจากออกจากร้านของชำมาแล้ว   เนสเดินนำหน้านทเข้ามาที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง  ซึ่งตัวห้องพักสำหรับแขกปลูกสร้างขึ้นเพื่อให้ยื่นออกไปบริเวณทะเล

เขาเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อติดต่อห้องพัก   โดยมีนทยืนอยู่ด้วยใกล้ๆ  เนสบอกกลับพนักงานต้อนรับว่าเขาต้องการห้องพักสองห้อง   พนักงานก้มลงไปดูอะไรบางอย่าง   จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาและบอกกับเนสว่า  ตอนนี้เหลือห้องพักเพียงห้องเดียว   เนสหันมาบอกนท  เธอทำท่าคิดก่อนที่จะเอ่ยถามกับพนักงานว่า  ขอไปดูห้องก่อนได้ไม๊  เนสมองหน้านทพร้อมกับบอกกับเธอว่า “เราไปดูที่อื่นก่อนก็ได้นะ”

นทให้เหตุผลกับเนสว่าถ้าหาอีกแล้วไม่ได้มันจะดึกมากไปกว่านี้     พนักงานเดินนำหน้าสองคนมาที่ห้องพักด้านในสุด  ซึ่งเขาบอกว่าห้องนี้เป็นห้องใหญ่ที่สุด  พนักงานชายเปิดประตูห้องให้  เพื่อให้แขกได้เข้าชม   พนักงานทำหน้าที่อธิบายถึงคุณสมบัติที่ดีของห้องนี้    โดยแนะนำว่าห้องนี้มีระเบียงที่สามารถนอนชมดาวตอนกลางคืนได้   และยังเป็นมุมที่รับลมในตอนกลางคืนได้ดี  นทฟังบรรยายไปเรื่อยๆพร้อมกับชื่นชมคนออกแบบในใจว่า   ตบแต่งห้องและรีสอร์ทได้สวยมาก  ห้องที่เธอกำลังชมอยู่กำแพงทาด้วยสีอิฐ    เครื่องเฟอร์นิเจอร์ออกแนวดิบผสมกับสีพาสเทลสีสันสดใส   ประตูด้านระเบียงเป็นกระจกใสบานใหญ่  ชึ่งเมื่อเดินออกมาภายนอก  ก็จะเป็นระเบียงเปิดโล่งที่มีเบาะขนาดใหญ่วางไว้บนตั่งไม้  มันถูกจัดไว้เพื่อให้แขกที่มาพักได้นอนชมดาวและดื่มด่ำบรรยกาศของทะเลยามค่ำคืน   นท หันมาทางพนักงานและบอกกับเขาว่า  “ตกลง  ค่ะ”

เนสมองหน้าเธอนิดนึง   พร้อมกับเอ่ยออกมาแบบไม่ค่อยแน่ใจ  “แล้วจะนอนยังไง”

ความจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นคนที่เรื่องมากกับการนอนเท่าไหร่หรอก  แต่ที่เขาต้องกังวลเพราะเขากลัวว่ามันจะไม่เหมาะพร้อมกับกังวลว่าเธอจะเสียหาย   นท เองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มได้  เธอจึงพูดกับเขาเพื่อให้เขาสบายใจว่าเธอไม่คิดมาก  และห้องก็ใหญ่ขนาดนี้  

เนสอาสาเป็นคนจัดการเกี่ยวกับค่าห้องพักเอง      พนักงานคนเดิมบอกับเนสว่าขณะนี้มีบาร์บีคิว  ที่ทางรีสอร์ทจัดไว้เพื่อบริการให้กับแขกที่มาพัก  และเริ่มเสิร์ฟได้ประมาณนึงแล้ว   เนสพยักหน้าเป็นการรับรู้และถามถึงตำแหน่งที่ทางรีสอร์ทจัดไว้   พนักงานชี้ไปด้านในสุดที่

ขณะที่เนสกำลังจัดการเรื่องห้องพัก   นทแยกตัวออกมาเธอเดินหายไปพักหนึ่ง  ก็เดินกลับมาที่ห้อง  ซึ่งขณะนี้เนสนั่งรอเธออยู่    นทส่งถุงเสื้อผ้าให้กับเนส  เนสรับมาแบบแปลกใจ  ว่าเธอไปซื้อมาตอนไหน   นทไม่ตอบอะไรแต่กลับบอกเขาว่าเธอจะออกไปรอเขาที่ด้านนอก   และเร่งให้เขาอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบตามออกไป

เนสเดินออกมาในชุดใหม่ที่นท  ซื้อมาให้  เขาเดินมาจนถึงบริเวณระเบียงที่ยื่นไปนอกทะเล ชายหนุ่มมองหาหญิงสาวที่ออกมารอเขาอยู่ก่อนแล้วผ่านแว่นตา  นทเมื่อเธอเห็นเขาเธอทำท่าโบกมือไปมาเป็นสัญญาณ  เนสเดินยิ้มเข้ามาหาเธอหลังจากมองเห็น   นทมองภาพชายหนุ่มที่กำลังเดินส่งยิ้มเข้ามาหาเธอ  นทยิ้มพอใจกับชุดที่เธอซื้อให้เขาและนึกอยู่ในใจว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่ดูดีแม้จะสวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา    กางเกงเลสีฟ้าเข้มกับเสื้อยืดสีขาวคอวีที่สกรีนคำว่า   “มีเจ้าของแล้ว” นทอ่านตรงบริเวณที่สกรีนอยู่ในใจพร้อมกับยิ้มออกมาคนเดียว

เนสเดินมาถึงเขาก็นั่งลง  ตรงกันข้ามกับเธอ  ขณะนี้เวลาน่าจะอยู่ประมาณสี่ทุ่มได้   แต่ในบริเวณที่ทางรีสอร์ทจัดไว้บริการลูกค้ายังมีแขกทั้งชาวไทย  และต่างประเทศนั่งกันอยู่   โดยส่วมมากจะนั่งดื่มเบียร์และคุยกัน   บางคนก็นั่งดูทีวีจอใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดกีฬาต่างประเทศอยู่    นทเลื่อนจานอาหารทะเลที่พนักงานนำมาเสิรฟ์ให้กับเนส    แล้วทั้งสองคนก็ทานอาหารและพูดคุยกันไประหว่างทาน   นทบริการเนสด้วยการแกะกุ้งส่งให้กับเขา  เนสมองนทแกะกุ้งพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องแล้ว  และดูชายหนุ่มจะมีความสุขเวลาที่เธอทำอะไรให้กับเขา เพราะสังเกตได้จากสายตาที่เขามองเธอมันมีประกายจนปิดไม่มิดจริงๆ   ซึ่งนทเองก็ดูจะมีความสุขที่ได้ทำอะไรให้กับเขาเช่นกัน  

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว  เนสก็เอ่ยถามนท ถึงเรื่องเสื้อผ้า  พร้อมกับกล่าวขอบคุณเธอ   ชายหนุ่มก้มลงมองที่เสื้อตัวเองพร้อมกับอ่าน  “มีเจ้าของแล้ว”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งล้อ  นท ยิ้มๆตอบเขาพร้อมกับเอ่ย

“ประโยคนี้ดีที่สุดแล้วนะ  หึหึ”เธอยิ้มให้เขาพร้อมกับพูดต่อ “มีตัวนึง  สกรีนว่า  มีเมียแล้วด้วยช้ำ  ฮ่าๆๆ  อีกตัวนึงก็   ผมเป็นกระเทยครับ  ฮ่าๆๆเธอเล่าให้เขาฟังด้วยท่าทางสนุกสนาน   เขาฟังเธอเล่าและยิ้มไปกับเธอด้วย  เนสมองนท ด้วยสายตาที่ทำให้ นทถึงกลับต้องเสมองไปทางอื่น  เธอคิดในใจว่า เขาจะรู้ตัวมั้ยนะ  ว่าสายตาของเขาที่มองมายังเธอ  มันทำให้เลือดในตัวเธอมันสูบฉีดจนทำให้เธอรู้สึกว่าแก้มของเธอเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ  จนเธอต้องหยุดพูดและหันไปมองทางอื่นแทนที่จะมองเขากลับ  เนส มองอาการของนท ด้วยความแปลกใจ  และเอ่ยถามเธอ

“ทำไมไม่เล่าต่อละ   กำลังสนุกเลย  หึหึ”  เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน  

นทมองเขาพร้อมกับพูดตอบเขาไปว่าเธอง่วงนอนแล้ว  

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับมาที่ห้องนอน

เมื่อกลับมาถึงห้องพัก   นทเดินตรงไปที่กระจกใสบานใหญ่เธอเลื่อนมันเปิดและเดินลงไปยังระเบียงที่ขณะนี้สายลมเย็นๆจากทะเลที่พัดเข้ามาทางด้านหน้าทำให้ผมของเธอปลิวสยายไปตามแรงลม   เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังเป็นระยะๆ  เสียงคลื่นเบาๆที่กระทบขอบฝั่งทำให้รู้ว่าทะเลยามนี้สงบเพียงใด  นทสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมกับหลับตาลง   หลังจากนั้นเธอก็ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ    นทยังคงหลับตาฟังเสียงคลื่นไปเรื่อยๆ  โดยฝังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว  เธอยืนกอดอกนิ่งๆ    จนไม่รู้ว่ามีใครนั่งมองเธออยู่ทางด้านหลัง   ชายหนุ่มเดินมานั่งลงเงียบๆที่เบาะโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาเพราะเขาไม่อยากทำลายภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาขณะนี้  และไม่อยากจะขัดจังหวะในการเสพบรรยากาศของเธอ    ที่สำคัญเขาเองก็อยากที่จะเก็บภาพหญิงสาวตรงหน้าเขาให้นานที่สุด  ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจลำพังว่าถ้าเขาหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้ได้เขาคงจะทำมัน  และอยากบอกกับเธอถึงสิ่งที่อยู่ในใจ   เขาจ้องมองเธออยู่เงียบๆพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ    เวลาผ่านไปได้ไม่นาน  นทลืมตาและหันกลับมาช้าๆ   เธอก็ตกใจนิดนึงหลังจากเห็นชายหนุ่มจ้องมองมา  เธอสบตากับเขาพอดี  และก็เกิดอาการเขินขึ้นมาเมื่อสบตากับเขา   นทหลบสายตามองไปทางอื่นพร้อมกับยิ้มน้อยๆแก้เก้อ  และถามเขาโดยไม่กล้ามองหน้า   “พี่เนส มานานรึยังคะ”  เธอพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก

เนสลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ  โดยยังไม่ตอบอะไร  เนสมาหยุดยืนที่ริมระเบียงโดยมีหญิงสาวมองตามการกระทำของเขา ด้วยรอยยิ้มหวานๆ  เนสมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ขณะนี้มีดาวอยู่ไม่มากนัก   แต่ก็ไม่สามารถทำให้ท้องฟ้ายามมืดมิดไม่น่ามองไปได้เลยเพราะยังมีดวงจันทร์กลมโตดวงใหญ่ทำหน้าที่เปล่งแสงของตัวเองออกมาเพื่อให้ความสว่างกับผืนน้ำ   ทั้งสองที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันต่างมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความชื่นชม    

ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศพาไปหรือมันเป็นสิ่งที่เรียกร้องมาจากภายในกันแน่ ถึงทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง  

“นทครับ”  เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก  โดยที่ยังไม่หันมามองหน้าเธอ  

หญิงสาวหันมามองหน้าชายหนุ่มช้าๆ  หลังจากได้ยินเสียงเขา  “คะ  พี่เนส”

เธอขานตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานมากในความรู้สึกของคนฟัง

เนสหันมามองเธอตรงๆ  พร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ  ซึ่งเธอเองก็จ้องมองเขากลับมาเช่นเดียวกัน   ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยบางอย่างออกมา    หญิงสาวเองก็รอฟังเขาด้วยหัวใจทีเต้นไม่เป็นจังหวะ   ชายหนุ่มทำท่ารวบรวมความกล้าทั้งหมดและในที่สุด  

“ พี่  รัก  นท”   เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่แทบจะกระซิบ   พร้อมกับจ้องเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่และมั่นคง   และเมื่อเขาเอ่ยออกไปแล้วเขาก็พร้อมที่จะยอมรับผลของมันที่จะตามมาจากคำพูดของเขา    ชายหนุ่มยืนนิ่งๆ   พร้อมกับลุ้นกับปฏิกิริยาจากเธอ

สำหรับเธอถึงเสียงที่เขาเอ่ยออกมาจะไม่ดังมากแต่ทุกคำ   มันกลับชัดเจนมากในความรู้สึกของเธอ   และเธอเองก็พอจะมองออกว่าเขาจริงจังกับคำพูดนี้มากแค่ไหน    หญิงสาวถามกลับไปด้วยน้ำเสียงและสายตาที่สื่อให้เขารู้ว่าเธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา   “มากแค่ไหนคะ”  

หลังจากหญิงสาวพูดจบ   ชายหนุ่มก็คว้าตัวเธอเบาๆ  เข้ามากอดไว้   เธอไม่ขัดขืนและยังซบหน้ามากับหน้าอกของเขา   ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความสุขก่อนที่จะตอบ  “มากที่สุดเท่าที่  ผู้ชายคนหนึ่งจะมีความรักได้”    เขาพูดจบก็เชยคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับถามเธอกลับ  “แล้วนทละ  รู้สึกยังไงกับพี่”

หญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาของเข้า  เธอยิ้มพร้อมกับตอบเขาไปว่า   “รู้สึก   แบบที่พี่เนสรู้สึกกับนทแหละค่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความสุขหลังจากเธอพูดจบ    จากนั้นเขาก็ค่อยๆก้มหน้าลงมาจนใกล้กับใบหน้าของเธอ   ลมหายใจอุ่นๆของเขาเป่าลดลงมา   จนทำให้

เธอต้องหลับตาลงช้าๆ    ริมฝีปากบางของเขาประกบลงมาที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล  จากนั้นทั้งสองคนก็เหมือนกับหลุดลอยเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน   ไม่นานเขาก็ถอนจูบจากเธออย่างช้าๆ   พร้อมกับมองหน้าเธอ   นทลืมตาขึ้นมาเห็นสายตาของชายหนุ่มเธอก็หลบโดยการซบไปที่หน้าอกของเขา   และแล้วค่ำคืนที่แสนหวานของคนทั้งคู่ก็ผ่านไปอย่างช้าๆ

เช้าวันต่อมา

นทลุกขึ้นนั่งหลังจากลืมตาขึ้นมา   อย่างแรกที่เธอทำคือมองไปยังเบาะที่เป็นที่นอนของเขา  ซึ่งขณะนี้มันว่างเปล่าหญิงสาวมองไปรอบๆ และเธอก็คิดในใจว่าเขาคงตื่นนอนและออกไปข้างนอกแล้ว    เธอลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเอง

นทเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องน้ำ   เธอทำหน้าสงสัยหลังจากเห็นเสื้อผ้าวางอยู่ที่เคาน์เตอร์บริเวณอ่างล้างหน้า   เธอหยิบกระดาษโน๊ทที่วางอยู่บนเสื้อผ้าขึ้นมาอ่าน  เมื่อเห็นข้อความในกระดาษเธอก็อ่านออกเสียงขึ้นมาเบาๆด้วยรอยยิ้ม  “พี่เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้  ไม่รู้นทจะชอบรึเปล่า  พี่รออยู่นะ”

นทวางกระดาษโน๊ทลงและหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาดู  กระโปรงยาวลายดอกสีสดใส และเสื้อสีขาวคอวี ที่ตรงกลางเสื้อสกรีนคำว่า   “ไม่โสดแล้วค่ะ”   นทยิ้มมีความสุขหลังอ่านข้อความจบ  

หลังจากนทอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว  เธอก็เดินออกมาจากห้อง  หญิงสาวแต่งหน้าอ่อนๆ  และสวมเสื้อผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้    เธอเดินมาจนถึงบริเวณที่ทางรีสอร์ทจัดไว้สำหับบริการอาหารเช้ากับแขกผู้มาพัก  เนสลุกขึ้นยืนหลังจากเห็นเธอเดินเข้ามา  ชายหนุ่มฉีกยิ้มพร้อมกับทำตาหยีมองมา    นทยิ้มกับท่าทางของเขา  แล้วเธอก็ต้องยิ้มมากขึ้นเมื่อเห็นข้อความบนเสื้อเขาชัดๆ  

“ผมมีแฟนแล้ว”

เนสยิ้มอายๆ  เมื่อเธอทักเขาแบบล้อๆ  “พี่เนสมีแฟนแล้วเหรอค่ะ”

“อ้าว”  เนสตอบแบบเขินๆ  

“ไหนค่ะแฟนพี่เนส”  เธอถามเขาต่อด้วยรอยยิ้มแบบล้อๆ  

ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่ม  มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งให้เธอ  นทเองก็เช่นกันเธอมองเขากลับแบบไม่ต้องเอ่ยอะไรกันอีก

หลังจากนั่งเรือกลับมาถึงฝั่งเนสอาสาเป็นคนขับรถให้เธอ    ทั้งสองเดินทางกลับมาจนถึงบ้านในเวลาเกือบจะบ่ายโมง   เมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้าน  เธอก็ต้องแปลกใจกับรถที่จอดอยู่   พร้อมกับนึกในใจ “พี่แอมป์มาเหรอ”

นทเดินเข้ามาในบ้านก่อนชายหนุ่ม  เมื่อเธอผ่านประตูเข้ามาสิ่งเรียกที่เธอเห็นคือ  แอมป์กำลังนั่งคุยอยู่กับพี่เอก   เอกมองมาที่นทพร้อมกับร้องทัก   แอมป์หันมามองนท  เธอกล่าวสวัสดีชายหนุ่มพร้อมกับถามเขาออกไป

“พี่แอมป์  มาหานท มีอะไรรึเปล่าคะ”  

“อ้าว  นทลืมแล้วเหรอ” แอมป์ถามนทกลับ   นททำท่าพยายามนึก  “ก็ที่นัดกันไว้ว่าจะไปซื้อของขวัญให้กับ  พี่นิวไง(รุ่นพี่ที่กำลังจะแต่งงาน)”

นทพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย  “เออ!!! ไช่...พี่แอมป์รอนทแป๊ปนะคะ”  นทรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า   ขณะนั้นเองเนสก็เดินเข้ามา  แอมป์ทักทายเนสด้วยความคุ้นเคย  เพราะแอมป์มาลงเรียนวิชาเดียวกันกับเนส  เขาจึงได้เจอกันบ่อยขึ้น  แอมป์ไม่ได้ถามอะไรว่าทั้งสองคนไปไหนมา  เพราะเอกไม่ได้บอกเขา   เอกรู้เพราะว่าเมื่อวานนทโทรมาบอกเขาว่าอยู่กับเนสที่เกาะล้าน   เอกไม่ได้สังเกตเสื้อที่นทกับเนสสวม   แต่แอมป์ถึงแม้เขาจะทำเป็นไม่สนใจแต่เขาก็สังเกตเห็นข้อความบนเสื้อของคนทั้งสอง  

นทหายไปไม่นานเธอก็ลงมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่   เธอบอกกับเนสและเอกว่าเธอจะออกไปซื้อของกับแอมป์  เนสมองเธอด้วยสายตาที่รู้กันกับนท  เธอมองเขาพร้อมกับเอ่ยออกมาลอยๆ เหมือนกับว่าไม่เจาะจงจะพูดกับใคร  “จะรีบกลับค่ะ”

นทกับแอมป์ออกไปแล้ว   โดยมีสายตาของเนสที่มองไปจนลับตา   เอกมองอาการและท่าทางของเนสแบบสงสัย   ชายหนุ่มหันมาก็เจอกับสายตาสงสัยที่มีคำถามปนอยู่ด้วยของเอก  เนสยิ้มเอ๋อๆ  ให้กับเอกพร้อมกับขอตัวเอกเอาของไปเก็บ  แต่ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบ้านไป  เสียงสดใสสไตล์แอปแบ็วของจูนก็ดังเข้ามาก่อนตัว  

“พี่เนสขรรรา”

ณ. สมาคมสตรีเพื่อสตรี

“สวัสดีครับ”   เนสกล่าวและทำความเคารพสตรีสูงวัย   คุณหญิงทิพย์ผู้เป็นมารดาของจูน  เธอรับไหว้เนส  พร้อมกับเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ๊ะ  หึหึ  ไม่เจอกันไม่เท่าไหร่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะจ๊ะ”   คุณหญิงกล่าวและมองเนสด้วยความพอใจ   คุณหญิงทิพย์เป็นคนที่นำคณะคนไทยไปทำบุญที่วัดที่เขาอยู่กับหลวงน้าเป็นประจำทุกปี  จึงทำให้เธอรู้จักกับชายหนุ่ม

เนสยิ้มให้คุณหญิงด้วยท่าทางสุภาพและอ่อนน้อม    จูนซึ่งขณะนี้เธอยืนกอดแขนผู้เป็นมารดาแบบประจบ  

“คุณแม่ขา”   จูนเรียกมารดาเหมือนกับจะเตือนเธอ    คุณหญิงหันมามองหน้าลูกสาวด้วยยิ้มที่ตามใจ   คุณหญิงหันมาทางเนสพร้อมกับเอ่ย

“อือ...เนสป้ามีอะไรจะวานหน่อยสิ”

“ครับ”  เนสขานพร้อมกับรับฟัง

“ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ  พอดีป้าจะจัดงานการกุศลน่ะ”

  คุณหญิงขอให้ชายหนุ่มมาช่วยงานโดยการให้เขามาช่วยเดินเป็นนายแบบให้กับงานกาล่าของสมาคมเพื่อหาทุนไปช่วยเด็กและสตรีที่โดนทอดทิ้ง    ชายหนุ่มจำเป็นต้องรับปากแบบเสียไม่ได้   หลังจากคุยกับคุณหญิงได้พักหนึ่ง  จูนก็ขอตัวกับมารดาพาเนสไปหาของทาน  

จูนเดินกอดแขนชายหนุ่มมาตลอดทางเดิน  เมื่อมาถึงที่จอดรถจูนขอให้ชายหนุ่มขับรถให้เธอ   เนสรับกุญแจมาจากเธอและทำหน้าที่คนขับเขารู้สึกว่าตัวเองอึดอัด  แต่ก็ไม้กล้าที่จะปฏิเสธเธอ  อาจเป็นเพราะเขาเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาว   ชายหนุ่มถามจูน  หลังจากขับรถออกมาได้สักพัก   จูนบอกทางให้กับเขา   ชายหนุ่มขับรถมาตามทางที่เธอบอก   จนมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง  

จูนเดินควงชายหนุ่มเข้ามาจนถึงบริเวณร้านอาหาร   เธอยืนมองอยู่สักพัก  ก็มีเสียงทักทายและโบกไม้โบกมือ   จูนยิ้มเมื่อมองเห็นกลุ่มเพื่อนสาวของเธอ  

จูนเดินจูงชายหนุ่มเข้ามาจนถึงโต๊ะที่เพื่อนๆเธอนั่งกันอยู่   สาวในโต๊ะยิ้มและมองเนสด้วยสายตาอิจฉาจูน   เพื่อนจูนทั้งสามคน  ดูจากการแต่งตัวและท่าทางก็คงไม่พ้นพวกที่มีพ่อแม่เป็นคนมีฐานะทางสังคมและการเงินไม่แพ้จูน

เนสนั่งลงร่วมวงกับสาวๆ  จูนแนะนำเนสให้รู้จักกับเพื่อนของเธอ   “นี่ดาว   ก้อย  แล้วนี่ ดี้  ค่ะ”  จูนพูดจบดี้ก็เอ่ยทักเนสด้วยท่าทีล้อๆ

“สวัสดีค่ะ  พี่เนส  จำดี้ได้ไม๊ค่ะ”

เนสทำท่านึกจากนั้นเขาก็ส่ายหน้าช้าๆ  พร้อมกับยิ้มบางๆแบบสุภาพเป็นการปฏิเสธ   ดี้ จึงบอกกับเขาไปว่า  “ที่เราเจอกันที่มหาลัยไงค่ะ”   ชายหนุ่มยิ้มให้เธอแบบขอโทษเพราะเขาจำเธอไม่ได้จริงๆ  จูนจึงตัดบทเพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวได้เท้าความอะไรไปมากกว่านี้   จูนหันไปถามเนสว่าจะทานอะไร  ชายหนุ่มบอกให้เธอสั่งเลย   จูนสั่งอาหารมาเพิ่ม  และก็ชวนเพื่อนๆคุย  พร้อมกับทำท่าทางสนิทสนมกับเนส แบบออกนอกหน้าจนเพื่อนๆ ต่างพากันแซวว่าจูนพาแฟนมาเปิดตัว  เนสทำหน้าแบบต้องการจะปฏิเสธถึงความสัมพันธ์ของเขากับจูน ว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้น   แต่สาวๆ พวกนี้กับไม่ยอมที่จะฟังจนทำให้ชายหนุ่มถึงกับท้อไปเอง  

ขณะเดียวกัน   สองสาวที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะของพวกเขามากนัก  

“พี่กระต่าย  นั่นมันพวกลูกคุณหญิงคุณนายนิ”    สาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเอ่ยขึ้นหลังจากหันไปเห็นกลุ่มของจูน  ที่ขณะนี้คุยกันส่งเสียงดังจนทำให้นิกส์ซึ่งกำลังจะตักอาหารเข้าปากต้องเอ่ยกับคู่หู

กระต่ายสาววัยทำงานที่มีความมุ่งมั่นกับอาชีพพิเศษ   เธอมองไปยังโต๊ะที่  คู่หูรุ่นน้องกล่าวถึง   และยกกล้องถ่ายรูปคู่ใจขึ้นมาพร้อมกับเก็บภาพโดยทันทีตามสัญชาติญาณ  เธอเก็บภาพได้ครู่หนึ่ง   จูนซึ่งนั่งอยู่ทางด้านที่มองมาเห็นเข้า  จูนไม่หลบแถมยังทำท่าสนิทสนมกับชายหนุ่มเพื่อให้ได้ภาพออกมาแบบใกล้ชิด   กระต่ายลดกล้องลง  พร้อมกับหันมาคุยกันกับรุ่นน้องซึ่งขณะนี้นั่งมองรุ่นพี่ด้วยความกระตือรือร้น

“เป็นไงพี่กระต่าย   ได้หลายรูปไม๊”   นิกส์รุ่นน้องคู่หูเอ่ยถาม

กระต่ายเช็กภาพในกล้องสักพักก็เงยหน้ามองนิกส์พร้อมกับตอบ   “อือ  หลายรูปอยู่”

แล้วทั้งสองก็คุยกันเกี่ยวกับสาวๆพวกนั้นว่าคงอยากเป็นข่าวด้วยมั้ง  ลูกพวกไฮโซก็แบบเนี่ย!!  อือ...แต่ผู้ชายพี่ว่าหน้าคุ้นอยู่นะ”   กระต่ายเอ่ยขึ้นมาหลังจากตักอาหารเข้าปาก

“ก็พรีเซ็นเตอร์ที่กำลังดังไงพี่”  นิกส์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระซิบๆ  

“เออ!! ใช่”   กระต่ายหันไปมองอีกทีพร้อมกันกับนิกส์    เมื่อมองชายหนุ่มแล้ว  ทั้งสองสาวก็หันมาสบตากันพร้อมกับพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า

“หล่ออ่ะ”

สองสาวผู้มีงานอดิเรกเป็นนักข่าวสายบันเทิงแนวปาปารัสซี่    ที่มีใจมุ่งมั่นและอุดมการณ์ที่แน่วแน่  กับข่าวที่เธอสนใจ   สองสาวถ้าเธอคิดจะเจาะข่าวเรื่องใดเธอทั้งคู่จะทำมันแบบชนิดที่ว่ากัดไม่ปล่อยกันเลยทีเดียว    และในขณะนี้เธอทั้งคู่ก็เริ่มที่จะสนใจกับเรื่องราวตรงหน้าที่พึ่งจะได้ยินมาประมาณว่าชายหนุ่มสุดหล่อกับสาวสวยลูกคุณหญิงทิพย์เป็นอะไรกัน

หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว   ชายหนุ่มก็ขอตัวกับสาวๆ  เขาเดินมาที่ห้องน้ำ  พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทร   ชายหนุ่มรอสักพักเขาก็พูดขึ้น

“นท   อยู่ใหนแล้ว   อือ พี่ก็กำลังจะกลับเหมือนกัน   ครับๆ  อือ  ครับคิดถึงครับหึหึ”  ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์แบบเขินอาย   ก็หญิงสาวที่เขาโทรหานะสิ  บอกกับเขาว่าถ้าเขาไม่พูดเธอจะกลับช้าเขาจึงต้องพูดออกไปแบบเขินๆ  หลังจากเขาพูดจบ  เสียงหัวเราะสดใสก็ดังตามมา   ชายหนุ่มวางสายหร้อมกับยิ้มกับโทรศัพท์ก่อนที่จะเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกง   แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินจากไป เขาก็หันมามองด้านที่มีถังขยะวางอยู่   ซึ่งขณะนั่นเอง สองสองที่ทำตัวเหมือนสปาย กำลังก้มลงเก็บถังขยะที่คว่ำอยู่ด้วยท่าทางร้อนรน   ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยนิดนึงแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร   เขาเดินจากไปแล้ว   กระต่ายจึงหันมาดุ  รุ่นน้องแบบไม่จริงจังมากนัก

“เกือบไปแล้วไม๊  เจ้านิกส์เอ้ย!!!  หนูจะดันพี่ทำไมเนี่ย  หือ!!!”

“แหะแหะ  ก็หนูกลัวไม่ได้ยินอ่ะ”   นิกส์มองหน้ารุ่นพี่แบบขอโทษ   แล้วทั้งสองก็มองหน้ากับแบบมีคำถามอยู่ในใจ  

“พี่เนสค่ะ   พรุ่งนี้จูนมารับนะคะ”   จูนเอ่ยกับชายหนุ่มหลังจากรถจอดสนิทที่หน้าบ้านเอก   เนสหันมามองที่จูน  พร้อมกับปฏิเสธแบบสุภาพ

“ไม่เป็นไรครับ   พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปตอนบ่าย”

จูนทำหน้าเสียดาย   แต่ก่อนที่เนสจะลงจากรถไป  จูนก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“เออ  พี่เนสคะ  แล้วงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์อ่ะคะ พี่เนสไปกับใคร  จูนไปด้วยนะคะ”

เนสทำหน้า  งง  ปนสงสัย  เขาเอ่ยถามจูนกลับไป   “งานอะไร  เหรอครับพี่ยังไม่รู้เลย”

“อ้าว!!!”   จูนจึงบอกรายละเอียดให้เขาฟัง  และที่เธอรู้ก็เพราะว่า เธอรู้มาจากแอมป์   ความจริงแอมป์กับจูนนั่นสนิทกันพอสมควรเพราะแม่แอมป์กับแม่ของเธอนั่นเป็นเพื่อนร่วมสมาคมสตรีเพื่อสตรี  

เนสรับฟังพร้อมกับสงสัย  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา   จูนขับรถกลับไปแล้ว   เขาจึงเดินเข้าบ้าน  

เอกนั่งดูทีวีอยู่ในบ้านตามลำพัง   เขาทักเนสหลังจากเนสเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา

“อ้าวกลับมาแล้วเหรอ”

“ครับ”

เนสเดินขึ้นบ้านไปหลังจากนั่งอยู่กับเอกได้พักนึง  ชายหนุ่มคิดทบทวนถึงเรื่องงานเปิดตัวสินค้าที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เรื่อง  และคิดไปว่าทำไมถึงยังไม่มีใครบอกกับเขา  

เวลาผ่านล่วงเลยไปจนใกล้จะค่ำ   เนสนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะอาหารภายในครัว  ซึ่งจะว่าไปโต๊ะอาหารนี้กลายเป็นโต๊ะทำงานของเขาไปแล้วก็ว่าได้  ชายหนุ่มคอยมองนาฬิกาแขวนผนังอยุ่เป็นระยะ ๆ  เอกนั่งกดรีโมท ทีวีเพื่อหาช่องที่ตัวเองต้องการดู   เสียงซิลวี่ดังเข้ามาก่อนตัว

“พี่เอก”   ซิลวี่เดินนำหน้าจูเนียร์เข้ามา  จูเนียร์ยกมือทักทายเอก  พร้อมกับเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยความเคยชิน   จูเนียร์ทักทายเนส  และนั่งลง  ข้างๆชายหนุ่ม  โดยขณะนี้ซิลวี่กับเอกกำลังจัดการกับของกินที่จูเนียร์กับซิลวี่ซื้อกลับมา

“ต้าย  ทำตัวติดกันป็นปาท่องโก้เลยนะจ๊ะ   แล้วไปก็ไม่ยอมชวน”   เอกแซวซิลวี่กับจูเนียร์หลังจากรู้ว่าเธอกับเขาไปดูหนังกันมา  

“หนูชวนแล้วนะ  พี่เอกไม่ไปเองนิ”

“ชวนตอนไหนย๊ะ”

เอกกับซิลวี่เถียงกันแบบไม่มีใครยอมแพ้   จนจูเนียร์ต้องห้ามพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า

“แหมม  พี่เอก  คนเป็นแฟนกันเขาก็ต้องอยากไปกันแค่สองคนสิ  จริงไม๊จ๊ะซิลวี่”   จูเนียร์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางทะเล้นๆ   ซิลวี่หันมาตีแขนชายหนุ่มแบบเขินๆ หลังจากเขาพูดจบ แล้เธอก็เอ่ย   “บ้า!!น่า  ไอ้พี่เนียร์ตลกๆแล้ว   ฮ่าๆๆ”  ซิลวี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขำๆ

เอกมองอาการของทั้งสองคนแบบหมั่นไส้เต็มทน   เอกละสายตามามองเนส ที่ได้แต่นั่งยิ้มๆ  โดยไม่พูดอะไร  

“เออ  แล้วนทยังไม่กลับอีกเหรอ!”   จูเนียร์ทักขึ้นมา

“เออ  ไช่”  ซิลวี่เสริม

“ออกมาจากโรงหนังพร้อมกันหน้าจะถึงแล้วเนอะ”   จูเนียร์เอ่ยออกมาโดยไม่ได้สังเกตท่าทางของคนที่ฟังอยู่  เขายังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ  โดยเขาเล่าให้เอก ฟังว่า เขากับซิลวี่ไปเจอ นท กับแอมป์ที่เข้าไปดูหนังเรื่องเดียวกัน   และตอนขากลับแอมป์ยังชวนให้เขาไปกินข้าวด้วยกัน   แต่นทบอกว่าจะรีบกลับ  ทุกคนจึงเปลี่ยนใจและซื้อของกลับมากินที่บ้านแทน

จูเนียร์พูดยังไม่ทันขาดคำ  เสียงประตูด้านหน้าบ้านก็ดังขึ้นทำให้คนภายในบ้านต่างหันไปมองเกือบจะพร้อมกัน   นทเดินเข้ามาพร้อมกันกับแอมป์   โดยในมือของแอมป์ถือข้าวของพะรุงพะรัง    นทส่งเสียงทักเข้ามา

“กลับมาแล้ว  คร้าบ”  นทเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดตลก  เนสเมื่อเขาเห็นนทเดินเข้ามาชายหนุ่มเผลอมองไปยังนาฬิกาแขวนซึ่งขณะนั้น  นาฬิกาบอกเวลา  สามทุ่มกว่า   ชายหนุ่มหันกลับมามองตามเสียง

“พี่เนส  รับหน่อย”  ซิลวี่เอ่ยกับชายหนุ่ม

เนสรีบยื่นมือไปรับของจากซิลวี่  มันคือกล่องใส่อาหารที่นท ซื้อกลับมา  ชายหนุ่มรับมันไว้และรอให้เอกจัดที่

ขณะนี้บนโต๊ะมีอาหารทั้งของคาวของหวานเต็มโต๊ะไปหมด   ทั้งห้าคนนั่งทานอาหารพร้อมกับพูดคุยกัน  จูเนียร์เปิดประเด็นเรื่องไปดูหนังทำให้การสนทนาเป็นไปอย่างออกรสออกชาด   โดยมีซิลวี่  กับแอมป์เสริม เอกนั่งแซวพร้อมกับทำท่าหมั่นไส้เป็นระยะเมื่อจูเนียร์กับซิลวี่ทำตัวเป็นคู่รักหวานแหวว   เนสยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีโดยไม่กล่าวอะไรมากนัก  ส่วนนทเองก็พูดไม่มากเหมือนทุกครั้งเธอเพียงแค่ยิ้มและตอบบ้างถ้าแอมป์ต้องการคำยืนยันว่าหนังสนุกมากแค่ไหน   เธอพยายามที่จะชำเลืองมองไปยังเนส   และก็ต้องแปลกใจกับท่าทีของเขา  เพราะเธอสังเกตว่าเขาพยายามจะเลี่ยงไม่สบตากับเธอ  

หลังจากเวลาผ่านไปได้พอสมควร เนสก็ขอตัวกับทุกคนเนสกล่าวลา  แอมป์กับจูเนียร์  

“พี่เนสคราวหน้าไปดูหนังด้วยกันนะ  เดี๋ยวผมพาไป”  จูเนียร์กล่าวกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงจริงใจ   เนส ยิ้มให้จูเนียร์เป็นการขอบคุณ    

แอมป์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยกับเนสว่า  “เจกกันที่มหาลัยนะครับ”

เนสยิ้มให้กับแอมป์  และเดินแยกจากกลุ่มไป  เขาเดินขึ้นบ้านไปพร้อมกับมีสายตาของนทส่งไปจนลับตา   และเธอก็คิดว่าเขาคงจะโกรธที่เธอไปดูหนังกับแอมป์มา  นทอยากจะอธิบายให้เขาฟังว่าที่เธอต้องไปดูเพราะแอมป์ไปซื้อตั๋วหนังไว้โดยที่เธอไม่รู้มาก่อน  และเธอก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเขา   เธอนั่งร่วมกลุ่มกับทุกคนแต่ตัวแต่ใจของเธอขณะนี้อยากจะไปอธิบายให้เขาได้เข้าใจ  

เอกทักซิลวี่หลังจากที่เธอขอตัวกลับหอ  “แหมมม....  ทุกทีดึกก็นอนที่นี้เลยนะย๊ะ”

ซิลวี่จึงต้องอธิบายให้เอกฟังว่าพรุ้งนี้มีเรียนเช้าแล้วอีกอย่างมีคนไปส่ง

เอกมองจูเนียร์กับซิลวี่แบบหมั่นไส้แบบไม่จริงจังมากนัก  ส่วนแอมป์  หลังจากลาเอกแล้ว  นทก็ทำหน้าที่เดินไปส่งเขาที่รถ  พร้อมกับกล่าวขอบคุณเขาสำหรับวันนี้  แอมป์มองนทพร้อมกับส่งสายตาให้เธอที่เปลี่ยนไปจากเดิม   นทเองก็พอจะรู้สึกได้ถึงสายตานั้น  แต่เธอกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจ เลย  แต่เธอก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มกลับไปให้เขา  

“ขับรถดีๆนะคะ”  นทบอกกับชายหนุ่ม

“จ๊ะ   พี่ไปนะ”  

นทโบกมือให้แอมป์หลังจากรถเคลื่อนตัวออกไป   เมื่อส่งแอมป์เสร็จ นทก็รีบเดินตรงเข้าบ้านทันที  ซึ่งขณะนี้เอกขึ้นบ้านไปแล้ว  

นทก้มลงมองไปยังช่องประตูห้องของเนส  ซึ่งไฟในห้องมืดสนิทจนเธอเข้าใจว่าเขาคงหลับไปแล้ว   นทเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับทำท่าผิดหวัง  เธอคิดว่าเขาน่าจะรอเธอ  ขณะเดียวกันภายในห้อง เนสนอนลืมตาอยู่ในความมืด  เขานอนเอามือก่ายหน้าผากเหมือนกับคนที่มีเรื่องต้องคิด   ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่สักพักเขาก็ทนไม่ได้   เนสลุกขึ้นจากเตียงและตัดสินใจเดินออกมายังด้านนอก  เมื่อประตูเปิดออกมาทำให้ นทซึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมาต้องตกใจ  เนสมองท่าทางของนทด้วยความสงสัย   เขาจึงเอ่ยถามเธอ

“ทำอะไร ครับ  นท”

“แหะแหะ  เปล่าค่ะ คือ นทหาของอยู่น่ะ”  เธอโกหกเขา

“หาอะไรเหรอ”

“อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  หึหึ    แล้ว  พี่เนสยังไม่นอนเหรอค่ะ   นทนึกว่าพี่หลับแล้ว”

“อือ  กำลังจะนอน  พอดีหิวน้ำ”

“อ๋อ  อือๆ”   นทก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอควรจะเริ่มอธิบายยังไงดี  เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าเธอควรพูดรึเปล่า    แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจ

“พี่เนส  คือวันนี้ที่นทไปดูหนังกับพี่แอมป์อ่ะ   คือพี่โกรธรึเปล่า”  

เนสมองเธอก่อนตอบ  “ก็อือ   พี่ไม่โกรธหรอก  แต่น้อยใจนิดหน่อย”   ชายหนุ่มตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอาการอะไรมากแต่ที่เขาอยากรู้มากกว่านั้นก็คือ   เรื่องที่เธอจะบอกกับเขาเกี่ยวกับเรื่องเปิดตัวสินค้าเมื่อไหร่  และเขาก็อยากจะรู้ที่เธอรับรักเขา  เพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงรึเปล่า

นท เดินเข้ามาจนใกล้พร้อมกับเงยหน้ามองด้วยสายตาที่อ้อนปนขอโทษ

“แหม  ตัวออกจะโตอย่าน้อยใจนะคะ    น้า.....”

เนสมองเธอพร้อมกับยิ้มๆ  โดยไม่ตอบอะไร   และเขาก็คิดว่าเขาควรจะไม่คิดมากจนกว่าเธอจะเอ่ย    ชายหนุ่มส่งเธอที่หน้าประตูห้องพร้อมกับบอกกับเธอ

“ฝันดีนะ”

นทยิ้มให้เขาก่อนปิดประตูโดยไม่รู้เลยว่าเมื่อลับหลังเธอแล้ว   สีหน้าเขาก็กลับมามีรอยกังวลอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากวันนั้น  ด้วยงานที่มากขึ้นทำให้นท กับเนสไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่  สาเหตุก็มาจากทั้งแอมป์ และจูนต่างทำคะแนนของตัวเอง   จูนหาข้ออ้างจากมารดาของเธอเพื่อให้ชายหนุ่มต้องเข้ามาช่วยงานที่สมาคม   ซึ่งบางครั้งนทก็แอบสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธจูนบ้าง   แต่เธอก็ไม่กล้าถามเขาตรงๆ   อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานเปิดตัวสินค้า   นท จึงหาโอกาสที่จะบอกเขาโดยการนั่งรอเขาอยู่ที่ด้านล้างภายในห้องรับแขก   วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชายหนุ่มกลับบ้านดึก  เธอนั่งรอเขาจนใกล้จะเที่ยงคืน  เมื่อตอนหัวค่ำเธอโทรหาเขาและถามไปว่าเขาจะกลับกี่โมง   ชายหนุ่มบอกกับเธอว่า เขาอยู่ที่สมาคมและงานยอะมากทำให้เขาอาจจะกลับดึก  

นทลุกขึ้นยืนหลังจากได้ยินเสียงคนกำลังเปิดประตู  หญิงสาวส่งยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหาเขา  เนสทำหน้าสงสัยและแปลกใจที่เจอเธอรออยู่   เขาถามเธอว่า

“ทำไมยังไม่นอนอีก”  

นทยิ้มโดยไม่พูดอะไรออกมาเขาจึงต้องเอ่ยถามเธอด้วยความสงสัย

“รอพี่  มีอะไรรึเปล่า”

นทมองเขาพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแกรงใจ   “หึหึ  คือ  นท คือ  เธออ้ำๆอึ้งๆอยู่พักหนึ่ง  ก่อนจะบอกกับเขาไปว่าเขาต้องไปงานเปิดตัวสินค้าที่ตัวเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่

เนสรับฟังด้วยอาการปรกติจน นทต้องแปลกใจเพราะเธอคิดว่าเขาต้องปฏิเสธเธอแน่ๆ  และเธอก็คิดว่าเธอจะไม่ขอร้องให้เขาต้องทำถ้าเขาไม่ตกลง  แต่ผิดคาดเขารับปากที่จะทำให้เธอโดยไม่บ่ายเบี่ยงเลย ทำให้เธอนึกดีใจโดยไม่สังเกตสายตาที่มองมาของเขา  

“แล้วงานจะมีวันไหน”   เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“วันอาทิตย์นี้ค่ะ”   นทให้รายละเอียดงานกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่สดใส  เนสมองเธอพร้อมกับนึกถึงคำพูดของแอมป์

“นท  เขาเป็นคนที่ถ้าอยากจะทำอะไร เขาจะต้องทำให้ได้โดยบางครั้ง นทก็จะทำอะไรแบบเด็กๆเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ”   และชายหนุ่มเองเขาก็เริ่มที่จะคิดตามแอมป์ว่าสิ่งที่นท กับเขาอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่เธอทำมันขึ้นมาเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ   เมื่อฟังรายละเอียดจากนทเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น    

“อือ   งั้นวันอาทิตย์พี่ไปหา นทที่งานก่อนเริ่มสักชั่วโมงหนึ่งทันไม๊”  

เธอมองหน้าเขาพร้อมกับเอ่ยด้วยความสงสัย  “อ้าว  ไม่ไปพร้อมกันเหรอค่ะ”

“พอดี วันอาทิตย์พีมีนัดตอนเช้า”  เขาตอบเธอ

“อือๆๆ”  เธอพยักหน้าเป็นการรับทราบพร้อมกับคิดในใจว่าเขาคงมีนัดกับยายจูนอีกตามเคย   แต่ในเวลาแบบนี้เธอไม่อยากจะทำตัวเป็นแฟนขี้หึง   และเป็นผู้หญิงที่จู้จี้  นทพยายามเก็บอาการไม่ให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจอยู่    และเธอก็เก็บอาการได้ดีจนทำให้เขาเข้าใจว่าเธอคงไม่สนใจที่เขาจะไปไหนมาไหนกับใคร  เขาเพียงคิดว่าถ้าเธอจะมีอาการหึงออกมาบ้างเขาคงรู้สึกดีมากกว่านี้   ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากทั้งสองคนอีก  เพราะต่างคนก็คิดอะไรกันเองอยู่ในใจ

ณ.   ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพ     งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีกลิ่นเฉพาะตัว

นทมางานพร้อมกันกับแอมป์   เพราะวันนี้แอมป์เป็นตัวแทนจากบรษัทเพื่อมาดูแลความเรียบร้อย  เขาจึงชวนให้เธอมาด้วยกันกับเขา   เอกตามมากับซิลวี่พร้อมกับโทรนัดแนะกับเนสถึงสถานที่นัดเจอ   เอกยืนรอเนสอยู่ได้ไม่นานเนสก็เดินเข้ามาหา   โดยมีจูนเดินตามหลังชายหนุ่มมาด้วย  เมื่อเจอกันเอกก็พาเนสไปยังสถานที่ที่ทางทีมงานจัดเตรียมเอาไว้ให้   และหันมาบอกจูนกับซิลวี่ให้ไปรออยู่ด้านนอกก่อน  

สถานที่จัดงานวันนี้  เวทีถูกตบแต่งด้วยรูปภาพสินค้าและภาพหญิงสาวหลากหลายคนที่สวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้าเอาไว้  พิธีกรบนเวทีต่างพูดคุยและแนะนำสินค้าให้กับแขกผู้มีเกียรติที่ทางบริษัทเชิญมา  ซึ่งแขกส่วนใหญ่ก็จะเป็นเซเล็บ  ที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย  ต่างยืนทดลองสินค้าที่ทางเจ้าของนำมาแจก    หลังจากการแสดงต่างๆบนเวทีผ่านไป  พิธีกรก็กล่าวเชิญพรีเซ็นเตอร์หนุ่มสุดหล่อขึ้นมาบนเวที  

“เอาหล่ะคะถึงเวลาเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์หนุ่มสุดหล่อนะคะ”   เสียงพิธีกรกล่าวจบ  เนสก็เดินขึ้นมาบนเวทีด้วยมาดของนักธุรกิจสุดเท่ห์    พิธีกรแนะนำชายหนุ่มให้กับแขกรู้จัก   โดยเล่าถึงแบล็คกราวด์ของชายหนุ่มว่าเขาเป็นถึงที่ปรึกษาด้านทนายให้กับบริษัทชั่นนำหลายแห่ง และยังทำงานเพื่อสังคมโดยการเป็นทนายและให้คำปรึกษาด้านคดีฟรี   และขณะนี้ยังเป็นนักศึกษาทุน  ป.โท  

ชายหนุ่มยืนยิ้มด้วยท่าทางสุภาพจนทำให้สาวๆ และแขกที่มาในงานต่างมองเขาด้วยความชื่นชม และอยากจะเป็นสาวที่เขาเลือกให้เป็นคนพิเศษ   เพราะกิจกรรมที่ทางเจ้าของสินค้าจัดให้มีการประกวด  นทมองชายหนุ่มบนเวทีด้วยความชื่นชมจนปิดไม่มิด  เธอมองเขาพร้อมกับคิดอยู่ในใจว่าเธอนี่แหละสาวตัวจริงของเขา    แอมป์แอบมองเธอด้วยสายตารู้ทัน   แอมป์ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกหวงเธอขึ้นมาเมื่อเห็นเธอส่งสายตาที่มีความหมายไปให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวที   เขาชอบเธอใช่เขาชอบเธอแต่ที่เขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยมาก่อนหน้านี้เพราะเขาคิดไปเองว่าเธอคงไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจไปจากเขาได้   แต่เขาคิดผิด  และตอนนี้เขาก็คิดว่าถ้าเธอยังไม่บอกว่าเธอกับเนสเป็นอะไรกันเขาก็จะไม่มีวันที่จะยอมเสียเธอไป   บนเวทีรายการต่างๆยังดำเนินต่อไป   เรื่อยๆ  และจนมาถึงช่วงสุดท้าย  ซึ่งขณะนี้พิธีกรสัมภาษณ์เนส  ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน  เขาตอบด้วยท่าทางสุภาพและออกจะเขินๆ   เขาตอบไปว่า  

“ผมชอบผู้หญิงขาวๆ  ตัวเล็กๆ  คุยสนุกและสดใสครับ”

พิธีกรแซวชายหนุ่มว่าแบบเธอเนี่ยใช้ได้ไม๊   เขาหัวเราะนิดนึงด้วยความเขิน  และหลังจากสัมภาษณ์ผ่านไป  เนสก้เดินลงมาจากเวทีโดยมีจูนเดินแทรกผู้คนเข้ามาหา  เธอยิ้มให้กับเขาพร้อมกับทำท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของ  แสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูปที่นักข่าวหลายสำนักมาทำข่าว   ต่างถ่ายรูปเขากับจูนและบรรดาแขกผู้มาในงานเพื่อไปทำข่าว   ซึ่งนักข่าวในจำนวนนั้นก็มีนักข่าวสาว กระต่ายกับนิกส์รวมอยู่ด้วย   กระต่ายพยายามเก็บภาพ  ส่วนนิกส์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับนท  ก็หันมามองหน้าเธอนิดนึงหลังจากได้ยินแอมป์เรียกชื่อเธอ  นิกส์ทำหน้าสงสัยพร้อมกับคิดทบทวนว่า  ชื่อนี้เธอเคยได้ยินเนสพูดตอนที่เธอกับกระต่ายแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์   และเธอก็ทำหน้าเหมือนกับแน่ใจว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันหลังจากเห็นนทเดินเข้าไปหาเนสพร้อมกันกับแอมป์    นิกส์ทำท่าทางเป็นสปายชั้นสูง   โดยการทำตัวเนียนๆเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขาด้วยโดยการยืนทำท่าคุยโทรศัพท์   และลอบสังเกตสายตาที่เนส  กับนทส่งถึงกัน  หลังจากคุยกันได้สักพัก  

 

เนสมองท่าทีของแอมป์ที่มีต่อนท ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เช่นเดียวกันกับนท  ที่ตอนนี้เธอแทบอยากจะเข้าไปแทรกระหว่างกลางที่จูนกับเขายืนอยู่  แต่เธอก็ได้แต่คิด  และเริ่มจะไม่พอใจที่ชายหนุ่มปล่อยให้ยายจูนทำตัวสนิทสนมมากกว่าเพื่อนธรรมดา   นทเก็บอาการไม่พอใจเอาไว้

***** ตอนที่  5***** (ไม่เข้าใจ  ความรัก)

หลังจากวันเปิดตัวสินค้าผ่านไป  ด้วยภาระและหน้าที่ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เนส  และนทถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน  แต่มันก็ไม่ทำให้เขากับเธอได้พบกันมากนัก   เนสใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำวิทยานิพนธ์  และงานต่างๆ  ทั้งงานที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับบริษัทต่างๆ  รวมถึงงานชิ้นใหม่ที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้  นั้นก็คืองานของสมาคมสตรีเพื่อสตรี  ของคุณหญิงทิพย์นั่นเอง

และวันนี้ก็เช่นกัน  คุณหญิงทิพย์จัดงานการกุศลเพื่อสตรี   โดยใช้ชื่องานว่า  “สตรีผู้มีทางเลือก”  

คุณหญิงเชิญนักพูดชื่อดังมาบรรยายและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดำรงชีวิตและทางเลือกมากมายที่ผู้หญิงควรจะรู้  คุณหญิงทิพย์ยืนอยู่ที่หน้างานด้วยมาดคุณหญิงสมกับตำแหน่ง   เธอทำผมและแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสุดคลาสสิค  ขณะที่คุณหญิงกำลังทักทายและต้อนรับแขกอยู่นั้น  จูนลูกสาวคนเดียวของเธอก็เดินเข้ามาหามารดาด้วยเครื่องแต่งกายออกงาน  จูนไม่ได้เดินเข้ามาเพียงลำพังแต่เธอเดินควงแขนชายหนุ่มที่เธอหวังไว้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของเขา  

“คุณแม่ขา  พี่เนสมาแล้วค่ะ”

“สวัสดีครับ  ขอโทษนะครับที่มาช้า  พอดี”  เนสยังไม่ทันได้อธิบายจบคุณหญิงก็เอ่ยตัดบทขึ้นมา

“ไม่เป็นไรจ๊ะ   หึหึ  วันนี้ดูดีมากเลยนะ”   คุณหญิงกล่าวชมชายหนุ่มด้วยความจริงใจ  และให้เขากับจูนอยู่ช่วยรับแขกที่หน้างานก่อน   เนสยืนด้วยอย่างเสียไม่ได้  และยังอึดอัดกับสายตาของบรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่มองมาด้วยสายตาที่แสดงความสงสัยปนกับอาการอยากรู้   เขาทำได้แค่ยิ้มให้กับพวกเธอเมื่อเผอิญสบสายตา    คุณหญิงแนะนำเขาในฐานะผู้ช่วยด้านกฏหมายเกี่ยวกับสตรีที่ถูกรังแกให้กับบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลาย  

“สวัสดีค่ะ  คุณพี่”    คุณหญิงทิพย์ยกมือไหว้สาวสูงวัยท่าทางภูมิฐาน

“สวัสดีจ๊ะ  น้องทิพย์”   คุณหญิงดาริการับไหว้  

“สวัสดีค่ะ  คุณป้า”  จูนยกมือทำความเคารพ  เนสยกมือขึ้นไหว้ด้วยอาการนอมน้อมและสุภาพ  

หญิงสูงวัยรับไหว้พร้อมกับเอ่ยแซวคุณหญิงทิพย์เพื่อนรุ่นน้องที่มีความสนิทสนมกันพอสมควร    “มีคนดูแลลูกสาวแล้วสินะ”  

จูนยิ้มด้วยความเขินอายหลังจากโดนคุณหญิงดาแซว  และเธอก็ไม่คิดจะปฏิเสธ  คุณหญิงทิพย์ก็เพียงแต่พูดยิ้มๆ  ด้วยลักษณะที่ไม่รับหรือปฏิเสธ  เพียงแต่เอ่ยว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ  มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวที่ต้องการอธิบายว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ  แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยคำใดออกมาได้  เขาทำได้เพียงยืนอยู่นิ่งๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย   แต่สีหน้าที่อยากจะปฏิเสธของเขาอาจไม่เป็นที่สังเกตของพวกเธอก็เป็นได้  

“แล้วตาแอมป์ไม่มาเหรอคะ   คุณพี่”  คุณหญิงทิพย์เอ่ยขึ้น

“มาจ๊ะ   จอดรถอยู่   อ่ะนั่นไงมาแล้ว”   คุณหญิงดาเอ่ยขึ้นหลังจากมองเห็นลูกชายเดินเข้ามา   พร้อมกับเพื่อนสาวของเขา

คุณหญิงทิพย์มองไปยังชายหนุ่มที่เป็นลูกชายของเพื่อนรุ่นพี่  ซึ่งขณะนี้กำลังเดินเข้ามา   และไม่เพียงคุณหญิงเท่านั้นที่มอง  แต่ยังมีสายตาของเนสและจูนต่างก็มองไปยังชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา   แอมป์ทักทายคุณหญิงทิพย์หลังจากเดินมาหยุดยืนและหันมาแนะนำหญิงสาวที่เขาพามาด้วยให้คุณหญิงรู้จัก

“สวัสดีค่ะ”  นทยกมือไหว้คุณหญิง

เนสมองหญิงสาวตรงหน้าเขาที่ขณะนี้เธอกำลังกล่าวทักทายคุณหญิงทิพย์  เนสจ้องมองเธอจนทำให้เธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่เขามองมา     เขามองเธอไม่วางตาเพราะไม่คิดว่าจะมาเจอเธอที่งานนี้  ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันแต่เธอก็ไม่เคยที่จะบอกกับเขา   เนสสดุ้งนิดนึงเมื่อจูนกระตุกแขนเขาเบาๆ  เป็นการเรียก

“พี่เนส  พี่เนสค่ะ”

“คะครับ  มีอะไรครับจูน”  

“พี่แอมป์เขาทักพี่เนสตั้งหลายครั้งแล้วนะคะ”

“อ้อ  สวัสดีครับคุณแอมป์”  เนสมองแอมป์พร้อมกับยิ้มให้

“พึ่งรู้นะเนี่ย  ว่าคุณเนสมาเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณน้า”

เนสยิ้มรับโดยไม่ตอบอะไร   นทที่ยืนอยู่ข้างๆแอมป์ก็เอ่ยขึ้นมาหลังจากยืนนิ่งอยู่  

“อ้าว!! พี่แอมป์ไม่รู้เหรอคะ หึ!  พี่เนสเขามาทำให้ด้วยใจเลยนะคะเนี่ย!!”  นทพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสแต่แฝงไว้ด้วยความหมายที่ต้องการจะสื่อให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอที่ขณะนี้มีจูนยืนทำตัวสนิทแนบชิดเกาะแขนเขาไม่ยอมห่างเลย   เธอเริ่มรู้สึกหมั่นไส้  และไม่ได้หมั่นไส้เฉพาะจูนเท่านั้นเธอยังหมั่นไส้ชายหนุ่มที่ยืนทำตัวเป็นเสาให้จูนกอดอยู่ได้  

คุณหญิงทิพย์เดินคู่มากับคุณหญิงดาริกา  และตามหลังมาด้วยเด็กๆ  ทุกคนเดินมานั่งที่โต๊ะด้านหน้าเวที  

แอมป์ขยับเก้าอี้ให้มารดานั่ง  จากนั้นเขาก็ขยับเก้าอี้อีกตัวให้นทนั่ง  และเขาก็นั่งลง  หลังจากทุกคนนั่งลงหมดแล้ว  พิธีต่างๆ ก็ดำเนินไปตามกำหนดการ  ซึ่งขณะนี้คุณหญิงถูกเชิญขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวเปิดงาน

จูนพยายามแสดงความสนิทสนมโดยการพูดคุยกับเนส  จนเขาแทบจะไม่ได้คุยกับใครเลย  มีเพียงสายตาเท่านั้นที่เขาใช้มันสือสารกับเธอได้  แต่ดูเธอเองก็เหมือนจะไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่เพราะเธอเองก็เอาแต่คุยและให้ความสนใจกับแอมป์ที่นั่งติดกับเธอเท่านั้น  เสียงพูดคุยหัวเราะและท่าทางกระซิบกระซาบของนทที่ทำกับแอมป์  ทำให้เขาถึงกับ อยากจะเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากที่จะเห็น  แต่เพราะการนั่งที่อยู่ตรงกันข้ามทำให้เขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้  แต่ในที่สุดความอดทนของเขาก็สิ้นสุดลง   หลังจากภาพที่แอมป์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะชิดกับหน้าของเธอ  เขาลุกขึ้นทันทีจนทำให้คนในโต๊ะต่างหันมามองที่เขาด้วยความแปลกใจปนสงสัย  จูนซึ่งนั่งแทบจะชิดติดตัวเขาก็ถึงกับผงะไปด้วยความตกใจ   เมื่อชายหนุ่มเห็นสายตาของทุกคนแล้ว  เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบพร้อมกับใบหน้าที่ไม่แสดงอาการอะไร

“ขอโทษครับ  พอดีผมพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุรด่วน  ขอตัวนะครับ”  ชายหนุ่มกล่าวลากับทุกคนก่อนจะเดินจากไป    

จูนเดินตามเนสมาติดๆ  พร้อมกับถามเขาว่าเธอจะไปส่ง  ชายหนุ่มหยุดเดินและหันมามองเธอด้วยสายตาที่จูนก็ไม่อาจจะคาดเดาได้  แต่ที่เธอพอจะรู้ก็คือเขาไม่เคยมองเธอแบบนี้มาก่อน  และเธอคิดว่ามันเหมือนกับสายตาที่ผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก  ทำให้เธอไม่กล้าที่จะตอแยกับเขาอีก  จูนค่อยๆปล่อยมือที่เกาะแขนเขาไว้

“ขอบคุณครับ   ไม่เป็นไรครับ  จูน  ไม่ต้องไปส่งพี่หรอก  จูนเข้าไปในงานเถอะนะ”  ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเพราะเขาคิดว่าเขาไม่ควรเอาอารมณ์โกรธมาลงที่เธอ  จูนพยักหน้าให้เขาด้วยอาการหงอๆ  และยอมทำตามที่เขาบอก  แต่เธอก็มีข้อแม้ว่าเธอจะเดินไปส่งเขาขึ้นรถ    ชายหนุ่มจำต้องเดินไปโดยมีเธอเดินเกาะแขน

นทงงกับการกระทำของเนสมากเธอก็ไม่คิดว่า  ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะหึงเธอรึเปล่า  แต่เธอกลับคิดว่าการกระทำของเธอมันยังน้อยกว่าที่  ยัยจูนทำกับเขาอีก  และเขาเองก็ไม่มีท่าทีที่จะปฏิเสธยัยจูนเลยด้วยซ้ำ  มันทำให้เธอคิดไปว่าถ้าเขาทำได้เธอก็จะทำเหมือนกัน   แต่พอเขาเดินออกไปจากงานแล้ว  กลับทำให้เธอถึงกับนั่งไม่ติด  เธอบอกกับแอมป์ว่าเธอขอตัวไปห้องน้ำ  แต่จริงๆแล้วเธอกลับเดินตามเนสกับจูนมา   เธอเดินตามหลังเขามาโดยไม่ให้เขารู้ตัว   จนมาถึงด้านหน้าของโรงแรม   เธอแอบมองเขากับจูนที่ยืนรอรถแท็กซี่ ของโรงแรมอยู่  เมื่อรถมาจอด  พนักงานของโรงแรมเดินมาเปิดประตูให้กับเขา  ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวขึ้นรถ โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวจูนก็ยื่นหน้าเขามาจุ๊บแก้มเขาไปหนึ่งที  เนสตกใจกับการกระทำของ จูนไม่น้อย  แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้  จูนยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มพร้อมกับดันประตูรถปิดให้เขา  รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกไปแล้ว  

นทยืนมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ด้วยอารมณ์น้อยใจ  และเริ่มคิดไปว่า  ชายหนุ่มอาจมีใจให้กับจูน  ใช่สิเพราะว่าความใกล้ชิดไง  จูนใกล้ชิดกับเขาทำให้เขาอาจจะเปลี่ยนใจจากเธอไปแล้ว  เมื่อเธอคิดได้ดังนี้ รอบดวงตาของเธอก็เริ่มที่จะร้อนขึ้นมา และเพียงไม่นานน้ำตาก็ค่อยๆเอ่อขึ้นมา  จนทำให้เธอถึงกับมองสิ่งรอบตัวด้วยภาพที่พร่ามัว     นทเงยหน้าขึ้นเพื่อต้องการให้น้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา  ให้มันกลับเข้าไปด้วยความยากเย็น  แต่เธอก็ต้องพยายามเพราะเธอจำเป็นต้องกลับเข้าไปในงาน

เวลาขณะนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว หลังจากส่งแม่ แอมป์ก็ขับรถมาส่ง นท

และเขาก็สังเกตอาการของเธอที่ดูเงียบไป ไม่สดใสเหมือนกับตอนแรกเท่าไหร่ เขาเองก็พอจะดูออกมามันมาจากสาเหตุอะไร เพียงแต่เขาไม่อยากที่จะยอมรับมันเท่าไหร่ เขาหันมามองเธอเป็นระยะๆ และตัดสินใจเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา

“นท” เขาเรียกเธอไม่ดังมากนัก

เธอหันมาหาเขาหลังจากได้ยินโดยไม่พูดอะไร

ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่คนขับ หันมาสบตาเธอนิดนึงก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม และพูดออกมาโดยไม่มองหน้าเธอ “เราลองคบกันไม๊”

แม้เสียงของเขาจะไม่ดังมากนักแต่มันทำให้เธอถึงกับตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว “ค่ะ!!! อะเอิ่ม พี่แอมป์พูดว่าไงนะคะ”

“พี่บอกว่า เราลองมาคบกันไม๊” เขาตอบเธอโดยไม่หันมามอง

“เอิ่ม คือตอนนี้....เราก็....คบกันแล้วเราก็รู้จักกันเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนิคะ แหะแหะ” นทตอบเขาแบบเลี่ยงๆ

แอมป์ชำเลืองมองมาที่เธอนิดนึงก่อนจะพูด “พี่อยากเป็นมากว่าเพื่อน เรามาลองคบกัน แบบแฟนได้ไม๊”

นทอึ้งและเงียบไปหลังจากฟังแอมป์พูดจบ ก็จะให้เธอตอบอะไรเขาได้อีกละในเมื่อตอนนี้เธอ

“นท นท!!” แอมป์ส่งเสียงเรียกนทอยู่หลายครั้ง “นท”

“เอ่อ คะ พี่แอมป์”

“ว่าไง ที่พี่ถามนะ หือ!”

“คือ เอ่อ พี่แอมป์คะ คือ นท” เธอยังไม่ทันจะบอกหรืออธิบายอะไรให้เขาฟังเขาก็ชิงพูดก่อนเธอ

“เอายังงี้ ตอนนี้ นทยังไม่ต้องตอบอะไรพี่ก็ได้ แต่ นทอย่าพึ่งปฏิเสธพี่แล้วกันนะ ให้เวลาพี่ นะนท นะครับ” แอมป์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง และแฝงไว้ด้วยท่าทางขอร้อง จนเธอไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกไปตามที่ใจเธอคิดไว้ เพราะกลัวว่าเขาอาจจะเสียใจ โอ้ย!!! จะทำไงดีละ ฮือๆๆ เธอทำได้แต่เพียงร้องออกมาอยู่ในใจ และที่เธอทำได้อย่างเดียวในตอนนี้ คือ

“อือ ก็ ค่ะ”

แอมป์ยิ้มบางๆออกมาที่มุมปาก นทเองก็ได้แต่ยิ้มแบบไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ และเธอก็บ่นอยู่ในใจตามลำพังว่า วันนี้ทำไมบ้านมันอยู่ไกลจังนะ เฮ้ออออ เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย!! เธอนั่งนิ่งๆ โดยการหันหน้าไปแนบกับกระจกรถและมองออกไปทางด้านนอก

หลังจากรถจอดสนิท แอมป์ลงจากรถและเดินมาส่งนทถึงหน้าบ้าน เธอกล่าวขอบคุณเขา และหันหลังเพื่อจะเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน แอมป์ยืนรอจนนทเปิดบ้านเสร็จแล้ว เขาจึงขับรถจากไป

เมื่อแอมป์ไปแล้ว นททำท่าจะเดิน แต่ก่อนที่เธอจะเดินสายตาเธอก็เหลือบมองไปยังห้องนอนด้านบนที่เป็นห้องนอนเก่าของเธอ และเธอก็คิดว่าปานนี้ผู้ชายคนนั้นคงจะหลับไปแล้ว นท ทำหน้าเซ็งๆ และก่อนที่เธอจะเดินเพื่อไปยังตัวบ้าน เสียงเหมือนกับมีรถแล่นเข้ามา เสียงมันชัดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอต้องหันไปมอง เสียงรถมาจอดสนิทอยู่บริเวณหน้าประตูรั้ว และเธอก็ต้องแปลกใจหลังจากเห็นคนเปิดประตูรถแท็กซี่ เขาก้าวลงจากรถด้วยสภาพที่เธอเกือบจะจำไม่ได้เลยที่เดียว ก็ตอนที่เธอเห็นเขาครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เขายังดูสมาร์ทอยู่เลย แต่ดูเขาตอนนี้สิ สูทสีดำถูกถอดออกและถือไว้อยู่ที่มือ ส่วนเสื้อเชิ้ตสีครีม ก็หลุดลุ่ยออกจากกางเกงสแล็กที่เขาสวมใส่ เน็กไทคลายออกแต่ไม่ถึงกับหลุดออกจากกัน มันคาอยู่ที่ปกเสื้อเหมือนกับเจ้าของต้องการจะดึงมันออกแต่คงจะหมดแรงซะก่อน ผมเขาจากที่จัดทรงไว้ในตอนแรกแต่ตอนนี้สภาพมันก็เปลี่ยนไปมากจากเดิม ดูแล้วเขาคงเสยผมอยู่ตลอดจนทำให้มันลู่ไปทางด้านหลังเปิดให้เห็นใบหน้าที่แดงจัดนั้นได้อย่างชัดเจน เมื่อเธอแน่ใจว่าคนที่กำลังก้าวลงจากรถคือใคร เธอก็รีบเดินตรงไปยังหน้าประตูรั้วเพื่อรอเปิดประตูให้กับเขา

หลังจากรถแท็กซี่ขับออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็เดินโซเซและพยายามพยุงตัวเองเพื่อเดินมาให้ถึงประตูรั้ว นทมองภาพเขาพร้อมกับคอยลุ้นว่าเขาจะล้มไหม เขาเดินมาเกาะที่ประตูรั้วและก็ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรกับเธอ เขาเดินผ่านตัวเธอไปเหมือนกับว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น

นทมองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเช่นกัน และเธอก็คิดอยู่ในใจว่าเขาทำเหมือนกับว่าเธอเป็นคนผิดงั้นแหละ และเพียงไม่กี่ก้าวที่เขาเดินไปเขาก็ทำท่าว่าจะล้ม นทซึ่งมองอยู่ถึงกับผวาเข้าไปรับตัวเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลง ชายหนุ่มพยายามทรงตัวไว้โดยมีหญิงสาวเป็นเหมือนหลัก นทจับแขนเขาข้างหนึ่งขึ้นมาให้โอบมาที่บ่าของเธอ และแขนอีกข้างหนึ่งของเธอก็พาดไปที่เอวของเขาในลักษณะประคอง เธอประคองพาเขาเดินพร้อมกับบ่น

“อื้อ ฮือ นี่เทเหล้าใส่ตัวเองมารึไงเนี่ย!!”

กว่าจะเดินเข้ามาถึงในตัวบ้านก็เล่นเอาเธอเกือบจะหมดแรงเลยทีเดียว นทค่อยๆจับตัวเขาให้นั่งลงที่โซฟาตัวยาว ด้วยความทุลักทุเล และจังหวะที่เธอเอนตัวเพื่อปล่อยเขาแต่เจ้ากรรม เพราะแขนที่เขาโอบรอบคอเธอไว้ เขาไม่ยอมปล่อยทำให้ตัวเธอถึงกลับเสียหลักและล้มทับลงไปบนตัวของชายหนุ่มในทันที

นทพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ทำยังไงก็ลุกไม่ได้เพราะแขนทั้งสองข้างของเขาตวัดขึ้นมารัดตัวเธอเอาไว้ ยิ่งเธอดิ้นรนเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าวงแขนนั้นยิ่งรัดแน่นมากขึ้นๆ จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา ชายหนุ่มหลับตาโดยไม่พูดอะไร

“พี่เนส ปล่อย...นท” เธอพูดพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยความโมโห

“ฮื้อ!!” เขาส่งเสียงออกมาได้แค่นี้แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอ

“พี่เนส! พี่เนส!” เธอทำน้ำเสียงฮึดฮัด และใช้มือดันหน้าอกเขาเพื่อจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มก็เอ่ยคำหนึ่งออกมา “พี่ม่ายช่ายแอมป์ ช่ายม้ายยย...” เสียงยานคางของคนเมาทำให้นทถึงกลับชงักไป หลังจากพยายามฟังจนจบ

เธอมองหน้าเขา แต่ชายหนุ่มคงไม่เห็นเพราะเขาเอาแต่หลับตา นทพยายามซ่อนน้ำตาและเสียงสอื้นเอาไว้ เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวอีกทีพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ใช่ แล้วนท ก็ ไม่ ใช่ จูนของพี่เนสนะ” เธอพูดย้ำ ทุกคำทั้งประโยค และสุดท้ายเธอก็ห้ามน้ำตาแห่งความน้อยใจไว้ไม่ได้

เนสค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาหลังจากเริ่มรู้สึกถึง น้ำเสียงของเธอ ที่ขณะนี้เธอน่าจะกำลังร้องไห้อยู่

นทพยายามจะลุกขึ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาหลังจากพูดจบ แต่เมื่อเห็นสายตาที่เขามองมาเธอจึงรีบเบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอร้องไห้

“นท” เขาเอ่ยชื่อเธอออกมาเบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน และเขาก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ลุกขึ้นนั่งและพยายามเพ่งมองหน้าเธอที่ขณะนี้ก้มหน้าลงเพื่อหลบเขา ชายหนุ่มก้มหน้าลงมามอง และใช้นิ้วมือไล้ไปที่แก้มของเธอ นทพยายามบ่ายเบี่ยงไปมาเพื่อไม่ให้เขาได้สัมผัส แต่เขาก็ไม่ยอมง่ายๆ จนในที่สุดนิ้วมือของเขาก็แตะไปโดนกับน้ำอุ่นๆที่แก้มของเธอ

“ร้องไห้เหรอ! ร้องทำไม!” เนสพูดด้วยอาการตกใจ

นทเงยหน้าขึ้นมามองเขาผ่านหยาดน้ำตาที่เอ่ออยู่ เธอมองเขาด้วยสายตาที่โมโหปนกับน้อยใจ ที่ตัวเขาเองกลับทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเขานั่นแหละที่เป็นคนเริ่มมันก่อน เพราะเขาปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่น มาทำตัวใกล้ชิดกับเขาจนคนรอบข้างต่างเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนกับเขา

นทเหมือนกับหมดความอดทน หลังจากมองหน้าที่ทำเป็นไม่รับรู้แล้วยังจะมาพูดจาให้ดูเหมือนกับว่าเธอเป็นคนผิด

“ร้องทำไมเหรอ ก็พี่เนสไง พี่เนสทำอะไร พี่เนสไม่รู้ตัวรึไง ฮื้อๆ ตกลงพี่เนสจะเอาไงกับนท ฮือ! นทไม่ทนแล้วนะ ฮือ! ฮึก ฮือ ฮึก”

เนสยังคงทำหน้า งง ๆ ไม่เข้าใจ “ อะไร พี่ทำอะไร”

“ก็น้องจูน ของพี่เนสไง ฮึก ถ้าพี่เนสจะเลือกเธอ พี่เนสก็บอกนทมาตรงๆ ก้ได้ ฮึก”

“แล้วแอมป์ล่ะ” เนสถามเธอบ้าง “นท จะเอาไง”

นทมองหน้าเขาเหมือนกับจะชั่งใจ ก่อนจะเอ่ย “นท ถามพี่เนสก่อนนะ ฮึก”

เนสจ้องมองเธอด้วยสายตาที่จริงจัง ก่อนจะตอบเธอ “ พี่ไม่เคยคิดอะไร กับจูนมากไปกว่าน้องสาว และพี่ก็ไม่เคย รัก คนอื่นนอกจากนท”

นทฟังทุกคำที่เขาพูดจนจบ และก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาเขา

“แล้วแอมป์ล่ะ” เขาถามเธอหลังจากเห็นเธอเงียบไป

“อะไร ทำไม” นทก้มหน้าพูด เพราะเธอไม่อยากให้เขาเห็นสายตาและรอยยิ้มของเธอ เพราะเธอดีใจและพอใจกับคำตอบของเขา แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่

“กับแอมป์ นท คิดยังไง แล้วที่นท รับรักพี่เพราะ เรื่องงานรึเปล่า” ชายหนุ่มถามออกมาทุกอย่างที่เขาสงสัย

หลังจาก นท ได้ฟังคำถามจบ เธอถึงกับเงยหน้าขึ้นมาทันที่พร้อมกับมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจและพูดออกไปแบบไม่ยั้ง “ทำไมพี่เนส ถึงคิดแบบนี้ ใช่ถึงนท จะเคยทำตัวเจ้าเล่ห์หลอกลวงพี่เนสมาบ้าง แต่เรื่องความรัก นทไม่เคยหลอกใคร โดยเฉพาะตัวเอง นท รักใคร นทรักจริงไม่เคยคิดจะเอาความรักมาหาผลประโยชน์” เธอพูดรัวไม่หยุดด้วยความโมโห

“แล้ว นทรักใคร”

“ก็รักพี่เนสไง” เธอพูดโพร่งออกมาแบบลืมตัว ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเผลอยิ้มออกมา ทำให้เธอถึงกับหน้าแดง

หลังจากฟังเธอพูดจบ ชายหนุ่มก็เหมือนจะหมดแรงเขาเอนตัวไปพิงกับโซฟาโดยไม่ลืมคว้าตัวเธอเอนลงมาด้วย

“เฮ้อ เมามากเลยอ่ะ” ชายหนุ่มบ่นออกมาเบาๆ

“สมน้ำหน้า” นทพูดด้วยเสียงหมั่นไส้แบบไม่จริงจังเท่าไหร่นัก และดันตัวเองออก

“จะไปไหนล่ะ”

“จะไปชงชามาให้ จะกินไม๊ล่ะ”

“ขอบคุณครับ”

นทเดินหายไปไม่นานเธอก็เดินกลับมาพร้อมกับแก้วชาร้อนในมือ เธอนั่งลงข้างๆเขา พร้อมกับเรียกเขาเบาๆ “พีเนส”

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาและค่อยๆ พยุงตัวเองให้นั่งในท่าทีถนัด

“ไหวรึเปล่า” นทเอ่ยขึ้นหลังจากมองท่าทางของเขา “มันร้อนอยู่ แป๊ปนึงนะ” พูดจบเธอก็ยกแก้วชาขึ้นมาเป่า

ชายหนุ่มนั่งมองเธอด้วยความสุข และคิดไปว่าถ้าเธอกับเขาไม่ได้คุยกันวันนี้ เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นเธอนั่งอยู่ใกล้ๆกับเขาอีกแล้วก็ได้

เธอยื่นแก้วชาส่งให้เขาก็พบสายตาที่เขามองมาก่อนแล้ว เธอจึงถามเขากลับไปว่า “มองอะไร”

“หึหึ ทำไมละ มองไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้”

ชายหนุ่มรับแก้วชามาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ ร้องไห้ ทำไม”

“อะไร ใคร ใครร้องไห้” นททำเป็นพูดแบบไม่ใส่ใจ

“หึหึ ไม่รู้เหมือนกัน”

เธอชำเลืองมองค้อนเขานิดนึงก่อนเอ่ย “ระวังตัวให้ดีนะ แล้วพี่เนสละ ทำไมต้องกินเหล้าเมามากขนาดนี้ ห๊ะ!” เธอย้อนเขาบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ตอบเธอทันที

“ก็นทไง ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้อ่ะ เนี่ย รับผิดชอบเลย” เขาตอบเธอเหมือนกับเด็กๆ

“หึ อะไร นทไปทำอะไร”

“ก็ ทำไมนทต้องคุยกับแอมป์ ใกล้ขนาดนั้นละ พี่หึงนะ”

“แล้วทีพี่เนสละ ใกล้กับจูนแทบจะนั่งเกยกันเลยนะ” เธอย้อนเขาแบบงอนๆ

“พี่ไม่ได้เป็นคนใกล้นะ” เขาเถียง

“แต่ก็ไม่ยอมถอย เชอะ!” เธอพูดพร้อมกับทำท่างอนใส่เขา

“ฮ่าฮ่า เอางี้ ต่อไปพี่จะอยู่ให้ห่างจากจูน ดีไม๊ แล้วนทก็ต้องไม่ให้แอมป์ หรือผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้นะ สัญญา”

นทยิ้มๆ “อือ”

“แต่ตอนนี้พี่ไม่ไหวแล้วอ่ะ ปวดหัวมากเลย ช่วยพาพี่ไปส่งหน่อยสิ”

นทลุกขึ้นพร้อมกับให้เขาเอามือโอบมาที่บ่าของเธอ และช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้น และพาเขาเดินขึ้นไปด้านบน

ระหว่างทางที่จะขึ้นไปถึงด้านบน  นทเดินประคองชายหนุ่มด้วยความยากลำบาก   เธอค่อยๆก้าวท้าวพร้อมกับก้มมองขั้นบันไดเป็นระยะๆ  และเมื่อเดินขึ้นมาจนถึงหน้าประตูห้อง    เธอดันตัวชายหนุ่มให้พิงไปกับผนังข้างประตู

“เฮ้อออ  ...ทำไม..ตัวหนักแบบ   นี้เนี่ย!!  เฮ้อ”  นทพูดไปหอบไปด้วยความเหนื่อย   และเมื่อเธอเปิดประตูห้องแล้ว  เธอจับตัวเขาและพาเดินเข้ามาในห้อง  เมื่อถึงเตียงเธอปล่อยตัวเขาไปบนที่นอน  และจัดแจงหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้กับเขา  

“นท”  ชายหนุ่มเอ่ยชื่อเธอและเอื้อมมือมาจับมือหญิงสาวไว้ทั้งที่ยังหลับตา  

“ค่ะ”  นทขานขณะที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆเขา

“อย่าพึ่งไปนะ”  เขาพูดออกมาช้าๆ เบาๆ

เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาหมั่นไส้แบบไม่จริงจังนักและยิ้มออกมาน้อยๆที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ย  “ค่ะ  พี่เนสนอนเถอะ นทยังไม่ไปไหนหรอก”  เธอพูดตอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน   ถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาแต่เขาก็ได้ยินเสียงคำตอบของเธอ  ชายหนุ่มรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด  รั้งตัวเธอเข้ามาใกล้ๆ  เพื่อให้เธอได้ขึ้นมานั่งที่เตียงทั้งตัว  และเขาก็กอดรอบเอวเธอไว้โดยไม่ยอมปล่อย  เหมือนกับว่ากลัวเธอจะหายไป  

นทปล่อยให้ชายหนุ่มวางมือพาดมาที่เอวของเธอโดยไม่ขัดขืน  และเธอก็ใช้มือข้างหนึ่งลุบผมเขาเบาๆ  ลักษณะเหมือนกับกำลังกล่อมเด็กตัวน้อยๆ  พร้อมกับก้มลงมามองหน้าเขาและยิ้มบาง  เพียงไม่นานเสียงกรนเบาๆ  ของเขาก็ทำให้เธอรู้ว่าเขาคงจะหลับแล้ว  เธอจึงค่อยๆ จับมือของเขาที่กอดเอวเธอเอาไว้ออกอย่างเบามือ  และลุกเดินออกจากห้องไป  

เช้าวันใหม่

เสียงกุกกักดังออกมาจากทางห้องครัว  เอก เดินลงมาจากด้านบนและเดินมาดูตามเสียง   เมื่อเดินมาถึงหน้าครัวเอกก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่ทำให้เกิดเสียงดังนั้นคือ นท  

“ต้าย!  นังหนู  หนูจะพังครัวเจ๊เหรอจ๊ะ  หึหึ”  เอกส่งเสียงทักเข้ามาก่อนตัว

“อ้าว!  พี่เอก   แหะแหะ ตื่นแล้วเหรอคะ”  นทหันมามองเอกนิดนึง  แล้วก็หันกลับไปสาละวนกับข้าวของตรงหน้า

เอกชโงกหน้ามามอง  ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดฝาหม้อที่ตั้งไฟอยู่ด้วยความอยากรู้  

“ต้าย!! หอมนะย่ะหล่อน”  พูดจบเอกก็ปิดฝาหม้อลงตามเดิม  พร้อมกับหันมามองหน้าคนที่กำลังจัดเตรียมเครื่องเคียงต่างๆ  ด้วยความตั้งใจ  เอกมองหน้าเธอด้วยสายตาล้อๆ  ก่อนจะเอ่ยถาม  “คิดอะไรเนี่ย!  ถึงตื่นแต่เช้ามาทำข้าวต้ม”

นทหันมามองเอกแว่บหนึ่ง  และก็เจอสายตาของเอกที่มองมาแบบต้องการคำตอบ  เธอยิ้มแก้เก้อ  ก่อนจะตอบ  “อะไร!  หึหึ  คิดอะไร  เอ้อ  พี่เอกนี่”  นทพูดด้วยอาการเขินๆ เอก

เอกยิ้มน้อยๆ  เหมือนกับคนรู้ทัน  “เอ่อ  แล้วเมื่อคืนกลับมากันกี่โมงอ่ะ” เอกพูดพร้อมกับช่วยนท  เตรียมอาหารเช้า  

“อ๋อ  ก็ดึกอ่ะ”  นทตอบแบบตะกุกตะกักเหมือนกับร้อนตัวว่าเอกจะรู้อะไร “ทำไมเหรอ”

“เปล่า....เมื่อคืนพี่กินยาแก้หวัดเข้าไปหลับไม่รู้เรื่องเลย ดีนะวันนี้วันหยุด”  เอกตอบเรื่อยๆ เลยไม่ได้สังเกตอาการของคนฟัง     นทถอนหายใจออกมาเหมือนกับว่าโล่งอก  

“แล้วนี่  เนสยังไม่ตื่นอีกเหรอ  เอ...ทุกที่ตื่นเช้านิ” เอกพูดลอยๆ โดยไม่ต้องการคำตอบ

“ทำอะไรกันอยู่ค๊า   พี่สาว”   เสียงซิลวี่ดังมาจากหน้าบ้านก่อนตัว  ทำให้ นท กับเอกต้องหันไปตามเสียงพร้อมกัน  

นทเมื่อรู้ว่าเป็นซิลวี่  เธอก็หันกลับมาง่วนกับการทำอาหารเหมือนเดิม   มีแต่เอกเท่านั้นที่ทักตอบ  ซิลวี่

“แหมมมมม   กลิ่นข้าวต้มหมูนี่มันแรงจริงๆ นะเนี่ย!  ฮึ”  เอกพูดแซวซิลวี่ด้วยความหมั่นไส้แบบขำๆ

“ฮ่าฮ่าๆๆๆ  อะไรพี่เอก มาถึงก็ว่าเลยนะ  แหมมหนูอุตสาห์คิดถึง”  

“จ้า   คิดถึง  แล้วสอบเสร็จแล้วเหรอย๊ะ!”

“ค่ะ  เลยรีบมากลัวพี่เอก เหงาปาก”  พูดกับเอกเสร็จซิลวี่ก็เดินเข้ามาหานท  พร้อมกับทำท่าตกใจแบบเว่อร์ๆ  “เฮ้ยยยย!!!!  พี่นท   พี่นท ทำเองเหรอ  ห๊า!!  โอ้ย  ไม่อยากจะเชื่อ”   พูดจบเธอก้เปิดฝาหม้อขึ้นมา “  น่ากินอ่ะ  ชิมหน่อยได้ป่ะ”  

“เอ้ย!! อย่าพึ่งสิ!”  นทหันมาคว้าช้อนจากมือซิลวี่    ซิลวี่มองนท งง ๆ  “ทำไมล่ะ  งกอ่ะ”

“เปล่า! เดี๋ยวกินพร้อมกันสิ”

ซิลวี่หันมามองหน้าเอก  แบบงง  ปนสงสัย   ก่อนจะเอ่ย “ นี่ก็พร้อมแล้ววนิ  อะไรอ่ะ  แค่ขอชิมเฉยๆ  ก็ไม่ได้    แล้วต้องรอใครอีกล่ะ”  

“รอพี่เนสไง จ๊ะ ซิลวี่จ๋า”   เอกตอบแทนให้

ซิลวี่ถึงกับทำหน้าเข้าใจ  และบอกกับทุกคนว่าเธอจะขึ้นไปตาม  แต่ก่อนที่ซิลวี่จะเดินถึงบันได  ชายหนุ่มคนเดียวในบ้านก็เดินลงมาจากด้านบนพอดี  

“อะ  พี่เนส  มามาเร็วเร็ว”  วิลวี่ส่งเสียงเร่งให้เขารีบ

เนสทำหน้าสงสัยนิดนึง  และเมื่อมาใกล้ซิลวี่ เขาก็ถามเธอว่า  “มีอะไรรึเปล่า  ซิลวี่”

ซิลวี่จูงชายหนุ่มให้เดินเร็วๆ เข้ามาที่ครัว  ซึ่งขณะนี้ข้าวต้มและถ้วยชามถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเพียงแต่รอ  ใครบางคนเท่านั้นเอง

“ก็ ถ้าพี่มาช้า หนูก็ยังกินข้าวไม่ได้ไง”   ซิลวี่พูดประชดๆ และมองหน้าไปยัง นท

“อะไร  ซิลวี่ก็พูดเกินไป  อะไร  มามากินข้าว”  นทรีบพูดตัดบท  โดยการนั่งลงพร้อมกับตักข้าวบริการให้กับทุกคน  

เนสที่หน้าสงสัยในแรกก็เริ่มจะเข้าใจหลังจากได้ฟัง  เอกกับซิลวี่แซว นท  ว่าเป็นคนทำอาหารเองกับมือ  ชายหนุ่มฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มๆ  และมองเธอตักอาหารด้วยสายตาภูมิใจ  

เมื่อตักข้าวต้มให้ครบทุกคนแล้ว   นท ก็นั่งมองลุ้นๆ  เธอรอให้ทุกคนตักกินกันก่อน  เมื่อคำแรกผ่านไป

ซิลวี่วางช้อนลง  พร้อมกันกับเอก  และหันมามองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย  ซิลวี่ตักคำที่สองลองอีกครั้งเหมือนกับว่าจะได้แน่ใจอะไรบางอย่าง  และเมื่อเธอชิมคำที่สองผ่านไป  ซิลวี่ก็พูดขึ้นมาด้วยท่างทางและหน้าที่สื่อถึงอารมณ์

“เฮ้ย!!  พี่นท  พี่ใส่เกลือหรือน้ำปลาอ่ะ”

“ห๊ะ”  นทขานพร้อมกับทำหน้าสงสัย

“เอ่อ  นท  พี่ว่านะ  คือ  นท  เอาไปเติมน้ำหน่อยไม๊  คือพี่ว่ามันเข้มข้นไปหน่อยอ่ะ”  เอกพูดแบบถนอมน้ำใจน้องสุดๆ

“เหรอ!”   นทพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ  และเริ่มตักข้าวต้มในชามตัวเองขึ้นมาชิม  และเมื่อเธอชิมแล้ว  เธอถึงกับวางช้อนลงทันที  และเริ่มบ่นตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง

“ไม่เป็นไรหรอก  มันแก้ได้  แต่ที่จริงพี่ว่า  ก็กินได้นะ”  เนสเอ่ยขึ้นหลังจากฟังสาวๆคุยกัน

“จริงอ่ะ  พี่เนส กินได้จริงอ่ะ”  ซิลวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัยแบบสุดๆ  

“อือ  กินได้ แต่”  

“แต่อะไร  พี่เนส”  ซิลวี่ถามจบ  ทุกคนก็หันมารอฟังคำตอบจากเนสแบบตั้งใจ

“พอกินแล้วต้องรีบพาพี่ไปล้างไตนะ  หึหึ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ  แรงอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”   เสียงเอกกับซิลวี่หัวเราะประสานกันขึ้นมาทันที  มีแต่ นทเท่านั้นที่ทำหน้างอนๆ และเอื้อมมือไปยกชามข้าวต้มตรงหน้าเขาคืนมาทันที  จนชายหนุ่มต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหานท  

“หึหึ  พี่พูดเล่น  มามากิน  พี่จะกิน”  เขาทำเสียงสำนึกผิด

“ไม่ต้องแล้ว”  นทงอน

“ทำไมล่ะ”

“ก็มันเค็มขนาดนี้  จะกินทำไมล่ะ”

“งั้นเรา  มาลองปรุงใหม่นะ   เดี๋ยวพี่ช่วย”  เนสออกความเห็น  และพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน   นทเงยหน้ามองเขานิดนึงก่อนจะพยักหน้า

“งั้น  ทำกันสองคนนะ  หึหึ  หนูไปเซเว่นหน้าปากซอยก่อนแล้วกัน  ฮ่าๆๆๆ” ซิลวี่พูดจบก็หันไปชวนเอก  แล้วทั้งสองคนก็เดินจากไป