1.ปัจจุบันอาเซียนประกอบด้วยประเทศอะไรบ้าง

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/67028

ตอบ

บรูไน

1.บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)

              ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า "เนการาบรูไนดารุสซาลาม" มีเมือง "บันดาร์เสรีเบกาวัน" เป็นเมืองหลวง ถือเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีประชากร 381,371 คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรเกือบ 70% นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ

           อ่านข้อมูลของประเทศบรูไนได้ที่นี่

กัมพูชา

2.ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)

              เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย มีประชากร 14 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรกว่า 80% อาศัยอยู่ในชนบท 95% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเวียดนามได้

           อ่านข้อมูลประเทศกัมพูชา ได้ที่นี่ 

อินโดนีเซีย

3.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)

              เมืองหลวงคือ จาการ์ตา ถือเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 1,919,440 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากถึง 240 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) โดย 61% อาศัยอยู่บนเกาะชวา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษา Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการ

           อ่านข้อมูลประเทศอินโดนีเซีย ได้ที่นี่ 

ลาว

4.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR)

              เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก โดยประเทศลาวมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย คือ 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่า 90% เป็นภูเขาและที่ราบสูง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดทะเล ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยมีประชากร 6.4 ล้านคน ใช้ภาษาลาวเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีคนที่พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ

           อ่านข้อมูลประเทศลาว ได้ที่นี่ 

มาเลเซีย

5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)

              เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร แบ่งเป็นมาเลเซียตะวันตกบคาบสมุทรมลายู และมาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ทั้งประเทศมีพื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 26.24 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ใช้ภาษา Bahasa Melayu เป็นภาษาราชการ

           อ่านข้อมูลประเทศมาเลเซีย ได้ที่นี่ 

ฟิลิปปินส์

6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)

              เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา ประกอบด้วยเกาะขนาดต่าง ๆ รวม 7,107 เกาะ โดยมีพื้นที่ดิน 298.170 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 92 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการใช้ภาษาในประเทศมากถึง 170 ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาตากาลอก เป็นภาษาราชการ

           อ่านข้อมูลประเทศฟิลิปปินส์ ได้ที่นี่ 

สิงคโปร์

7.สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore)

              เมืองหลวงคือ กรุงสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางเรือของอาเซียน จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในย่านนี้ แม้จะมีพื้นที่ราว 699 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากร 4.48 ล้านคน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ แต่มีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ ปัจจุบันใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)

           อ่านข้อมูลประเทศสิงคโปร์ ได้ที่นี่ 

ประเทศไทย

8.ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)

              เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 513,115.02 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 77 จังหวัด มีประชากร 65.4 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ

           อ่านข้อมูลประเทศไทย ได้ที่นี่

เวียดนาม

9.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam)

              เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย มีพื้นที่ 331,689 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจถึงเมื่อปี พ.ศ.2553 มีประชากรประมาณ 88 ล้านคน ประมาณ 25% อาศัยอยู่ในเขตเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

           อ่านข้อมูลประเทศเวียดนาม ได้ที่นี่

ประเทศพม่า

10.สหภาพพม่า (Union of Myanmar)

              มีเมืองหลวงคือ เนปิดอว ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันออก โดยทั้งประเทศมีพื้นที่ประมาณ 678,500 ตารางกิโลเมตร ประชากร 48 ล้านคน กว่า 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท หรือหินยาน และใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ

   ในสภาวะแห่งยุคทุนนิยม ที่เศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อนและผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับประเทศต่าง ๆ นั้นอยู่รวมกันเป็นสังคมโลก ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายได้ จึงต้องมีการรวมตัวกันของประเทศในแต่ละภูมิภาคเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ร่วมและพัฒนาประเทศในภูมิภาคไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน จึงได้มีข้อตกลงให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชนหรือประชาคมเดียวกันให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015)

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/67028

2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนคืออะไร

ที่มา

http://www.m-society.go.th/ewtadmin/ewt/asean/ewt_news.php?nid=39&filename=index

ตอบ


วันที่ 24 ส.ค. 2557 (จำนวนคนอ่าน21113คน) 

ประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย 3 ประชาคมย่อย ได้แก่ 1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคง 2. ประชาคมเศรษฐกิจ และ 3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม โดยในแต่ละประชาคมจะมีแผนการทำงานของตนเองเรียกว่า Blueprint โดยภายในเนื้อหาของ Blueprint แต่ละเสาจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะของประชาคมนั้นๆ รวมถึงเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ และมาตรการเพื่อจะสร้างประชาคม

 

ในประเทศไทย หน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานหลักของแต่ละประชาคมมีดังนี้

1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคง มี กระทรวงการต่างประเทศ

2. ประชาคมเศรษฐกิจ มี กระทรวงพาณิชย์

3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม มีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

 

พม. ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 ให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักเพื่อประสานการดำเนินงานของเสาสังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) ซึ่งเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีของเสาสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (SOCA) ซึ่งเป็นการประชุมระดับปลัดกระทรวงหรือรองปลัดกระทรวง และการประชุมอื่นๆ ที่ผู้แทนเสาสังคมและวัฒนธรรมได้รับเชิญให้เข้าร่วม

 

สำหรับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC) นั้นมีกลไกการขับเคลื่อนคือคณะกรรมการขับเคลื่อนการเป็นประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธาน และมีหน่วยงานอีก 22 แห่งร่วมเป็นกรรมการ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2555

 

ภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC Blueprint) นั้นได้กำหนดการทำงานออกเป็น 6 คุณลักษณะ ได้แก่ 1. การพัฒนามนุษย 2. การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม 3. ความยุติธรรมและสิทธิ 4. ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 5.การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน และ 6.การลดช่องว่างการพัฒนา (ซึ่งจะเน้นประเทศที่เรียกว่า CLMV ซึ่งเป็นอักษรย่อของประเทศต่างๆ ที่เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียนในภายหลัง ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เพื่อช่วยให้สามารถดำเนินการตามข้อตกลงต่างๆ ของอาเซียนได้)  

 

ในการทำงานเพื่อจะให้ครอบคลุมทั้ง 6 คุณลักษณะนั้น ภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) ได้แบ่งการทำงานออกเป็นความร่วมมือรายสาขา จำนวน 14 สาขา (นับจำนวนตามเว็บไซด์สำนักเลขาธิการอาเซียน http://www.asean.org/communities/asean-socio-cultural-community) และในแต่ละสาขาจะใช้กลไกการประชุมระดับรัฐมนตรีสาขาและการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ในการขับเคลื่อนแผนงาน โดยมีการจัดทำแผนงานและขอบเขตการทำงานของแต่ละสาขาเอง ซึ่งอาจใช้ชื่อเรียกว่า Framework หรือ Workplan ว่าในช่วงแผนที่ครอบคลุมระหว่างปีไหนถึงปีไหน จะเน้นการทำงานในเรื่องอะไรบ้าง

 

ในสไลด์ที่แนบมาข้างท้ายจะมีชื่อสาขา และชื่อย่อของหน่วยงานในประเทศไทยที่รับผิดชอบรายสาขา

 

ฉะนั้นบทบาทของ พม. คือทำหน้าที่ในการประสานงานของทั้ง 14 สาขาโดยใช้กลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนการเป็นประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2555 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธาน และมีหัวหน้าหน่วยงานจากกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการอีก 22 แห่ง คณะกรรมการขับเคลื่อนได้มีการจัดประชุมปีละอย่างน้อย 2 ครั้ง และมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ คณะทำงานต่างๆ เพื่อไปดำเนินการในเรื่องเฉพาะ

 

สำหรับการดำเนินงานของแต่ละสาขาก็มีกลไกการประชุมทั้งในระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้วยเช่นกัน

 

ในส่วนของความคืบหน้าในการดำเนินงานตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC Blueprint) นั้น ประเทศไทยได้มีการประเมินผลครึ่งแผน ในปี 2556 ผลการประเมินพบว่า ในภาพรวมของไทย จาก 338 มาตรการที่อยู่ใน ASCC Blueprint ดำเนินการไปแล้ว 218 มาตรการ (64%) อีก 53 มาตรการ (16%) อยู่ในระหว่างดำเนินการ และ 67 มาตรการ (20%) อยู่ระหว่างการพิจารณาหรือไม่มีข้อมูล ฉะนั้นในส่วนของภาพรวมการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในส่วนของเสาสังคมและวัฒนธรรม ถือได้ว่าดำเนินการไปถึง 80% ก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 สำหรับมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหรือไม่มีข้อมูลนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการทำงานในลักษณะตัดขวาง ซึ่งต้องทำงานร่วมกับสาขาอื่น หรือเสาอื่น หรือต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ

 

สถานะล่าสุดเกี่ยวกับการดำเนินงานในปัจจุบัน คณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ได้มีคำสั่งที่ ๒/๒๕๕๗ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และรองปลัดกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่รองประธานอนุกรรมการ และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนกรมอาเซียน ทำหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ องค์ประกอบคณะอนุกรรมการฯ รวมทั้งสิ้น จำนวน ๓๒ คน คณะอนุุกรรมการชุดใหม่นี้จะได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำงานของเสาสังคมและวัฒนธรรมต่อไป

3.กฎบัตรอาเซียน ประกอบด้วยบทบัญัญัติกี่ข้อและกี่หมวด

ที่มาhttp://aec.kapook.com/view52696.html

ตอบ

 กฎบัตรอาเซียน  (ASEAN Charter) เปรียบได้กับ "ธรรมนูญของอาเซียน" ซึ่งเป็นร่างสนธิสัญญาที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทำร่วมกัน เพื่อเป็นการวางกรอบกฎหมาย แนวปฏิบัติ ขอบเขต ความรับผิดชอบต่าง ๆ รวมทั้งโครงสร้างองค์กรให้กับอาเซียน ให้เป็นไปภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งสามารถปรับปรุง แก้ไข และสร้างกลไกใหม่ขึ้นมาได้ เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน

          ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันลงนามรับรองกฎบัตรอาเซียน เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี ของการก่อตั้งอาเซียน ก่อนจะร่วมทำสัตยาบันเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2551 หลังจากมีสมาชิกครบ 10 ประเทศ ซึ่งทำให้กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2551 เป็นต้นมา

ที่มา http://aec.kapook.com

4. สำนักงานใหญ่ของอาเซียนอยู่ที่ใด

ที่มา http://www.uasean.com/kerobow01/61

ตอบสำนักงานใหญ่อาเซียน  เลขาธิการอาเซียน

สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat)

สำนักงานใหญ่อาเซียน

61.7.221.113

สำนักงานใหญ่อาเซียน สำนักเลขาธิการอาเซียนได้จัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงที่ลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน

 

ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 1 ในปี 2519 เพื่อทำหน้าที่ประสานงานและดำเนินงาน

ตามโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมอาเซียน และเป็นศูนย์กลางในการติดต่อระหว่างสมาคมอาเซียน คณะกรรมการ ตลอดจนสถาบันต่าง ๆ และรัฐบาลของประเทศสมาชิก

             สำนักงานใหญ่อาเซียน สำนักเลขาธิการอาเซียนตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซียโดยมีหัวหน้าสำนักงานเรียกว่า “เลขาธิการอาเซียน” ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2545 ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 35 ได้แต่งตั้งนาย Ong Keng Yong” ชาวสิงคโปร์ เป็นเลขาธิการอาเซียนคนใหม่แทนนาย Rodolfo C. Severino Jr. เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน โดยจะมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 5 ปี (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2546) และมีรองเลขาธิการอาเซียนจำนวน 2 คน (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโดยชาว มาเลเซียและเวียดนาม)

 

สำนักงานใหญ่อาเซียน แห่งชาติ หรือกรมอาเซียน (ASEAN National Secretariat)

             เป็นหน่วยงานในกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิก ซึ่งแต่ละประเทศได้จัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบ ประสานงานเกี่ยวกับอาเซียนในประเทศนั้น ๆ และติดตามผลของการดำเนินกิจกรรม/ความร่วมมือต่าง ๆ สำหรับประเทศไทยนั้น ได้มีการจัดตั้งกรมอาเซียนให้มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติงานด้านอาเซียนดังกล่าว

5.อาเซียนก่อตั้งเมื่อใด

ที่มาhttp://guru.sanook.com/26510/

ตอบ

  8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 วันก่อตั้ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ "สมาคมอาเซียน" (Association of Southeast Asian Nations - ASEAN) โดยมีสมาชิกเริ่มต้น 5 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ ได้ร่วมกันลงนามใน "คำประกาศอาเซียน" (ASEAN Declaration) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการครองชีพและฐานะทางเศรษฐกิจ และความเจริญในทางเทคนิค วิชาการร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ต่อมาได้รับประเทศสมาชิกเพิ่มเติมคือ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และ กัมพูชา รวมเป็น 10 ประเทศ ทั้งนี้อาเซียนมีจุดเริ่มต้นมาจาก สมาคมเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ "อาสา" (Association of Southest Asia - ASA) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2509 แต่ดำเนินมาได้ไม่นานก็ต้องหยุดชะงักเนื่องจากความผันผวนทางการเมือง ในที่สุดก็ยุบรวมเข้าเป็นสมาคมอาเซียน และดำเนินกิจกรรมมาจนถึงปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของอาเซียนตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยให้ประตัวแทนของประเทศสมาชิกหมุนเวียนกันเป็นเลขาธิการของสมาคม ล่าสุดอาเซียนได้แต่งตั้งให้ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นเลขาธิการคนใหม่ ซึ่งจะดำรงตำในวันที่ 1 มกราคม 2551 ที่จะถึงนี้

ตอบ

6.อาหารอาเซียนคืออะไร

ที่มาhttp://hilight.kapook.com/view/73514

ตอบอาหารอาเซียน กับ 10 เมนูเด็ดของ 10 ประเทศอาเซียน ที่ห้ามพลาดมากฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วเชิญชิม..เอ้ย..เชิญชมกันเลยจ้า

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

ต้มยำกุ้ง - ประเทศไทย

1.ประเทศไทย

          ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)  แค่เอ่ยชื่อก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ต้มยำกุ้งเป็นอาหารคาวที่เหมาะสำหรับรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมของสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบในต้มยำกุ้ง นอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการเจริญอาหารได้เป็นอย่างดี

              และเนื่องจากต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทำให้รับประทานแล้วไม่เลี่ยน จึงทำให้ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาติเองก็ติดอกติดใจในความอร่อยของต้มยำกุ้งเช่นเดียวกัน

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน 

อาม็อก - ประเทศกัมพูชา

2.ประเทศกัมพูชา

          อาม็อก (Amok) เป็นอาหารคาวยอดนิยมของกัมพูชา มีลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยเป็นการนำเนื้อปลาสด ๆ ลวกพริกเครื่องแกง และกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เนื้อปลาแล้ว อาจเลือกใช้เนื้อไก่แทนก็ได้ ส่วนสาเหตุที่คนในประเทศกัมพูชานิยมรับประทานปลา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของกัมพูชามีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ทำให้ปลาเป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายนั่นเอง

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

อัมบูยัต - ประเทศบรูไน

3.ประเทศบรูไน

          อัมบูยัต (Ambuyat) เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไน มีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊ก โดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติ แต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่าง หรือเนื้อทอด  ทั้งนี้ การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ ต้องรับประทานตอนร้อน ๆ จึงจะดีที่สุด

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

หล่าเพ็ด - ประเทศพม่า

4.ประเทศพม่า

          หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหารยอดนิยมของพม่า โดยการนำใบชาหมักมาทานกับเครื่องเคียง เช่น กระเทียมเจียว ถั่วชนิดต่าง ๆ งาคั่ว กุ้งแห้ง ขิง มะพร้าวคั่ว เรียกได้ว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเมี่ยงคำของประเทศไทย ซึ่งหล่าเพ็ดนี้ จะเป็นเมนูอาหารที่ขาดไม่ได้ในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ของประเทศพม่า โดยกล่าวกันว่า หากงานเลี้ยง หรืองานเฉลิมฉลองใด ไม่มีหล่าเพ็ด จะถือว่าการนั้นเป็นงานที่ขาดความสมบูรณ์ไปเลยทีเดียว

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

อโดโบ้ - ประเทศฟิลิปปินส์

5.ประเทศฟิลิปปินส์

          อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่ผ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ

              ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เนื่องจากส่วนผสมของอโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันอโดโบ้ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่นำมารับประทานกันได้ทุกที่ทุกเวลา

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

ลักซา - ประเทศสิงคโปร์

6.ประเทศสิงคโปร์

          ลักซา (Laksa) อาหารขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ลักซามีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่กะทิ ทำให้รสชาติเข้มข้น คล้ายคลึงกับข้าวซอยของไทย โดยลักซาจะมีส่วนผสมของ กุ้งแห้ง พริก กุ้งต้ม และหอยแครง เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ลักซามีทั้งแบบที่ใส่กะทิ และไม่ใส่กะทิ ทว่า แบบที่ใส่กะทิจะเป็นที่นิยมมากกว่า

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

กาโด กาโด - ประเทศอินโดนิเซีย

7.ประเทศอินโดนีเซีย

          กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารยอดนิยมของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผัก และธัญพืชหลากหลายชนิด  ทั้งแครอท มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ และไข่ต้มสุกด้วย กาโด กาโดจะนำมารับประทานกับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ อย่างไรก็ตาม ด้วยเครื่องสมุนไพรในซอส อาทิ รากผักชี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ทำให้เมื่อรับประทานแล้วจะไม่รู้สึกเลี่ยนกะทิมากจนเกินไปนั่นเอง

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

สลัดหลวงพระบาง - ประเทศลาว

8. ประเทศลาว

          สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad) เป็นอาหารขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีรสชาติกลาง ๆ ทำให้รับประทานได้ทั้งชาวตะวันออก และตะวันตก โดยส่วนประกอบสำคัญคือ ผักน้ำ ซึ่งเป็นผักป่าที่ขึ้นตามริมธารน้ำไหล และยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น  มันแกว แตงกวา มะเขือเทศ ไข่ต้ม ผักกาดหอม และหมูสับลวกสุก ส่วนวิธีปรุงรสคือ ราดด้วยน้ำสลัดชนิดใส คลุกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่ว

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

นาซิ เลอมัก - ประเทศมาเลเซีย

9.ประเทศมาเลเซีย

          นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของประเทศมาเลเซีย โดยนาซิ เลอมัก จะเป็นข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น  ไข่ต้มสุก และถั่วอบ ซึ่งนาซิ เลอมักแบบดั้งเดิมจะห่อด้วยใบตอง และมักทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่ทานได้ทุกมื้อ และแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยด้วย

 

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

ปอเปี้ยะเวียดนาม - ประเทศเวียดนาม

10.ประเทศเวียดนาม

          เปาะเปี๊ยะเวียดนาม  (Vietnamese Spring Rolls) ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศเวียดนาม ความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนาม อยู่ที่การนำแผ่นแป้งซึ่งทำจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย