การเลือกซื้อผ้ามีความสำคัญ เพราะถ้าได้ผ้าที่เหมาะสมกับแบบตัดเหมาะกับบุคลิกของผู้ใช้สถานที่และโอกาส ผ้ามีความสำคัญเพราะจะทำให้ผู้สวมใส่ดูดีขึ้นในขณะเดียวกันก็อาจจะทำให้ผู้สวมใส่ดูแย่ลงถึงแม้ว่าผ้านั้นจะราคาแพงก็ตามเนื้อผ้าสีของผ้า ลวดลายผ้าช่วยทำให้เสื้อกางเกงและกระโปรงดูมีราคา ถ้าเลือกแบบได้เหมาะสมกับผ้าผสมกับการตัดเย็บด้วยฝีมือประณีต ชวนให้สวมใส่และใช้ได้นาน หลายโอกาส ไม่เบื่อง่าย
แบบตัดบางแบบต้องใช้ผ้าทอเนื้อแน่นอยู่ตัว แต่บางแบบต้องใช้ผ้าบางเบา
พลิ้วฉะนั้นผู้เริ่มหัดตัดเย็บใหม่ๆควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับผ้าทอเนื้อแน่นและควร หลีกเลี่ยงผ้าลายทางผ้าตาหมากรุกเพราะต้องระวังให้ลายต่อกัน เพราะจะเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้เริ่มตัดเป็นใหม่ ๆ ดังนั้นควรเลือกใช้ผ้าพื้นสีเรียบ ๆ ก่อน
1. เลือกคุณสมบัติของผ้าตามวัตถุประสงค์ที่ต้องใช้ เช่น เสื้อผ้าใส่ทำงาน
เครื่องแบบนักเรียนเสื้อผ้าใส่ลำลองอยู่ในบ้านเหล่านี้ควรเลือกผ้าที่เหมาะสม ไม่เทอะทะหรือเบาบางจนเห็นชั้นใน
2.ศึกษาข้อความที่เขียนติดมากับผ้าและริมผ้าอย่างละเอียด ถ้าหน้าผ้าหรือริมผู้เขียไว้ว่าผ้าฝ้ายหรือCotton65% หมายความว่าผ้าชิ้นนั้นมีคุณสมบัติของผ้าฝ้ายมากกว่าเทโทรร่อน ดังนั้นผ้าชิ้นนี้จะสวมใส่สบายไม่ยับมากและรีดแต่น้อย หรือข้อความเขียนบอกว่าเป็นผ้าเรยอน100% ซึ่งหมายความว่าผ้าชิ้นนั้นเป็นผ้าเรยอนล้วน ซึ่งเมื่อยังใหม่สามารถจับต้องหรือมองดูสวยงามน่าใช้แต่พอนำมาตัดเย็บจะยับมาก เวลาซักถ้าขยี้ไปมาจะขาด ทั้งนี้เพราะคุณลักษณะของผ้าเรยอนเป็นเช่นนั้น
.
สังเกตด้วยตาและการจับต้อง ผ้าทอเนื้อดีเส้นด้ายยืนและเส้นด้ายพุ่งจะตัดกันเป็นมุมฉาก ถ้าเส้นด้ายทั้งสองโย้เย้หรือรวนเป็นผ้าที่คุณภาพต่ำ หรือด้อยจะตัดเย็บลำบากผ้าที่ทอด้วยมือเช่นผ้าไหมไทย ถ้านำมาส่องทวนแสงดูจะมองเห็นฝีมือการทอถี่ห่างไม่เสมอกันเป็นเพราะฟันหวีกระทบด้ายพุ่งไม่เสมอแสดงว่าเป็นผ้าที่มีคุณภาพการจับต้องผ้าเช่นกำผ้าเพื่อทดสอบการยับถ้ากำแล้วผ้าไม่คลายตัวและคงรอยยับเป็นเส้นอยู่อย่างนั้นแสดงว่าไม่ทนยับและต้องการรีดหรือขยี้ผ้าเพื่อดูว่ามีการเพิ่มเนื้อ เช่น ตกแต่งเนื้อผ้าด้วยการลงแป้งหรือไม่