แนวคิดวิถีแห่งธรรมชาติ เพื่อ สร้างจิตสำนึกใหม่

  1. สัมผัส กับ ความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์
  2. เข้าถึงความใหญ่ของธรรมชาติ
  3. การเจริญสติ
  4. การทำงานคือการปฏิบัติธรรม
  5. การออกกำลังกาย โยคะ ไทเก๊ก
  6. สุนทรียธรรม
  7. การรวมตัวร่วมคิดร่วมทำ
  8. สำนึกในศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นคน

การสร้างจิตสำนึกใหม่มีวิธีการต่างๆ เยอะ กระแสใหญ่ในโลกขณะนี้ (megatrend) คือกระแสจิตสำนึกใหม่ มีหนังสือในชื่อต่างๆ ออกมามากกว่าเรื่องอื่นๆ มีที่นั่งอยู่ตรงนี้สามคนกำลังทำข้อมูลข่าวสารเรื่องจิตสำนึกใหม่ เขาจะบริการท่านในอนาคตว่าเจออะไรบ้าง จิตสำนึกใหม่เป็นกระแสใหญ่ที่สุดในโลก ผมจะยกตัวอย่างการสร้างจิตสำนึกใหม่

  1. สัมผัสความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ จะทำให้จิตเราใหญ่ขึ้น เรามีธรรมชาติสมองของเราสามารถรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนของสัตว์ได้ เราดูแววตาของแมว สุนัข มันก็สื่อสาร คนเช่นเดียวกัน เรารับรู้จากสีหน้า คำพูด แววตา ท่าทาง จะรับรู้อารมณ์ความรู้สึก มันไวมาก เรียกว่า social brain อยู่ในสมอง เมื่อรับรู้แล้วจะมีธรรมชาติของเราเองเกิดความเห็นใจ (empathy) แล้วธรรมชาติอีกตัวหนึ่งคือน้ำใจหรือการอยากทำเพื่อเพื่อนมนุษย์ (altruism) ก็จะออกมาทำงาน ที่ท่านทั้งหลายมาก็เพราะมีน้ำใจ มนุษย์ไม่ได้มีธรรมชาติแต่จะทำเพื่อตัวเท่านั้น มีธรรมชาติที่จะทำเพื่อผู้อื่นด้วย แต่ว่าเรามีมายาคติต่างๆ เข้ามาขวางกั้นระหว่างเรากับเพื่อนมนุษย์ ถ้ามนุษย์มีความสัมพันธ์ที่เรียกว่า human contact กัน เห็นหน้าเห็นตา เห็นแววตากัน เมล็ดพันธุ์แห่งความดีคือความเห็นใจความมีน้ำใจก็จะมีโอกาสออกมา ที่ผมพูดบ่อยๆ ว่ามนุษย์ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ แต่เราไปเอาอย่างอื่นมาขวางกั้นเสียหมด ตัวนี้ก็เลยไม่ได้มีโอกาสออกมา เหมือนกำแพงวังของกรุงกบิลพัสดุ์เป็นกำแพงขวางกั้นเจ้าชายสิทธัตถะไม่ให้สัมผัสความจริง ท่าน

เรียนศิลปวิทยาทั้ง 18 แต่ไม่เกิดจิตสำนึก ต่อเมื่อหนีจากวังไปสัมผัสความจริงของชีวิต คนจน คนแก่ คนเจ็บ คนตาย มันเกิดจิตสำนึกขึ้น พลังจิตสำนึกเหมือนพลังนิวเคลียร์ของมนุษย์ (Human Nuclear Energy) มันทำให้คนธรรมดาเป็นพระพุทธเจ้าได้

การศึกษาเราไม่ได้ทำตัวนี้เลย เราเอานิสิตนักศึกษานักเรียนเป็นล้านๆ คน เป็นสิบล้านคนมากักขังไว้ในกำแพงของระบบการศึกษา ถ้าเราให้นิสิตนักศึกษาไปอยู่กับชาวบ้านที่ยากจน ไปนอนบ้านชาวบ้าน รับรู้ความรู้สึกของเขา มันเกิดหมดเลย ความเห็นอกเห็นใจ นักศึกษาก็รักชาวบ้าน ชาวบ้านก็รักนักศึกษา ภายในหกเดือนทั้งประเทศจะเกิดตัวนี้ได้ เรามีนักศึกษาเป็นแสนๆ คน ทำก็ไม่ยาก ไม่ได้ใช้เงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน พยายามบอกตรงนี้อยู่เรื่อยแต่ก็ยากที่คนจะเข้าใจ เพราะมันเข้าไปสู่ความเชื่อและการปฏิบัติที่ผิดๆ (สีลพตปรามาส)

2. เข้าถึงความใหญ่ของธรรมชาติ ตามที่พูดเมื่อกี้

3. การเจริญสติ

4. การทำงานคือการปฏิบัติธรรม พยายามทำให้ประณีต พอใจในงานนั้น มีฉันทะ ความประณีตกลายเป็นความงามที่มาพัฒนาจิตใจเราให้เรามีความสุขขึ้น HA ทำให้ประณีต ถูกต้องขึ้น เป็นเครื่องพัฒนาจิตใจ พัฒนาจิตวิญญาณของเรา ถ้าเข้าใจตรงนี้จะกำไรมหาศาล เรากวาดบ้านก็มีความสุข มีสติอยู่กับการกวาด กวาดแล้วก็ชื่นชมในการกวาด ล้างส้วม ล้างชาม ทำอะไรมีความสุขไปหมดทุกอย่าง ถ้าใครเข้าใจตรงนี้มันกำไรมหาศาล ทุกอย่างกลายเป็นความสุข เป็นการพัฒนาความงามได้ทุกอย่าง การทำงานนี่สำคัญ น่าเสียดายที่การศึกษาของเราทั้งระบบไปสู่การท่องหนังสือ การเรียนรู้ที่สำคัญคือการเรียนรู้จากการปฏิบัติ การปฏิบัติจะหล่อหลอมวิธีคิด การทำอะไรให้สำเร็จต้องนึกถึงคนอื่น เอาแต่ใจเราไม่ได้ เราต้องประนีประนอมที่จะไปด้วยกัน ถ้าท่องแต่หนังสือคิดแต่ทฤษฎีจะไปสู่ภาวะสุดโต่งได้ ไปสู่สภาวะความโหดร้าย นักวิชาการบางคนที่เอาแต่ทฤษฎีจะเข้าไปสู่ความโหดร้ายสุดๆ ถ้าเราต้องทำงานเราโหดร้ายไม่ได้ เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องสำคัญหมด เราต้องประนีประนอม ต้องปรับทิฐิของเรา เราต้องเรียนรู้จากการทำงาน ไม่ใช่เรียนรู้อย่างที่เราทำทุกวันนี้ซึ่งเป็นการศึกษาที่ผิด คำสองคำนี่ต่างกันมาจากรากศัพท์ที่ต่างกัน ศึกษาเป็นภาษาสันสกฤต สิกขาเป็นภาษาบาลี ศึกษาหมายถึงการท่องวิชา ไม่ปฏิบัติ สิกขาหมายถึงการปฏิบัติและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ จุดสำคัญเราต้องเปลี่ยนศึกษาเป็นสิกขาให้ได้

5. การออกกำลังกาย โยคะ ไท้เก๊ก ทำไปแล้วเจริญสติให้อยู่กับปัจจุบันด้วย จิตจะสงบไปเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย มีความสุขไปด้วย สุขภาพดีด้วย ร่างกายแข็งแรง แต่ปัญหาของมนุษย์อยู่ที่ว่ารู้ว่าอะไรดีแต่ไม่ทำ เราต้องเข้มแข็ง รู้แล้วทำ

6. สุนทรียธรรม เรื่องศิลปะต่างๆ ถ้าเราเข้าใจทั้งหมด เราก็อาศัยศิลปะเข้าไป ความจริง ความดี ความงามจะอยู่ที่เดียวกัน เราจะเข้ามาจากด้านไหนก็ได้ จากด้านความจริงก็จะเจอความงามและความดี เข้าจากความดีก็จะมาสู่ความงาม ความจริง จะเริ่มจากความงามก็จะเข้าไปสู่ความจริงและความดี ความจริง ความดี ความงามเป็นเรื่องเดียวกัน สามสิ่งนี้พูดทฤษฎีอย่างไรก็ไม่เข้าใจ มันนิยามไม่ได้ มันต้องเกิดจากประสบการณ์ แล้วเราจะรู้ว่าความจริง ความดี ความงามมันอยู่ด้วยกัน ถ้าเรายังไม่เจอความงามเราก็เข้าไม่ถึงความจริง เรื่องศิลปะ ถ้าเราเข้าใจ สามารถเอามาเป็นประโยชน์ในการพัฒนาจิตใจไม่ให้เข้าไปสู่กิเลศ ตัณหาต่างๆ

7. การรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ลดความเห็นแก่ตัวลง เห็นแก่ส่วนรวม ร่วมกันทำอะไรที่เป็นจุดใหญ่ ร่วมกันสร้างสังคมแนวราบ ในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง ตรงนี้จะให้ความสุขมาก ถ้าเรารวมตัวกันสี่ซ้าห้าคน สนใจร่วมกัน ทำอะไรร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน มีกลุ่มอย่างนี้ทั่วประเทศ ความสุขจะเกิดขึ้นมากและเชื่อมโยงกับเป็นเครือข่าย ทำได้ง่าย ทำได้เอง แต่ไม่ค่อยทำกัน ผู้บริหารองค์กรถ้าเข้าใจตรงนี้ก็มีนโยบายส่งเสริมได้ แต่โดยมากผู้บริหารองค์กรเคยชินกับเผด็จการ คอยออกคำสั่งอย่างเดียว โครงการต่างๆ ก็ไม่ค่อยสำเร็จ เกิดความบีบคั้น คนในองค์กรส่วนใหญ่โดยเฉพาะส่วนราชการจะเกลียดหัวหน้าทุกคนเพราะมันบีบคั้น มันใช้อำนาจทางดิ่ง แต่ถ้าเป็นทางราบคนจะรักกันหมด การรวมตัวร่วมคิดร่วมกันเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เกิดจิตสำนึกใหญ่ ทุกคนน่าจะทำตรงนี้ได้ ไม่ยากที่จะทำตรงนี้

8. สำนึกในศักดิ์ศรี คุณค่าความเป็นคนของตัวเราเอง เราอยู่ในมายาคติที่มาครอบงำเราจนเราไม่รู้ ศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของเราต่ำลง เราไม่รู้ตัว แต่ถ้าเราหยุด ดูเงียบๆ สำนึกว่าเราเป็นคน คนมีศักดิ์ศรีและคุณค่า เราจะมีความสุขอย่างลึกล้ำ เราจะรู้ศักยภาพของเราว่าเราสามารถทำอะไรดีๆ ได้ ต้องช่วยกันส่งเสริมตรงนี้ เราจะเกิดความสุขอย่างลึกล้ำว่าเรามีศักดิ์ศรีคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับคนอื่น และเราก็เคารพศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคนของคนอื่น

อย่างเท่าเทียมกัน นี่เป็นจุดใหญ่ เป็นพื้นฐานทางศีลธรรม จะเปิดจิตของเราให้ใหญ่ขึ้น ไม่อย่างนั้นจะถูกบีบคั้นจากมายาคติตางๆ

ที่จริงมีอื่นๆ อีก แต่เอามายกตัวอย่างเพียง 8 ประการ ที่จริงมีเส้นทางที่หลากหลายมาก เป็นพหุบท ท่านคงชอบเอาสักเรื่อง แล้วจะไปเจอกันเอง เป็นเส้นทางที่หลากหลายไปสู่จุดเดียวกัน สมมติเราจะไปที่ยอดเขาก็ขึ้นเขาได้หลายทาง ท่านทั้งหลายก็เลือกดูเอง เวลาก็หมดลงพอดีตรงนี้

ท่านทั้งหลายที่ทำงาน HA นั้น ที่จริงก็เป็นความพยายามเข้าถึงสิ่งสูงสุด คือความจริง ความดี ความงาม ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขในชีวิตและการทำงาน มีความสุขยิ่งๆ ขึ้น ทำประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น รวมตัวกันสร้างประเทศไทยที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ขอบคุณครับ

แนวคิดการพัฒนาคุณภาพบนพื้นฐานแห่งความสุข

1. ความสุขของเจ้าหน้าที่

2. ความสุขของผู้มารับบริการ

3. ความสุขของประชาชนในพื้นที่ ต่างๆ

        ครอบครัว

หมู่บ้าน

ตำบล

อำเภอ

โรงเรียน

ร้านค้า

ศูนย์เด็ก

ที่ทำการ ต่างๆ

สถานประกอบอาชีพต่างๆ

4. happy 8

5. maslow 5+1